คุณแม่เป็นจิตเวช, hoarding disorder จนชีวิตการทำงาน บ้านก็ไม่สามารถอยู่ได้ ฐานะล่มจม ขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือ

ก่อนอื่นนี้คือกระทู้แรกของผมครับ เรื่องมีว่า คุณแม่น่าจะเป็นจิตเวชหลายอาการ ทั้ง Hoarding disorder, ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น” (Masked Depression)  ซึ่งเดี๋ยวจะมาอธิบายเพิ่มเติมนะครับ , Personality Disorder ไม่ว่าทั้งการเดิน การกิน, รวมถึงโรค Bipolar  อยากมาเล่าเป็นกรณีศึกษา และอยากขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือได้ก็จะยิ่งดีมากๆครับ เพราะคิดว่าเคสของแม่เรา สามารถนำไปต่อยอดเป็นข้อมูลต่อการศึกษาได้ดียิ่งๆครับ ขอเข้าเรื่องด้วยการบอกอาการเลยครับ

1. แม่เราเป็นโรคสะสมขยะ ที่เรียกว่า hoarding disorder ที่ไม่สามารถทิ้งของได้ และเก็บของไปเรื่อยๆใส่กล่อง จนทางเดินภายในบ้านไม่มีเหลือ ลามจากห้องสู่ห้อง บ้านสู่บ้าน (บ้านใหญ่ทำให้มีบริเวณและบ้านหลายหลังในบริเวณดียว) จากบ้านสู่ที่ทำงาน จากห้องต่างๆในที่ทำงานไปสู่ห้องอื่นๆ (บ้านเรามีหลายกิจการและฐานะค่อนข้างดี เป็นที่รู้จักในสังคม) เขาไม่สามารถทิ้งของได้ แม้แต่ของที่ขึ้นรา เน่าเสีย หมดอายุ 
ย้ำคิด ย้ำทำ หวาดกลัวของจะขาดแคลน ต้องซื้อมาตุนเตรียมไว้จนเหลือ (ถ่านไฟฉายที่เยอะมากๆๆๆๆ และเจอทุกมุมห้องที่หันไป



ของเยอะจนกระทั่งไม่สามารถเข้าถึงและทำความสะอาดได้ นานเข้า ก็เป็นที่อยู่ของสัตว์ ปลวก แมลง รา เกาะกินทั้งบ้าน (บ้านเรามีพี่เลี้ยง ดูแลบ้าน 2 คน) แม้จะมีแม่บ้านที่บ้าน แต่ด้วยความเป็นจิตเวช ก็หวงของ และแม่บ้านก็ไม่สามารถที่จะยุ่งกับของของเขาได้ จะโดนตวาด แม้กระทั่งเงิน ก็ยังพบเจอทุกที่ เละเทะทุกลิ้นชัก ทึ่เปิดจะมีเงินแบงค์ร้อย พัน ซุกเต็มไปหมด

จนตอนนี้ ลูกกลับมาบ้าน ก็ต้องไปเช่าโรงแรมอยู่ จะกลับมากินข้าวกับแม่กก็กินไม่ได้ที่บ้านไม่มีที่ ไม่มีโต๊ะแม้จะกินข้าว บวกความสกปรก หนู แมลง ปลวกต่างๆ นั่งไปก็คันไป โต๊ะซ้อนโต๊ะ ทั้งแนวตั้ง แนวระนาบ ของเต็มโต๊ะ ก็เอาโต๊ะใหม่ซ้อนหน้ามาอีก จนไม่มีที่วางจานอาหาร

2. แม่ไม่มีความสามารถในการทำมาเลี้ยงชีพได้จริงๆ ต้องบอกว่าบ้านเรามีฐานะ กิจการมากมายจากรุ่นยาย กิจการ และทรัพย์สิน ประมาณหลายร้อยล้าน แต่แม่เราทำธุรกิจหลักบาท ขาย m150 คิดเงินหลักบาท แต่กลับกันใช้เงินหลักล้าน เขาไม่สามารถเรียนรู้การทำกำไรได้ และมีพฤติกรรมที่แปลกๆ การขายของต่างๆเหมือนย้อนยุคไปเมื่อ 30-40 ปีก่อน ยังขายกาแฟแบบชงซอง นับซอง แกะออกตั้ง ทีละ 3 ซอง และขายแก้วกระดาษให้ชงเอง (ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในปั๊มน้ำมัน) ขายสบู่นับสบู่ (กิจการโรงแรม) สภาพคือเละเทะ สกปรก 

3. เราเป็นคนชอบเที่ยวต่างประเทศ ต้องบอกว่าไปมาหมดเกือบทุกมุมโลก กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ 2รอบ 2ฤดู ยุโรป นิวยอร์ค อังกฤษ (จบนอก) ก็พาคุณแม่ไปตลอด เพื่อเปิดหูเปิดตา แต่แม่ไม่สามารถเรียนรู้ความเจริญได้ เมื่อเจอหิมะเกาะต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้าน ไม่มีใบ ในฤดูหนาว ก็จะบอกว่า สงสารต้นไม้ เราอธิบายว่ามันเป็นฤดูของมัน เดี๋ยวก็ขึ้นใบมาใหม่ เขาก็จะพูดย้ำๆแบบเดิม

4. แม่เราไม่สามารถใช้ตะเกียบได้ และกลัวการเรียนรู้ อาย ถ้าลองหรือใช้ ก็จะอายคนว่าทำไม่เป็น ไม่สามารถเรียนรู้และฝึกได้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ไปร้านอาหารก็จะปัดตะเกียบตกพื้น 1 อัน เพื่อหาข้ออ้างในการใช้ตะเกียบ 1 ข้าง และใข้วิธีเสียบแทน การกินจะใช้ช้อนอันเดียว ไม่ใช้ส้อม การตัดอาหารไม่ใช้มีด ใช้ช้อนเท่านั้น และจะมีลักษณะปัดตกส้อม ตะเกียบอยู่ตลอด กินก๋วยเตี๋ยวก็ใช้ช้อนตัดเส้น วนรอบถ้วย หนักเข้าถึงกับกินไม่ได้ และเหลือเต็มถ้วย

5. เกลียดคนขับเบนซ์ ขับบีเอ็ม จะด่าตลอดว่าเป็นพวกไฮโซ (บ้านเราเคยเล่นการเมืองมานาน เล่นแบบเสียสละ บริจาคที่ดินให้จังหวัดนับ 100ไร่ 30ไร่ให้สร้างโรงเรียน แตกกิ่งอำเภอจังหวัดและบริจาคที่ให้เพื่อทำที่ทำการกิ่งอำเภอ ประมาณ 60ไร่  ไม่เคยโกงกิน เพราะเงินฐานะทางบ้านดีมากๆ) เราก็ไม่เข้าใจทำไมแม่เราถึงคิดแต่เรื่องไม่ดี ย้ำคิดแบบนี้จนกลัวการใช้ของดี สิ่งดีๆ ทั้งที่มีเงิน จนมีคนมาหลอกไปหลาย แต่ความเป็นอยู่ของตัวเอง รวมถึงลูกๆ ไม่ได้ดีตามและหมดเงินไปเรื่อยๆโดยไม่ได้อะไรกลับมาเป็นสมบัติเลย

6. ไม่ชอบเห็นลูกขายของได้ดี (ลูกขายออนไลน์ อยู่ กทม.) จะไม่ถามถึงว่าเราทำอะไร ไม่รู้ ไม่สน ไม่ทราบ ใครถามก็ตอบไม่ได้ วันไหนเราขายดีแพ็คของเยอะๆๆ ส่งของไม่ทัน เขาจะเบือนหน้าหนี ไม่มอง ไม่ถาม และด่าลอยๆถึงคนอื่นในจังหวัดที่ขายของส่งของเยอะๆ ว่าพวกเปรต พวกอ้อล้อ คุณหญิง คุณนาย อันนี้มันทำให้ตัวแม่เองก็ไม่สามารถที่จะรักดี หรือขายของได้ดีๆ หรือมีความคิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำมาค้าขายเลย ทำให้เขาทำธุรกิจทุกวันนี้ด้วยการขาดทุนเป็นหลัก เอาหน้าใหญ่เป็นเป้าหมาย ขาดทุนบางกิจการเดือนละเป็นล้าน ไม่ต้องพูดถึงที่คนมาหลอกเอาเงินไปมากมาย จนบางครั้งเราเองก็ต้องมีวิธีทำให้เขาได้บ้านได้รถสักคัน ในกทม. ไปบ้าง แม้จะไม่อยากได้ แต่ก็ต้องจำใจหลอกให้เขาได้ซื้อไว้ ไม่งั้นเงินคงหมดไปโดยไม่ได้อะไรเลยในชีวิต

โรคจิตเวช มันรุนแรงมากๆครับ ยังมีอีกหลายๆด้านที่มันกระทบทั้ง การกิน อยู่ การเงิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว การใช้ชีวิตของตัวแม่เอง ที่หลบหลีกสังคม ไม่เอาใคร ไม่คบใคร (ซึ่งก็ดีมากๆที่เขาไม่ยุ่งกับใครมาก เพราะถ้าส่งกลิ่นเยอะก็จะโดนหลอกไปอีกเยอะ)

ตอนนี้ก็เครียด กลับบ้านมาแต่ละครั้งก็เจอสภาพแบบนี้ เตือนไม่ได้ บอกไม่ได้ จะพาไปรักษาก็ไม่รู้ทำยังไง หากมีบุคลากรเกี่ยวกับด้านนี้ที่สามารถออกพื้นที่ได้อย่างไรก็จะเป็นเรื่องดีมากๆครับ อยากจะขอคำปรึกษา อย่างน้อยให้เขาเข้าใจ ภาวะ hoarding disorder ได้ เพราะตอนนี้บ้านก็อยู่ไม่ได้ ต่อไปจะเคลียร์ของให้เขาก็คงเคลียร์ไม่ได้ เพราะเท่าที่เคยช่วยทำ เจอทั้งปลวก แมลง สารเคมี จนไม่สามารถจะทำได้จริงๆ จะให้คนอื่นมาทำ ก็มีเงินซุกซ่อนเต็มไปหมด ถ้าวันนึงที่เขาจากไป เราก็คงเครียดหนักมากๆ กับการไล่ทำความสะอาด ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาเผชิญแบบนี้เลย จากสภาพที่ปลวกกัดกินทั้งบ้าน เพราะซอกหลืบไม่สามารถเข้าถึงทำความสะอาดได้ ต่อไปบ้านก็ต้องทิ้งไม่ก็จุดไฟเผาเท่านั้นเลยจริงๆ🤣😂😭😫รบกวนด้วยจริงๆครับ อยากได้คำแนะนำ

(ไว้ว่างๆจะมาพิมพ์เพิ่มและลงรูปให้ดูเพิ่มเตอมนะครับ เพราะต้องเอาจากคอมที่อยู่ที่ กทม. รูปเก่าๆ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ตอบเท่าที่พอจะนึกออกนะ
คุณแม่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวช น่าจะลองปรึกษาขอคำแนะนำ เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม หรือ ยุติธรรมจังหวัด
ขอให้ศาลสั่งให้คุณแม่เป็นคนไร้ความสามารถ และตั้ง จขกท.เป็นผู้อนุบาล เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ทำนิติกรรมที่เป็นผลเสียต่อตนเอง
เช่น กรณีมีคนมาหลอกลวงให้ทำสัญญาซื้อขาย ยืม ฯลฯ ที่ทำให้คุณแม่สูญเสียเงิน, ทรัพย์สิน ก็จะมีผลเป็นโมฆียะ จขกท.สามารถใช้สิทธิในฐานะผู้อนุบาล บอกล้างนิติกรรมนั้นได้
แต่ก็จะมีนิติกรรมอีกหลายอย่างที่แม้แต่ผู้อนุบาลก็ทำแทนไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม :
1) “คนไร้ความสามารถ” คืออะไร ทำไมต้องร้องศาล? https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/101704
2) ศาลสั่งให้ “ม.รว.ถนัดศรี” เป็นคนไร้ความสามารถ https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/101680
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่