สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
อันดับแรก จขกท อย่าไปห่วงความรู้สึกพ่อแม่ครับ ห่วงความรู้สึกตัวเองกับแฟนก่อนครับ พ่อแม่ไม่ได้มาแต่งด้วย เป็นแค่ตัวประกอบในงาน
ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตคู่ ไม่ใช่ความสบายใจของพ่อแม่
อันดับที่สอง จขกท คุยกับพ่อแม่ เรื่องสินสอด รูปแบบงาน ว่าเขาต้องการแบบไหน หรือแล้วแต่เรา แล้วค่อยไปคุยกับแฟน แล้วให้แฟนไปคุยกับพ่อแม่เขา อยากบอกว่า สมัยนี้ พ่อแม่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องงานแต่งเท่าไหร่ สินสอด เงินทุกอย่าง ออกเองหมด เขาจะไปเป็นตัวประกอบอย่างเดียว
สินสอดควรคืนให้บ่าวสาวไปตั้งตัว พยายามบอกพ่อแม่ อย่าเก็บไว้
อันดับที่สาม เช็คความพร้อมก่อน พร้อมจริงรึป่าว เหมือนแฟน จขกท ยังไม่พร้อมเลย ชีวิตหลังแต่งงานต้องแพลนเลย จะอยู่ยังไง มีลูกเลี้ยงที่ไหน ทำงานยังไง ชีวิตก่อนกับหลังแต่ง คนละเรื่องเลย ยิ่งมีลูก แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ตรงนี้พร้อมกันรึยัง
ถ้ายังไม่พร้อมก็ซื้อแหวนอะไรไปก่อน แล้วใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนแต่งงาน
ปล. อย่าเอาผู้ใหญ่ไปคุยโดยไม่ได้เตี้ยม เพราะถ้าไม่โอเคตั้งแต่วันคุย ครอบครัวที่ฝันไว้พังแน่นอนครับ
สำคัญคือเรื่องสินสอด วางสวยงามพอครับ อย่าให้สินสอดมาพังความรักอีกเลย
ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตคู่ ไม่ใช่ความสบายใจของพ่อแม่
อันดับที่สอง จขกท คุยกับพ่อแม่ เรื่องสินสอด รูปแบบงาน ว่าเขาต้องการแบบไหน หรือแล้วแต่เรา แล้วค่อยไปคุยกับแฟน แล้วให้แฟนไปคุยกับพ่อแม่เขา อยากบอกว่า สมัยนี้ พ่อแม่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องงานแต่งเท่าไหร่ สินสอด เงินทุกอย่าง ออกเองหมด เขาจะไปเป็นตัวประกอบอย่างเดียว
สินสอดควรคืนให้บ่าวสาวไปตั้งตัว พยายามบอกพ่อแม่ อย่าเก็บไว้
อันดับที่สาม เช็คความพร้อมก่อน พร้อมจริงรึป่าว เหมือนแฟน จขกท ยังไม่พร้อมเลย ชีวิตหลังแต่งงานต้องแพลนเลย จะอยู่ยังไง มีลูกเลี้ยงที่ไหน ทำงานยังไง ชีวิตก่อนกับหลังแต่ง คนละเรื่องเลย ยิ่งมีลูก แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ตรงนี้พร้อมกันรึยัง
ถ้ายังไม่พร้อมก็ซื้อแหวนอะไรไปก่อน แล้วใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนแต่งงาน
ปล. อย่าเอาผู้ใหญ่ไปคุยโดยไม่ได้เตี้ยม เพราะถ้าไม่โอเคตั้งแต่วันคุย ครอบครัวที่ฝันไว้พังแน่นอนครับ
สำคัญคือเรื่องสินสอด วางสวยงามพอครับ อย่าให้สินสอดมาพังความรักอีกเลย
ความคิดเห็นที่ 3
การแต่งงานควรมาจาก คนสองคนรู้สึกอยากแต่ง ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่มากดดันให้แต่ง ถ้าผู้ชายไม่อยากแต่งคุณก็แต่งเองคนเดียวไม่ได้
เพราะถ้าอยากแต่งจริงๆ ไม่ต้องมีแหวนอะไรทั้งนั้นยังได้ แค่ไปคุยกับผู้ใหญ่ จดทะเบียนสมรส สองครอบครัวทานข้าวร่วมกัน เป็นอันครบจบพิธี ช่วยกันทำมาหากินต่อไป
*ในเคสนี้เราว่าผู้ชายไม่พร้อมแต่งค่ะ
เพราะถ้าอยากแต่งจริงๆ ไม่ต้องมีแหวนอะไรทั้งนั้นยังได้ แค่ไปคุยกับผู้ใหญ่ จดทะเบียนสมรส สองครอบครัวทานข้าวร่วมกัน เป็นอันครบจบพิธี ช่วยกันทำมาหากินต่อไป
*ในเคสนี้เราว่าผู้ชายไม่พร้อมแต่งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
เรารู้สึกเหมือนว่าคุณอยากแต่ง แต่ผู้ชายยังไม่อยากแต่ง
แต่ต่างฝ่ายต่างพูดความรู้สึกจริงๆไม่ได้ หรือพูดแล้วไม่ดีขึ้น
เลยต้องดึงพ่อดึงแม่มาอ้าง มากดดันกันและกัน
คนนึงก็อ้างพ่อแม่อยากให้แต่ง คนนึงก็อ้างพ่อแม่ไม่หือไม่อือ
ซึ่งความจริงนะ ถ้าผู้ชายเค้าอยากแต่ง เค้าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตพ่อแม่หรอก
แค่แจ้งเพื่อทราบ แล้วให้เค้ามาคุยกับพ่อแม่ผู้หญิงก็แค่นั้น
ที่เหลือเดี๋ยวลูกๆก็จัดการกันเอง แต่นี่เค้ายังเฉย เราว่าเค้าเองแหละ ที่ยังไม่อยากแต่ง
แต่ต่างฝ่ายต่างพูดความรู้สึกจริงๆไม่ได้ หรือพูดแล้วไม่ดีขึ้น
เลยต้องดึงพ่อดึงแม่มาอ้าง มากดดันกันและกัน
คนนึงก็อ้างพ่อแม่อยากให้แต่ง คนนึงก็อ้างพ่อแม่ไม่หือไม่อือ
ซึ่งความจริงนะ ถ้าผู้ชายเค้าอยากแต่ง เค้าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตพ่อแม่หรอก
แค่แจ้งเพื่อทราบ แล้วให้เค้ามาคุยกับพ่อแม่ผู้หญิงก็แค่นั้น
ที่เหลือเดี๋ยวลูกๆก็จัดการกันเอง แต่นี่เค้ายังเฉย เราว่าเค้าเองแหละ ที่ยังไม่อยากแต่ง
แสดงความคิดเห็น
แฟนไม่ยอมพาผู้ใหญ่มาคุยเรื่องแต่งงาน
ประมาณต้นปีที่แล้วทางบ้านเราอยากให้เรากับแฟนแต่งงานกัน เราก็ได้ไปคุยกับแฟนแล้วว่าที่บ้านอยากให้แต่งงานกันแล้วนะ เอายังไงกันดี
ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาคุยกันเลยดีไหม
สุดท้ายเราก็ตกลงกันว่าต่างฝ่ายจะไปคุยกับพ่อแม่ของตัวเอง
เราก็เกริ่นกับพ่อแม่เราไปว่าแฟนเราเค้ากำลังไปคุยกับที่บ้าน เดี๋ยวจะนัดวันเข้ามาคุยกันอีกครั้ง
ระยะเวลาผ่านไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนกลับมาชนรอบที่ปีนี้ แฟนเราเค้ายังไม่พาผู้ใหญ่มาคุยกับที่บ้านเราเลย เวลาคุยกับแฟนเรื่องนี้ทีไร มันจะต้องมีดราม่า หรือคุยกันไม่เข้าใจตลอด
ครั้งแรกที่คุยกันแฟนบอกว่าได้คุยกับพ่อแล้วแต่พ่อเฉยๆ แฟนเราก็เลยเฉยๆ จนเราต้องเอ่ยถามว่าพ่อว่าอย่างไรบ้างจะเข้ามาคุยกับที่บ้านเราเมื่อไหร่ เค้าก็บอกเราไม่ได้
เราคุยกับเค้าว่าแค่ต้องการให้ผู้ใหญ่มาคุยกัน ว่าจะยังไงกันดี จะแต่งเลยไหม สินสอดเท่าไหร่ บลาๆๆ
ประมาณกลางเดือนมีนาคม เราก็ได้เปิดใจคุยกันตรงๆอีกครั้ง เรากับแฟนตกลงกันได้ว่า จะเข้ามาคุยกับพ่อแม่เราพร้อมกันขอหมั้นไว้ก่อน ส่วนเรื่องงานแต่งขอเวลาเก็บเงิน เตรียมความพร้อมสัก 1 ปี เราก็โอเค
เราเลยถามแฟนต่อว่าแล้วเราจะทำยังไงต้องไปหาซื้อแหวนก่อนไหม แฟนก็โอเคเดี๋ยวหาเวลาไปซื้อแหวนแล้วเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่กัน แต่ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วจนถึงวันนี้ แหวนที่ว่าก็ยังไม่ได้ไปดูด้วยกันเลยค่ะ และยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรเพิ่มเติม
ตอนนี้เรารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อกับแม่เรามากที่สุด เราแค่รู้สึกว่าการมาคุยเรื่องแต่งงานกับที่บ้านเรามันคือการให้เกียรติพ่อกับแม่เรา ไม่ว่าเราจะแต่งกันเร็วหรือช้า แต่แฟนเราเค้าดูไม่ใส่ใจและทิ้งเวลามาเป็นปีๆ
การที่เรารู้สึกแย่แบบนี้เราเห็นแก่ตัวเกินไปไหมคะ ตลอดระยะเวลาเราพยายามเข้าใจแฟนเรามาตลอด แต่เราไม่เข้าใจว่าการมาคุยกับผู้ใหญ่ฝั่งเรามันลำบากใจมากเลยหรือเปล่า
** งานแต่งงานกับสินสอดเราตกลงกันไว้ว่าเราจะช่วยกันเก็บเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่จำนวนนึงแล้วค่ะ