vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ในชื่อ vivo X80 Series มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ vivo X80 และ vivo X80 Pro มาดูในส่วนของสเปคและราคากันค่ะ
Vivo X80
Vivo X80 มาพร้อมจอแสดงผลขอบโค้ง ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรชเรท 120Hz หน้าจอพาเนล E5 AMOLED ด้านหน้ามีรูเจาะตรงกลาง สำหรับกล้องเซลฟี่ และเร่งความสว่างสูงสุด 1500 nits
จัดสเปคชิปเช็ต Dimensity 9000 มาคู่กับ RAM 8GB/12GB และระบบจัดเก็บข้อมูล UFS 3.1 ความจุ 128GB/256GB/512GB ติดตั้งอุปกรณ์ระบบระบายอุณหภูมิ Vapor Chamber Liquid Cooling และให้แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 80W สามารถชาร์จ 50% ภายในเวลา 11 นาที และใช้เวลาเพียง 34 นาที ในการชาร์จเต็ม 100% และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OriginOS Ocean
ติดตั้งกล้องหลังมา 3 ตัว กล้องหลักใช้เซนเซอร์หลัก Sony IMX866 ตัวแรกของโลก ความละเอียด 50MP (f/1.75) รองรับ OIS , เลนส์มุมกว้างความละเอียด 12MP (f/2.0) และเซนเซอร์ภาพถ่ายความละเอียด 12MP (f/1.98) พร้อมซูมออปติคอล 2 เท่า และทำงานร่วมกับชิป V1+ ISP (Image Signal Processor) เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพถ่ายให้ดียิ่งขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่ด้านหน้าความละเอียด 32MP (f/2.45)
เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 , รองรับ 5G , Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 , dual-band , Wi-Fi Direct และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
Vivo X80 ราคาเริ่มต้นราว 19,250 บาท สำหรับรุ่น 8GB/128GB และราคาราว 20,900 บาท สำหรับรุ่น 8GB/256GB วางจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายนนี้
Vivo X80 Pro
Vivo X80 Pro ใช้จอแสดงผล LTPO 2 AMOLED ระดับไฮเอนด์ ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2K อัตรารีเฟรชเรทแบบปรับตัว 120Hz สามารถเปลี่ยนจาก 1Hz - 120Hz ตามเนื้อหาบนหน้าจอ และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส สูงสุด 1000Hz , แสดงผลแบบ HDR , จอแสดงผลรองรับการครอบคลุมสี DCI-P3 ความลึกสี 10-bit รวมถึงความสว่างสูงสุด 1,500 nits ด้านหน้ามีรูเจาะตรงกลาง สำหรับกล้องเซลฟี่
ใช้ชิปเช็ต Snapdragon 8 Gen 1 แบบ octa-core มาคู่กับ RAM 8GB/12GB และระบบจัดเก็บข้อมูล UFS 3.1 ความจุ 256GB/512GB แบตเตอรี่ขนาด 4700mAh รองรับการชาร์จเร็ว 80W สามารถชาร์จ 50% ภายในเวลา 11 นาที และใช้เวลาเพียง 34 นาที ในการชาร์จเต็ม 100% , รองรับชาร์จไร้สาย 50W และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OriginOS Ocean
ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL GNV 1G ความละเอียด 50MP (f/1.57) รองรับ OIS , เลนส์มุมกว้างความละเอียด 48MP (f/2.2) เซนเซอร์ Sony IMX 598 , เซนเซอร์ Sony IMX663 กล้องภาพถ่ายความละเอียด 12MP (f/1.85) พร้อมซูมออปติคอล 2 เท่า และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8MP (f/3.4) ซูมออปติคอล 5 เท่า ซูมดิจิตอล 60 เท่า และทำงานร่วมกับชิป V1+ ISP (Image Signal Processor) เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพถ่ายให้ดียิ่งขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่ด้านหน้าความละเอียด 32MP (f/2.45)
เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 , รองรับ 5G , Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 , dual-band , Wi-Fi Direct และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
Vivo X80 Pro ราคาเริ่มต้นราว 28,800 บาท สำหรับรุ่น 8GB/256GB และราคาราว 31,400 บาท สำหรับรุ่น 12GB/256GB วางจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายนนี้
อ้างอิง : gizmochina
เปิดตัว vivo X80 Series มาพร้อมเซนเซอร์ Sony ระบบกล้อง ZEISS ใช้ชิป Dimensity 9000 และ Snap 8 Gen 1
Vivo X80
จัดสเปคชิปเช็ต Dimensity 9000 มาคู่กับ RAM 8GB/12GB และระบบจัดเก็บข้อมูล UFS 3.1 ความจุ 128GB/256GB/512GB ติดตั้งอุปกรณ์ระบบระบายอุณหภูมิ Vapor Chamber Liquid Cooling และให้แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 80W สามารถชาร์จ 50% ภายในเวลา 11 นาที และใช้เวลาเพียง 34 นาที ในการชาร์จเต็ม 100% และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OriginOS Ocean
เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 , รองรับ 5G , Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 , dual-band , Wi-Fi Direct และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
Vivo X80 ราคาเริ่มต้นราว 19,250 บาท สำหรับรุ่น 8GB/128GB และราคาราว 20,900 บาท สำหรับรุ่น 8GB/256GB วางจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายนนี้
Vivo X80 Pro
ใช้ชิปเช็ต Snapdragon 8 Gen 1 แบบ octa-core มาคู่กับ RAM 8GB/12GB และระบบจัดเก็บข้อมูล UFS 3.1 ความจุ 256GB/512GB แบตเตอรี่ขนาด 4700mAh รองรับการชาร์จเร็ว 80W สามารถชาร์จ 50% ภายในเวลา 11 นาที และใช้เวลาเพียง 34 นาที ในการชาร์จเต็ม 100% , รองรับชาร์จไร้สาย 50W และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OriginOS Ocean
เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 , รองรับ 5G , Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6 , dual-band , Wi-Fi Direct และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
Vivo X80 Pro ราคาเริ่มต้นราว 28,800 บาท สำหรับรุ่น 8GB/256GB และราคาราว 31,400 บาท สำหรับรุ่น 12GB/256GB วางจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายนนี้
อ้างอิง : gizmochina