JJNY : ก๋วยจั๊บดังโคราชโอด│ชาวนาโอดยุคนี้อยู่ยาก│Fortify Rights เผยคลิปวิดีโอทหารทำลายสะพานผู้ลี้ภัย│‘ทูตรัศมิ์’ เย้ยกต.

ร้านก๋วยจั๊บเจ้าดังโคราชโอด วัตถุดิบทุกอย่างแพง พยุงราคาเดิม หวั่นกระทบลูกค้า
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7029078
 
 
นครราชสีมา ร้านก๋วยจั๊บชื่อดังเมืองโคราช โอดครวญ วัตถุดิบแพงทุกอย่าง ซ้ำเติมก๊าซหุงต้มแพงตาม แต่ไม่กล้าปรับขึ้นราคา หวั่นลูกค้าหายหมด วอนภาครัฐแก้ปัญหาของแพง รวมถึงก๊าซหุงต้ม

3 พ.ค. 65 – จากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภค มีการปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกประเภท ทั้ง หมู ไข่ไก่ ซอสปรุงรส น้ำมันพืช ไม่เว้นแม้กระทั่งราคาก๊าซหุงต้มที่เพิ่งมีการปรับราคาขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าและก๊าซหุงต้มที่มีราคาสูงขึ้น
 
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบต่างๆ ในการประกอบอาหารเพื่อจำหน่าย ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้บรรดาเจ้าของกิจการร้านอาหารต้องหามาตรการต่างๆ มาปรับใช้ในภาวะของแพงเช่นนี้ ทั้งการขึ้นราคาอาหาร หรือแม้กระทั่งการลดปริมาณของอาหารลง เพื่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการร้านอาหาร
  
นางมะลิวัลย์ พรวนพิทักษ์ อายุ 77 ปี เจ้าของร้านก๋วยจั๊บมะลิวัลย์ หรือ ชาวโคราชเรียกกันว่า “ก๋วยจั๊บหน้าค่าย” ร้านก๋วยจั๊บเปิดมานานกว่า 30 ปี บอกว่า จากราคาสินค้าที่แพงขึ้น ทำให้ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยการลดปริมาณเครื่องของก๋วบจั๊บลง แต่ราคายังเหมือนเดิม โดยที่ร้านขายในราคา 35 พิเศษ 45 บาท ทำให้ลูกค้ายังคงมากินก๋วยจั๊บที่ร้านอยู่
   
ตนคิดว่าการปรับราคาขึ้น จะส่งผลกระทบต่อลูกค้า จึงยอมที่จะได้กำไรลดลงดีกว่าการปรับราคาแพงขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังพอพยุงต่อไปได้ แต่ในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง หากของยังแพงอยู่แบบนี้
 
จึงอยากให้รัฐบาลมาช่วยดูปัญหาของราคาสินค้าที่แพงขึ้น โดยเฉพาะราคาของก๊าซหุงต้ม เพราะที่ร้านของต้นใช้ก๊าซหุงต้มในการประกอบอาหาร ใช้แต่ละวันจำนวนหลายถัง หากถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ตนก็ไม่รู้จะยังคงขายก๋วยจั๊บในราคาแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
 

 
ชาวนาโอด ยุคนี้อยู่ยาก แพงขึ้นทุกอย่าง เว้นอย่างเดียว ‘ราคาข้าว’
https://www.matichon.co.th/region/news_3322412

ชาวนาโอด ยุคนี้อยู่ยาก แพงขึ้นทุกอย่าง เว้นอย่างเดียว ‘ราคาข้าว’
 
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายศรชัย สิบหย่อม สมาชิก อบต. ตำบล หนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นเกษตรกรชาวนา ตำบลหนองโสน กล่าวว่า
 
“ขณะนี้ ประชาชนรากหญ้า ต่างพากันเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจาก ราคาข้าวของต่างขึ้นราคากันรายวัน นอกจากนี้ ค่าน้ำมันก็ขึ้นราคา ค่าปุ๋ยค่ายาเหมือนเอื้อให้นายทุนใหญ่ จากเดิมค่าปุ๋ย ราคากระสอบละ 400-600 บาท แต่ขณะนี้ปรับขึ้นราคา กระสอบละ 1,900-2,000 บาท จะอยู่กันได้อย่างไร แม้แต่มาม่ายังขึ้นราคา ขึ้นอีกซองละ1 บาท”
  
นายศรชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาล รู้อยู่เต็มอกว่าเศรษฐกิจ มันแย่จน ไปไม่ไหว รัฐบาลยังดันทุรัง ผมเองไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนแย่เท่ารัฐบาลประยุทธ์ ข้าวยากหมากแพง ประชาชนนั้นเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ต่างพากันอดอยาก แทบไม่มีกิน
 
“อยากฝากบอกไปยังรัฐบาลว่า ข้าวของขึ้นราคา แม้แต่ค่าแรง ก็ยังปรับขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ขึ้นราคาคือราคาข้าว ยังตกต่ำ เหลือเพียงตันละ 6,000 บาท ผมอยากถามรัฐบาลปัจจุบันว่า ปุ๋ยก็ขึ้น ยาก็ขึ้น ทุกอย่างขึ้น ราคาแต่ทำไม่ไม่ขึ้นราคาข้าวให้เกษตรกรชาวนาบ้าง นับวันราคาข้าว ถูก ลง เพราะถูกกดราคา ดังนั้นอยากเรียกร้องรัฐบาลออกมาแก้ไข อย่าปล่อยให้ประะชาชน เจอปัญหาหนัก คนจนอยู่ไม่ได้ แต่คนรวยอยู่ได้” ศรชัยกล่าว
  

 
'Fortify Rights' เผยแพร่คลิปวิดีโอ ทหารไทยทำลายสะพานข้ามพรมแดนของผู้ลี้ภัยชาวเมียนมา
https://prachatai.com/journal/2022/05/98430
 
องค์กร Fortify Rights รายงาน

Fortify Rights องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเผยแพร่คลิปวีดีโอทหารไทยกำลังทำลายสะพานข้ามพรมแดนของผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาบริเวณชายแดนแม่สอด พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลการรีดไถผู้ลี้ภัยผ่าน “บัตรตำรวจ” ทั้งนี้ Fortify Rights เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และให้คุ้มครองผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาบริเวณชายแดน

3 พ.ค. 2565 องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights เผยแพร่คลิปวีดีโอทหารไทยกำลังทำลายสะพานข้ามพรมแดนของผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาบริเวณชายแดนแม่สอด โดยองค์กร Fortify Rights รายงานว่า รัฐบาลไทยควรดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ทหารไทยทำลายสะพานข้ามพรมแดนชั่วคราว ซึ่งผู้ลี้ภัยใช้หลบหนีเหตุโจมตีอันร้ายแรงในพื้นที่ภาคตะวันออกของเมียนมา

องค์กร Fortify Rights กล่าวว่า คลิปวิดีโอที่บันทึกจากชายแดนฝั่งเมียนมาที่ Fortify Rights ได้รับมา เผยภาพเหตุการณ์ขณะที่ทหารไทยในเครื่องแบบกำลังทำลายสะพานข้ามแม่น้ำวาเล่ย์ แม่น้ำสาขาของลำน้ำเมย อันเป็นพื้นที่พรมแดนระหว่างประเทศไทยกับเมียนมา หลักฐานใหม่ยังชี้ให้เห็นว่า ทางการไทยทำการจับกุมผู้ลี้ภัยโดยพลการ รวมถึงมีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจรีดไถเงินจากพวกเขาในพื้นที่อำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างสองประเทศ
 
“รัฐบาลไทยควรรับประกันว่าจะมีการสืบสวนเหตุที่เกิดขึ้นในบริเวณพรมแดน เพื่อเป็นการให้การคุ้มครองสิทธิของผู้ลี้ภัย ไม่ใช่ละเมิดสิทธิของพวกเขามากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ยังควรตรวจสอบเหตุจับกุมตัวผู้ลี้ภัยโดยพลการ ตลอดจนเหตุทำลายสะพานอย่างเร่งด่วน” เอมี สมิธ (Amy Smith) ผู้อำนวยการบริหารองค์กร Fortify Rights กล่าว
   
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 
คลิปวิดีโอนี้บันทึกจากฝั่งประเทศเมียนมา ณ พรมแดนประเทศไทย-เมียนมา เผยแพร่ภาพทหารไทยในเครื่องแบบสองนาย กำลังทำลายสะพานไม้ไผ่ขนาดเล็กข้ามแม่น้ำวาเล่ย์ โดยมีทหารไทยอีกนายหนึ่งมองดูอยู่ สะพานคนเดินข้ามแห่งนี้เชื่อมพื้นที่จังหวัดตากของไทย กับรัฐกะเหรี่ยงในเมียนมาที่บอบช้ำจากสงคราม รวมถึงเป็นพื้นที่ซึ่งกองทัพเมียนมาบุกโจมตีและสังหารพลเรือน ตลอดจนผู้เยาว์ ในช่วงหลายสัปดาห์และหลายเดือนที่ผ่านมา
 
วิดีโอความยาวกว่า 16 นาทีที่ Fortify Rights ได้รับมา เผยให้เห็นภาพทหารไทยนายหนึ่งกำลังใช้มีดพร้าฟันสะพาน ส่วนทหารอีกนายก็กำลังช่วยรื้อสะพาน ทั้งสองทำงานกันอย่างเป็นระบบ มีการทิ้งชิ้นส่วนสะพานลงในแม่น้ำด้านล่าง ในวิดีโอยังได้ยินเสียงประชาชนพูดภาษากะเหรี่ยงและเด็กทารกกำลังร้องไห้ แม้จะไม่เห็นภาพพวกเขา มีทหารไทยนายหนึ่งขู่สังหารบุคคลที่ไม่ปรากฏภาพในวิดีโอและอยู่ฝั่งชายแดนเมียนมา
 
“ถ่ายอะไรวะ ไอ้เ-ี้ยนี่ -ึงอยากตายเหรอ” ในตอนท้ายของวิดีโอ
  
ทหารเหล่านั้นได้รื้อสะพานออกทั้งหมด Fortify Rights ยืนยันว่าภาพวิดีโอดังกล่าวเป็นการบันทึกไว้จริงในเดือนมีนาคม 2565 โดยได้จัดเก็บข้อมูลวันที่เวลาเกิดเหตุโดยเฉพาะเจาะจงไว้ด้วย  
 
ในขณะเดียวกัน Fortify Rights ยังได้รับคลิปวีดีโอมาอีกไฟล์หนึ่ง ซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ก่อนที่ทหารไทยจะทำลายสะพาน เผยภาพให้เห็นว่ามีกลุ่มคนอย่างน้อย 45 คนกำลังเดินทางข้ามสะพาน ไม่ก็ยืนต่อคิวเพื่อข้ามสะพาน โดยในจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก วิดีโอดังกล่าว ซึ่งถูกบันทึกไว้เพียงหนึ่งนาที 36 วินาที เผยให้เห็นภาพกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวเมียนมา โดยในจำนวนนั้นมีเด็กจำนวนมาก กำลังเดินทางอย่างเร่งรีบและระมัดระวัง พวกเขาแบกกระสอบซึ่งคาดว่าจะเป็นสัมภาระส่วนตัว ตลอดจนเสบียงอาหารเพื่อหลบหนีจากความรุนแรงในเมียนมา แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับสะพานและพื้นที่ดังกล่าวบอกกับ Fortify Rights ว่า ผู้ลี้ภัยจากเมียนมา โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงวัย ใช้สะพานนี้เพื่อเดินทางหลบหนีจากความรุนแรงและการประหัตประหารนอกจากนี้ ผู้ทำงานด้านการบรรเทาทุกข์อย่างไม่เป็นทางการยังใช้สะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางเพื่อขนส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชีวิตจากประเทศไทยไปให้กับผู้พลัดถิ่นภายในประเทศในเมียนมา
 
ในวันที่ 3 ก.พ. 2565 Fortify Rights ได้สัมภาษณ์ทหารไทยนายหนึ่ง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย ตรงพรมแดนประเทศไทย-เมียนมา ทหารนายนี้ยืนยันว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังนเรศวร กองทัพบกไทย ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่ “ปกป้องคุ้มครอง” พื้นที่บริเวณพรมแดนไทย เขาบอก
 
กับ Fortify Rights ว่า ได้รับคำสั่งขัดขวางไม่ให้ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาเดินทางข้ามแม่น้ำเข้าสู่ดินแดนไทยได้ โดยในเดือนมีนาคม 2564 ระหว่างที่รัฐบาลทหารเมียนมาบุกโจมตีพลเรือนในช่วงหลังการทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ขัดขวางไม่ให้มีคนจากเมียนมา “เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” ซึ่งหมายถึงการปิดกั้นการอพยพของผู้ลี้ภัย ในขณะเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามคำสั่งดังกล่าว ทางการไทยยังได้บังคับส่งผู้ลี้ภัยหลายพันคนกลับไปเมียนมา
 
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 Fortify Rights ได้สัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยจากเมียนมา 15 คน บริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงเจ็ดคน เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติสองคน และผู้ทำงานบรรเทาทุกข์สี่คนในประเทศไทย นอกจากวิดีโอที่เผยแพร่ในวันนี้แล้ว บันทึกการสัมภาษณ์โดยตรงจาก Fortify Rights ทั้งหมดเผยให้เห็นว่าทางการไทยได้จับกุม ควบคุมตัวผู้ลี้ภัยโดยพลการ รวมถึงยังมีรายงานกล่าวว่าพวกเขาใช้อำนาจรีดไถเงินจากผู้ลี้ภัยจากเมียนมาในช่วงปีที่ผ่านมา
 
บัตรตำรวจ
  
เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว Associated Press รายงานว่ามีการออก “บัตรตำรวจ” ให้กับผู้ลี้ภัยผ่านนายหน้าคนกลาง โดยพวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 350 บาท ผู้ลี้ภัยหลายคนในแม่สอดจ่ายเงินเพื่อซื้อเอกสารไม่เป็นทางการดังกล่าว เพราะเชื่อว่าตนจะไม่โดนจับกุมหากมีบัตรตำรวจไว้กับตัว
 
อย่างไรก็ดี ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Associated Press รัฐบาลไทย “ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง” ว่าไม่มีการใช้อำนาจรีดไถเงินผู้ลี้ภัย แต่ถึงกระนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาแถลงในเวลาต่อมาว่าจะดำเนินการสืบสวนเหตุดังกล่าว รวมถึงจะหาตัวเจ้าหน้าตำรวจผู้มีส่วนรับผิดชอบพัวพันกับระบบบัตรตำรวจ ในการนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ที่เข้าไปพัวพันกับระบบออกบัตรดังกล่าว จะถือว่ามีความผิดทางอาญา รวมถึงต้องได้รับบทลงโทษทางวินัย”
 
ผู้ลี้ภัยหลายคนในอำเภอแม่สอดอธิบายกับ Fortify Rights ถึงระบบซึ่งคนในพื้นที่เรียกว่า “บัตรตำรวจ” โดยผู้ลี้ภัยคนหนึ่งจากเมียนมาบอกกับ Fortify Rights ว่า
 
“บัตรตำรวจที่เราใช้ ไม่ได้เป็นหลักประกันหรือให้ความปลอดภัยอะไร แต่เราต้องซื้อบัตรนี้เพราะคนอื่น ๆ ก็ใช้บัตรตำรวจแบบเดียวกัน เราได้ยินว่ามาถ้าแสดงบัตรนี้ เราจะไม่โดนจับ” ผู้ลี้ภัยกล่าว
 
ผู้ลี้ภัยอีกคนจากเมียนมาซึ่งอยู่ในอำเภอแม่สอด เผยความกังวลที่คล้ายกันให้ Fortify Rights ฟัง โดยบอกว่า “แม้เราจะมีบัตรตำรวจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกจับหรือไม่ เราไม่เคยแสดงบัตรนี้กับใคร แค่จ่ายเงินค่าบัตรไป เราไม่มั่นใจเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของตัวเองด้วย บัตรตำรวจเป็นเอกสารเดียวที่เรามีอยู่”
 
ผู้ลี้ภัยเอาบัตรตำรวจมาโชว์ให้ Fortify Rights ดู เอกสารดังกล่าวมีลักษณะเป็นกระดาษขนาดไม่มาตรฐานแผ่นหนึ่ง เป็นบัตรที่มีขนาดต่าง ๆ กันไป ซึ่งเขียนด้วยลายมือเป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์อยู่ด้านหนึ่ง ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งบอกกับ Fortify Rights ว่า “เราต้องเอารูปถ่ายขนาดที่ใช้ทำหนังสือเดินทางมอบให้เขาสองใบ....ไม่มีการปั๊มตราหรือลงนามอย่างเป็นทางการในบัตร”
 
มีรายงานกล่าวอ้างเพิ่มเติมอีกว่าผู้ลี้ภัยสามารถต่ออายุ “บัตรตำรวจ” ได้ทุกเดือนด้วยการจ่ายเงินเพิ่ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่