มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลที่ถ้ำ Gorham

กระทู้สนทนา

ชีววิทยา โบราณคดี ประวัติศาสตร์ ประเทศอังกฤษ

.
กลุ่มครอบครัวนีแอนเดอร์ทัล
ที่ปากทางเข้าถ้ำริมชายฝั่ง
Le Moustier by Charles R. Knight, 1920
.

.

ก่อนที่มนุษย์สมัยใหม่จะเดินไปมาบนพื้นโลก
ในยุโรปยังมีสิ่งมีชีวิตอีกสายพันธุ์หนึ่ง
ที่ในอดีตเคยระบุว่า ไม่น่าจะใช่มนุษย์
นั่นคือ พวก นีแอนเดอร์ทัล Neanderthal
เพราะยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า
มนุษย์ยุคหินปรากฏตัวในที่เกิดเหตุเมื่อใด
แต่ประมาณว่ามีพวกนีแอนเดอร์ทัล
ตั้งแต่ 300,000 ปีจนถึง 800,000 ปีก่อน
ส่วนวันที่พวกนี้สูญพันธุ์ไปก็ไม่แน่นอนเช่นกัน
แต่ข้อมูลที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า
มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

เมื่อประมาณ 40,000 ปีที่แล้ว
ยังมีพื้นที่ขนาดเล็กหลายแห่งทั่วยุโรป
ที่มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลดูเหมือนจะรอดชีวิตได้นานกว่านี้มาก
หนึ่งในสถานที่ดังกล่าวคือ กลุ่มถ้ำกอร์แฮม Gorham
ตำแหน่งถ้ำแห่งนี้มีความสำคัญมาก
เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่สุดท้ายที่รู้จักกันดี
ว่าเป็นพวก Neanderthals ในยุโรป

ถ้ำกอร์แฮม Gorham เป็นกลุ่มของถ้ำสี่แห่ง
ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาหินปูนสูงชันด้านทะเล
ที่ Rock of Gibraltar ทางเข้าถ้ำสูงประมาณ 35 เมตร
แต่ยิ่งเข้าถ้ำไปลึกจะยิ่งเตี้ย/แคบลง
เข้าไปจนลึกประมาณ 60 เมตร
ให้เลี้ยว 90 องศากะทันหัน
ความยาวรวมของถ้ำนี้อยู่ที่ประมาณ 100 เมตร
แต่มีความเป็นไปได้ว่า
ถ้ามีการวิจัยเพิ่มเติมอาจพบว่า
ถ้ำแห่งนี้อาจจะยาวกว่านี้
และอาจจะค้นพบเรื่องราวใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ

ถ้ำแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่ครั้งแรก
เมื่อประมาณ 55,000 ปีก่อน
ชายฝั่งทะเลอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร
หลังจากยุคน้ำแข็งสุดท้ายสิ้นสุดลง
และระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น
ทำให้ทะเลก็เข้ามาใกล้ถ้ำมากขึ้น
ตอนนี้ถ้ำอยู่ห่างจากทะเล Alboran เพียงไม่กี่เมตร
.

.
ทะเล Alboran Sea มองจากภายใน
ถ้ำ Gorham ที่ Gibraltar
.

.
ถ้ำ Gorham ทางตะวันออก
ของ Rock of Gibraltar
.

.
ถ้ำที่สลับซับซ้อนของถ้ำ Gorham
© Visit Gibraltar/Flickr
.

.
ภาพจากดาวเทียม ทะเล Alboran
.

.
แผนที่ทะเล Alboran
.

.
Gibraltar
.

.
ลม/เมฆ Levant ก่อตัสขึ้นทางด้านตะวันออก
ของหน้าผา Rock of Gibraltar
.

.
พื้นที่สูงชันด้านตะวันออก Rock of Gibraltar
.

.
ปราสาท Moorish
.

.
หน้าผาทางเหนือของ The Rock of Gibraltar
จากด้านอ่าว Bayside (c.1810)
กับช่องส่อง/ยิงปืนลงมาจากด้านบน
.

.

ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1907
โดยกัปตัน A. Gorham
จาก 2nd Battalion Royal Munster Fusiliers
และ Gorham ก็ตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้/เขียนวันที่ค้นพบ
ด้วยสีดำจากเขม่าควันของตะเกียงบนฝาผนังถ้ำ
จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำ Gorham ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากการค้นพบครั้งแรก
ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก
จนกระทั่งประมาณ 40 ปีต่อมา
เมื่อวิศวกรกองทหารช่าง Royal Engineers
Eric Keighley และ Denis Ward
ได้ค้นพบเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องมือหิน
รวมทั้งซากมนุษย์และสัตว์
และรายงานการค้นพบนี้ต่อ
ผู้ปกครอง Gibraltar
(ที่นี่ยังเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ
ที่ยึดมาจากเสปนจนทุกวันนี้)

พร้อมกับรายงานเรื่องนี้ให้
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ
ภายหลังจากการขุดค้นทางโบราณคดี
เมื่อลอกตะกอนหนา 18 เมตรออก
พบการสะสมข้าวของในช่วงเวลาต่าง ๆ
ที่ฝังอยู่ภายในตะกอนเหล่านี้
เป็นหลักฐานของการที่มีผู้อยู่อาศัย
ที่มีอายุย้อนหลังไปถึง 47,000 ปีก่อน
ยุคที่น่าสนใจที่สุดคือ
ระหว่าง 32,000 ถึง 24,0000 ปี
ที่ถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล
.

.

ในปี 1848
กะโหลกมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลชุดแรกถูกค้นพบ
ในตอนแรกคิดกันว่าเป็นกะโหลกศีรษะมนุษย์
จนกระทั่งได้รับการศึกษาโดยนักบรรพชีวินวิทยา
George Busk และ Hugh Falconer

ในปี 1862
ท่านทั้งสองได้ประกาศว่ากะโหลกศีรษะที่ค้นพบ
เป็นของสายพันธุ์ใหม่และเสนอให้
เรียกว่า Homo calpicus
ต่อมาจึงรู้ว่ากะโหลกศีรษะ Homo neanderthalensis
กะโหลกศีรษะเป็นกะโหลกผู้ใหญ่
ยุคมนุษย์กลุ่มแรกที่ค้นพบและถึงแม้จะเล็ก
แต่ก็มีขนาดเกือบสมบูรณ์แล้ว

ในปี 1926
กะโหลกศีรษะมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล อันที่ 2
ของเด็กอายุราว 4 ขวบถูกพบที่เพิงหิน
ใกล้กับจุดแรกที่มีการค้นพบกะโหลกศีรษะอันแรก

ในปี 1947 และ 1954
มีการขุดค้นครั้งใหญ่ในช่วงนี้
พบว่าถ้ำของกอร์แฮมมีคนเข้ามาอยู่
ครอบครองมานานกว่า 100,000 ปี
ในช่วงยุคกลาง Palaeolithic
Upper Palaeolithic และ Holocene

ในปี 1994
การขุดค้นครั้งล่าสุด
เผยให้เห็นภูมิทัศน์ยุคหินที่ไม่พบที่อื่น
หินงอกหินย้อยที่ร่วงหล่นลงมา
มีพวกค้างคาวก่อกวน และเศษซากอื่น ๆ
ที่ฝังอยู่ภายใต้ตะกอนทรายหลายเมตร
ถือเป็นการค้นพบอันล้ำค่า
ที่ช่วยให้นักบรรพชีวินวิทยา
สามารถสร้างวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัย
และสภาพแวดล้อมได้อย่างละเอียด
.

.
รอยขูดขีดบนผนังถ้ำนี้เชื่อกันว่า
เป็นฝีมือมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล
.

.
Male Alpine ibex
.

.

หลักฐานจากถ้ำยิบรอลตาร์
แสดงให้เห็นว่ามนุษย์นีแอนเดอร์ทัล
ครอบครองคาบสมุทรแห่งนี้ราว 100,000 ปี
แต่ไม่ได้อยู่ที่นั่นตลอดทั้งปี
เพียงแต่อาศัยอยู่ในกลุ่มเป็นครั้งคราว
และกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
พื้นที่ชุ่มน้ำสะวันนาและพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล
ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ฝูงสัตว์เดินทางไป

ซากสัตว์ที่พบในถ้ำแสดงให้เห็นว่า
พวกนีแอนเดอร์ทัลเป็นนักล่าที่กระตือรือร้น
ในบรรดาสัตว์ขนาดใหญ่ที่โปรดปรานคือ Ibex
ซึ่งจะมีอยู่มากมายในบริเวณใกล้เคียงกับถ้ำ
ทั้งยังล่ากวางแดง และสัตว์กินหญ้าอื่น ๆ
นอกจากสัตว์ขนาดใหญ่แล้ว
พวกนีแอนเดอร์ทัลยังกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ๆ
เช่น กระต่ายและนก ซึ่งมีอยู่มากมายในยิบรอลตาร์
เพราะพบซากของสายพันธุ์ต่างๆ เกือบ 150 สายพันธุ์
ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของสายพันธุ์ทั้งหมดในยุโรป
ซากสายพันธุ์เหล่านี้ถูกพบภายในถ้ำแห่งนี้
ทำให้ถ้าแห่งนี้กลายเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์
ของสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มากที่สุดในยุโรป
พวกนีแอนเดอร์ทัลยังกินเต่า แมวน้ำ และหอยจำนวนมาก
โดยอาจจะเก็บเกี่ยวจากชายทะเล
และนำกลับมาใส่ถุงที่ทำจากหนังสัตว์
.

.

พวกนีแอนเดอร์ทัลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด
รู้จักวิธีสร้างไฟ ทำอาหาร เก็บอาหาร
ทอเสื้อผ้า/ผ้าห่ม ใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพร
เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
แต่เริ่มหายไประหว่าง 45,000 ถึง 42,000 ปีก่อน
เพราะเมื่อสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างกะทันหัน
เกิดความแห้งแล้ง และพื้นดินไม่เสถียรภาพ
ทุ่งหญ้าสะวันนาที่อุดมสมบูรณ์ถูกแทนที่ด้วยป่าสน
ในขณะที่พื้นดินที่สูงขึ้นมา
กลายเป็นที่ราบกว้างใหญ่ที่แห้งแล้ง

แม้ว่าพวกนีแอนเดอร์ทัลในยิบรอลตาร์
จะสามารถอพยพไปยังที่ราบ
ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นในแอฟริกา
แต่ช่องแคบยิบรอลตาร์ได้สกัดกั้น
การเดินทางอพยพของพวกนีแอนเดอร์ทัล
อย่างไรก็ตาม พวกนีแอนเดอร์ทัลในยิบรอลตาร์
อยู่รอดมาได้จนถึง 24,000 ปีก่อน
และชุดนี้อาจจะเป็นกลุ่มสุดท้ายของสายพันธุ์
เพราะในที่สุด เมื่อมนุษย์สมัยใหม่มาถึง
การแข่งขัน/การทำสงครามแย่งชิงที่เพิ่มขึ้น
สายพันธุ์/สปีชีส์ที่ฉลาดกว่า เจ้าเล่ห์กว่า
ก็ผลักดันให้มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลคนสุดท้ายสูญพันธุ์ไป

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/3N52ZDa

.