มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวหนักมาก ลองแก้หลายวิธีก็ไม่หาย ตอนนี้จนปัญญาแล้วครับ

ผมเป็นคนที่มีกลิ่นตัวแรงมากครับ ทั้งเพื่อนๆ คนรู้จัก และคนในครอบครัวต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน เป็นมานานแล้ว ผมก็พยายามดับกลิ่นตัวของตัวเอง ตั้งแต่การอาบน้ำ ผมอาบน้ำแต่ละครั้งฟอกสบู่ 2-3 รอบ สระผม 2 รอบเป็นอย่างต่ำ แล้วใช้น้ำหอมดับกลิ่นตัว จนเคยมั่นใจแล้วว่าเอาอยู่ แต่พอได้ไปเจอเพื่อนๆ แล้วนั่งรถไปด้วยกัน เพื่อนก็ทักเรื่องกลิ่นตัวเช่นเคย เนื่องจากตัวผมจะไม่ได้กลิ่นของตัวเอง จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าร้ายแรงแค่ไหน เพื่อนบอกว่ามันไม่ใช่กลิ่นตัวแบบธรรมชาติ แต่เป็นกลิ่นอับเหมือนคนไม่อาบน้ำ หรือกลิ่นที่เป็นของเสีย ทั้งที่ฟอกสบู่มา 3 รอบเลยนะ คือมั่นใจสุดๆ ว่าไม่มีกลิ่นแน่ แต่เพื่อนยืนยันว่ากลิ่นแรงเหมือนเดิม และคาดว่าน่าจะเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายแล้ว เพราะเพื่อนบอกว่ายังไม่ฟอกสบู่หลายรอบแบบผมเลย แต่ก็ไม่มีกลิ่นตัวให้รู้สึก โดยเพื่อนแนะนำให้ลองใช้น้ำหอมกลิ่นซอฟๆ แบบของผู้หญิง เพราะถ้าใช้น้ำหอมกลิ่นแรง กลิ่นน้ำหอมจะไปตีกับกลิ่นตัวทำให้กลิ่นเพี้ยนหนักกว่าเดิม ซื้อไดรเป่าผมมาใช้ เพราะการใช้ผ้าเช็ดทำให้ผมไม่แห้งพอ ทำให้เกิดกลิ่นอับได้และน้ำหอมก็เอาไม่อยู่ รวมทั้งใช้ลีฟออนครีมใส่ที่ผมหลังจากไดรเสร็จ นอกจากนี้เพื่อนยังแนะนำให้ฉีดน้ำหอมใส่ตัว เพราะเป็นที่มาของกลิ่น จะอยู่นานกว่าฉีดใส่เสื้อผ้า แต่ผมทำไม่ได้ เพราะผมเป็นโรคสะเก็ดเงิน ผิวแพ้ง่ายมาก เคยลองฉีดใส่ตัวปรากฏว่าแสบเลย แต่ลองทำทุกอย่างยกเว้นฉีดน้ำหอมใส่ตัว เพื่อนก็บอกว่าดีขึ้นนะ แต่ก็ยังกำจัดกลิ่นตัวได้ไม่หมด แต่อยู่ในระดับที่พอรับได้แล้ว

และล่าสุดได้ไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนสนิทอีกคน ไปรถส่วนตัว มีเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของรถ แฟนเพื่อน มีรุ่นน้องผู้ชายไปด้วย และรุ่นน้องก็พาแฟนไปด้วย รวม 5 คน รอบนี้ผมพยายามคุมกลิ่นตัวมาอย่างดี ตามคำแนะนำที่เพื่อนคนแรกบอก รวมทั้งใช้ครีมอาบน้ำสูตรดับกลิ่นตัวโดยเฉพาะ แต่รอบล่าสุดนี่แหละที่เกิดเรื่องจนทำให้ผมต้องมาตั้งกระทู้ ตอนขาไปยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามาเกิดตอนขากลับ หลังออกจากหัวหินเวลาประมาณ 4 ทุ่ม นั่งไปสักพัก เพื่อนที่ขับรถได้ส่งไลน์มาบอกผมว่า "กลิ่นตัวเมิงหนักมาก น้องๆ ออกอาการแล้ว" ที่ส่งไลน์มาเพราะไม่กล้าบอกผมตรงๆ ต่อหน้าน้อง พอผมสังเกตก็จริงตามที่เพื่อนไลน์มาบอก โดยเฉพาะแฟนของรุ่นน้องที่นั่งอยู่เบาะหลังด้านซ้าย ที่ขอยาดมจากเพื่อนๆ แต่ไม่มีใครมี ผมนั่งเบาะหลังฝั่งขวา รุ่นน้องผู้ชายนั่งกลาง

พอไม่มีใครมียาดม เพื่อนก็เลยจะไปจอดปั๊มที่มีเซเว่นให้ แต่ยังไม่ทันถึงปั๊ม แฟนของรุ่นน้องก็อ้วกออกมา เลอะเทอะรถไปหมด แล้วเบาะรถเพื่อนเป็นเบาะผ้า ทำความสะอาดยากเพราะต้องถอดไปซัก ซึ่งก็ต้องจอดทำความสะอาดเบื้องต้นที่ปั๊มไปสักพัก เรื่องค่าทำความสะอาดรถ เพื่อนไม่เก็บที่น้องหรือแฟนน้อง แต่มาเก็บที่ผมแทน โดยบอกว่าผมคือต้นเหตุที่ทำให้น้องอ้วกบนรถ ในขณะที่ตัวเพื่อนกับแฟนเพื่อนไม่ค่อยมีปัญหากับกลิ่นตัวผมเพราะสนิทกันและชินกับกลิ่นนี้แล้ว (แต่บางทีก็หนักเกินไป)

ทีนี้เพื่อนอธิบายให้มองเห็นภาพ ลองขี่มอไซค์ตามหลังรถขยะที่มีขยะเต็มรถ ความแรงของกลิ่นมันแบบนั้นเลย แต่เปลี่ยนเป็นโทนกลิ่นอับเหมือนคนไม่อาบน้ำ ชวนให้อ้วกได้ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังบอกให้ลองสังเกตสีหน้าคนข้างๆ ตอนนั่งรถตู้ด้วย เพราะผมนั่งรถตู้ไปทำงานทุกวัน เพื่อนบอกว่าเข้าใจหัวอกคนที่นั่งรถตู้คันเดียวกับผมเลย โดยเฉพาะตอนขากลับบ้าน

เลยมาขอคำแนะนำครับ ว่าจะแก้ยังไงดี นอกเหนือจากวิธีที่ผมใช้ครับ เพราะลองทำทุกทางจนมั่นใจแล้วแต่ก็ยังมีกลิ่นจนเกิดเรื่อง

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ประเด็นที่คุณมีกลิ่นตัว เราแนะนำให้คุณไปปรึกษาแพทย์ค่ะ
บางทีมันเป็นที่ฮอร์โมน หรืออะไรบางอย่างที่น้ำหอม สบู่มันช่วยไม่ได้
จากที่อ่านเราว่าเนื้อตัวคุณไม่ได้สกปรก แต่มันน่าจะเป็นปัญหาจากภายในนะ อันนี้อาจจะต้องพึ่งแพทย์นะคะ
และก็อาจจะต้องงดการรวมกลุ่มกับเพื่อนเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบนี้ไปก่อนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
เห็นคุณบอกว่าเป็นโรคสะเก็ดเงินด้วย ลองเอาน้ำหอมฉีดแล้วแสบ แสดงว่าเป็นผื่นลอกๆ อยู่ใช่ไหม แล้วคุณบอกว่ากลิ่นตัวเป็นกลิ่นอับเหมือนคนไม่อาบน้ำ ก็น่าจะสอดคล้องกันเลยครับ น่าจะเป็นเพราะโรคสะเก็ดเงิน หลานผมก็เป็นครับ จะเป็นผื่นลอกๆ มันคือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วทั้งนั้น ซึ่งมันก็คือของเสีย พอมาเจอเหงื่อหรือน้ำก็เลยเกอดกลิ่นอับขึ้นมา โรคนี้ไม่หายขาด แต่สามารถรักษาให้อาการสงบได้ ลองปรึกษาหมอดีๆ ครับ
ความคิดเห็นที่ 5
1. งดโปรตีนจากเนื้อ-นม-ไข่      เปลี่ยนมากินโปรตีนจากพืช (ถั่วเหลือง-นมถั่วเหลือง-เต้าหู้) แทน  ลดอาหารไขมันสูง   และเพิ่มผักสด+ผลไม้
2. งดชา-กาแฟ -เหล้า - เบียร์       ทานแต่น้ำเปล่าวันละ 10-12 แก้วโดยจิบทั้งวัน
3. ทาโรลออนยี่ห้อ  Certain Dri     ทาทั้งตอนเช้า (สูตรเช้า) และทาก่อนนอน (สูตรกลางคืน)  ซื้อมาใช้ทั้งสองสูตรเพื่อยับยั้งเหงื่อ
4. ฉีดโบท็อกซ์ที่รักแร้ เพื่อระงับเหงื่อ (ถ้าขี้เกียจทาโรลออนข้อ3)
5. ลดความอ้วน
6. ออก กลก ทุกวันเพื่อระบายของเสีย
7. ซักผ้าและแช่ผ้าด้วยเดตตอล  ตากเสื้อผ้าที่แดดจัดๆ
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 176
ขอตอบ จขกท นะคะ

ปัญหากลิ่นตัวแรง จากที่เล่ามา น่าจะเข้าได้กับภาวะ Bromhidrosis
ซึ่งคือภาวะความผิดปกติของต่อมเหงื่อ/ต่อมกลิ่น
ซึ่งยังแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะของต่อม
คือ Apocrine bromhidrosis และ Eccrine bromhidrosis

ซึ่งอันที่พบได้บ่อยกว่าคือ Apocrine bromhidrosis
เกิดจากต่อมกลิ่น Apocrine ที่บริเวณรักแร้ ถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
ภาวะนี้พบบ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมน

ซึ่งตามปกติสารคัดหลั่งที่ออกมาจากต่อม Apocrine ตอนแรกจะไม่มีกลิ่น
แต่เมื่อถูกแบคทีเรียที่ผิวหนังย่อยสลายสารคัดหลั่งเหล่านี้ จะเกิดกลิ่นขึ้นมาได้
เช่น แอมโมเนีย (ammonia) และกรดไขมันสายสั้นๆ (ε-3-methyl-2-hexenoic acid)
ทำให้เกิดกลิ่นตัว

ซึ่งถ้าหากมีจำนวนต่อมกลิ่นมาก หรือต่อมนี้ทำงาน hyperactive เยอะกว่าคนทั่วไป
ทำให้เกิดกลิ่นตัวที่มากขึ้นได้

ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ Bromhidrosis รุนแรงขึ้น
1. อากาศร้อน อับชื้น ทำให้เหงื่อออกมากขึ้น
2. ความสะอาด ซึ่งตรงนี้ จขกท ก็ได้บอกว่ารักษาความสะอาดดีแล้ว
3. อาหารบางอย่าง เช่น กระเทียม แกงหรี่ เครื่องเทศ หน่อไม้ฝรั่ง
4. ภาวะเหงื่อออกมาเกินไป (Hyperhidrosis) โรคผิวหนังบางอย่าง เช่น โรคเท้าเหม็น (pitted keratolysis)

วิธีรักษาและป้องกันแบบเบื้องต้น
1. อาบน้ำด้วยสบู่เหลวฆ่าเชื้อ เน้นฟอกที่รักแร้ ขาหนีบ
2. เลี่ยงอากาศร้อน อับชื้น หรือภาวะที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ
3. เปลี่ยนเสื้อผ้าถ้าหากตัวชุ่มเหงื่อ ใส่ผ้าที่เนื้อบางเบาสบาย
4. ใช้ยาระงับเหงื่อ (Antiperspirants) เช่น Aluminium chloride กลไกยาจะไปอุดท่อเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง แบคทีเรียที่ผิวเจริญเติบโตน้อยลง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน
5. โกนขนหรือทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เพื่อลดการสะสมของเหงื่อ ป้องกันแบคทีเรียเติบโต และลดการสะสมกลิ่น
6. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน กลไกคือช่วยลดเหงื่อและลดกลิ่นตัว

เบื้องต้นแนะนำคุณจขกท ให้พบแพทย์ผิวหนังที่จบเฉพาะทาง อาจจะเป็นที่ รพ รัฐ/ รพ ศูนย์ขนาดใหญ่ รพโรงเรียนแพทย์ รพ มหาวิทยาลัย หรือ รพ เฉพาะทางผิวหนัง ใกล้บ้านหรือที่เดินทางได้สะดวกค่ะ

ถ้าลองทุกวิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล ขั้นตอนต่อไปคือการผ่าตัดเอาต่อมกลิ่นออก ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่มีความซับซ้อนและอาจมีผลข้างเคียงได้ค่ะ

สุดท้ายขอแนบตารางของภาวะ bromhidrosis
อ้างอิงจาก Bolognia ed4 (หนังสือ standard textbook ที่แพทย์เฉพาะทางผิวหนังใช้เรียนกันค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่