วันนี้เราจะมาป้ายยาหนังสือ 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง' ของนักเขียนชื่อเสะโอ ไมโกะ ถ้าจำไม่ผิดสำนักพิมพ์ไดฟุกุได้นำไปแปลค่ะ
จุดเริ่มต้นของเราคือ สัปดาห์ก่อนคุยกับเพื่อนเรื่องหาหนังสือฟีลแนว feel good อ่าน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ (เรียกว่าหาแล้วไม่มีเล่มไหนโดนใจมากกว่า)
คุยไปเกือบ 2 ชั่วโมงเพื่อนก็บอกให้ลองไปอ่านเรื่อง 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง' เรื่องนี้ทั้งฟีลกู้ด ตลก ปล่อยมุกฮาไว้ทุกหน้า แถมมีดราม่าชีวิตให้น้ำตาซึม ก็คือครบรสเลยอะ บรรยายมาขนาดนี้เราเลยกดเข้า Shopee เลยจ้าเพราะไม่มีเวลาไปร้านหนังสือเอง ปรากฏว่าพอเห็นหน้าปกกับส่วนลดจาก 310 บาทเหลือแค่ 264 บาทเท่านั้นแหละ กดสั่งอย่างไวว แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ได้…
หนังสือ 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง'
หน้าปกสวยมากกกกก น่ากินมากก (เอาจริงน่าจะตั้งชื่อว่า 'ส่งต่อไออิ่ม' มากกว่า)
ส่วนตัวชอบหน้าปกโทนอุ่นๆ กับรูปวาดอาหารญี่ปุ่นแบบนี้อยู่แล้ว เล่มนี้เลยขึ้นแท่นหน้าปกในดวงใจเลยค่ะ!
คนเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแบบเรา ตอนเห็นคำว่า バトン ในชื่อเรื่องจะแปลตรงตัวว่า 'ไม้ผลัด' ก็เลยงงว่าเอ๊ะ มันเกี่ยวอะไรกับส่งต่อไออุ่น ยิ่งคำโปรยด้านล่างหน้าปกเขียนว่า และแล้ว…ไม้ผลัดก็ถูกส่งต่อ ก็ยิ่งไปไม่เป็นเลยค่ะ แต่พออ่านเนื้อหาข้างในก็เลยรู้ว่าสิ่งที่ส่งต่อไม่ใช่ 'ไม้ผลัด' แต่เป็นความรู้สึกอบอุ่นของตัวละครในเรื่องนั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้**เรื่องย่อ : พยายามเล่าแบบหลบสปอยสุดๆ**
เรื่องนี้เล่าถึงตัวเอกชื่อ ยูโกะ เด็กสาวที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนครอบครัวถึง 7 ครั้ง (พ่อ 3 คนกับแม่อีก 2 คน) คนรอบข้างมองว่าสิ่งที่ยูโกะเผชิญอยู่เป็นปัญหาในชีวิต และดูน่าเป็นห่วง แต่ยูโกะไม่ได้มองว่านี่คือเรื่องทุกข์ใจ เธอมองโลกในแง่ดีและคิดว่าไม่ใช่เรื่องโชคร้ายเลยสักนิด
เรื่องราวได้เล่าการเติบโตของยูโกะที่เปลี่ยนพ่อแม่ไปเรื่อยๆ ตลอด 17 ปี เธอเปลี่ยนนามสกุลแทบทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันเธอใช้ชื่อ 'โมริมิยะ ยูโกะ'
แม้จะถูกส่งต่อให้กับคนที่ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด แต่ยูโกะก็ได้รับความรักและการดูแลจากทุกคน
-ขอเล่าไว้เท่านี้ก่อน ถ้าใครสนใจสามารถไปอ่านต่อได้ในเล่มนะคะ-
ประโยคที่ชอบส่วนตัว (ชอบมาก)
- ไม่ว่าจะเกี่ยวดองเป็นสายเลือดเดียวกันหรือไม่ การสูญเสียครอบครัวของตัวเองหรือคนเคยอยู่เคียงข้างกันมามันน่าเศร้าเหนือสิ่งอื่นใด
- วันเวลาที่มีแต่เรื่องสนุกแบบนี้ทุกวันคงไม่ได้มีไปตลอด วันที่ต้องฝืนหัวเราะคงมาถึงสักวัน
เราอินกับการเขียนสำนวนแบบนี้มากก เหมือนอ่านไปแล้วได้บรรยากาศจิบชาเบาๆ ยามบ่ายนั่งอยู่ใต้ต้นซากุระ นักเขียนสามารถถ่ายทอดชีวิตตัวละครออกมาได้สมจริง เรื่องราวดำเนินไปอย่างลื่นไหล ไม่รู้สึกว่าติดขัดกับบทสนทนาไหนเลย อบอุ่นจนมองข้ามว่าจริงๆ แล้วการเปลี่ยนครอบครัวดูน่ากลัว เพราะยูโกะทำให้รู้ว่าการใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็สามารถมอบความรักให้กันได้
คือเนื้อเรื่องดีมากจริงๆ จนต้องไปหาข้อมูลว่าหนังสือเล่มนี้เคยได้รางวัลอะไรบ้างรึเปล่านะ
สรุปคือ ได้มาหลายรางวัลมากค่ะ!
ชนะอันดับ 1 รางวัล Honya Taishou ประจำปี 2019 (เป็นรางวัลที่ร้านหนังสือทั่วประเทศญี่ปุ่นคัดเลือกหนังสือที่อยากขายมากที่สุดแห่งปี
อันดับ 1 รางวัล キノベス (คิโนะเบส) เป็นรางวัลที่พนักงานในร้านคิโนะลงคะแนนเองเลยว่าเล่มไหนดีที่สุด
รางวัลบรันจิบุ๊ค ของรายการ Osama no Buranchi เป็นรายการข่าวและวาไรตี้ที่แนะนำสิ่งที่คนกำลังนิยมกัน ทั้งหนังสือ เพลง ภาพยนตร์ สินค้าต่างๆ
และล่าสุดปี 2021 เล่มนี้การันตีด้วยยอดขายดีที่สุดแห่งปี! ในหมวดหนังสือบุงโกะ หรือหนังสือนิยายเล่มเท่าฝ่ามือที่คนญี่ปุ่นชอบพกไปอ่านบนรถไฟฟ้า เขาจัดอันดับโดย โทฮัง ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย!
ส่วนตัวคิดว่าจุดที่สมควรได้รางวัลมี 3 จุดใหญ่ๆ นั่นก็คือ
มีการเซ็ตโครงเรื่องที่ท้าทาย เพราะเนื้อหาสะท้อนเรื่องการเปลี่ยนพ่อแม่บ่อยๆ มักเป็นปัญหาของสังคม แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด การใช้ชีวิตของยูโกะเต็มไปด้วยความสุข ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจนมองข้ามปัญหานั้นไปเลยค่ะ
โครงสร้างเป็นเลิศ! เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนฉากบ่อยมากๆ แต่ไม่รู้สึกติดขัดเลยเพราะนักเขียนเอา “อาหาร” เข้ามาเป็นตัวเชื่อมระหว่างตอนทำให้อ่านได้แบบไม่มีสะดุด (เราจะเห็นสิ่งนี้ได้ตั้งแต่หน้าปกเลยค่ะ)
ทุกตัวละครทำให้หลงรักได้ นอกจากเนื้อเรื่องที่ดีแสนดีแล้วเราจะพลาดตัวละครไปได้ยังไงจริงไหมคะ เรื่องนี้ไม่ได้มีตัวละครมากนักแต่ทุกตัวล้วนมีบทบาทสำคัญและมีเอกลักษณ์จนทำให้เราคิดว่าคนคนนี้มีอยู่จริง
สรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจได้รับการยอมรับในสังคม แต่กฏหมายอาจยังมีปัญหาอยู่ ว่าต้องทำตามแบบนี้เท่านั้นนะ ทำให้คนอื่นมองว่าผิดปกติ แต่ถ้าคนนั้นเขามีความสุขกับครอบครัวนั้น ก็ถือว่าดีแล้วใช่ไหมล่ะคะ ถึงแม้จะมองว่าทัศนคติแบบยูโกะเข้มแข็งมากในแบบที่ผู้คนหรือเด็กสาวทั่วไปในสังคมส่วนมากจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่เรื่องนี้ช่วยปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยเลยค่ะ
แล้วใครที่กำลังคิดว่าอวยเยอะแยะจะมีแค่หนังสือไหม? คำตอบคือไม่ใช่ค่า เรื่องนี้ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สุด feel good ที่มีนักแสดงสาวสวยอย่าง อิชิฮาระ ซาโตมิ มาร่วมด้วย! น่าดูมากเลยใช่ไหมล่ะคะ
โปสเตอร์หนังเรื่อง 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง'
ใครติดตามเพจบ้านข้างโรงน่าจะคุ้นๆ อยู่บ้างใช่ไหมคะ แล้วถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหนังซื้อดีไหม แนะนำให้ลองไปดูหนังเรื่องนี้ก่อนได้ค่ะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของคนที่อยากหาอะไรฮีลใจช่วงโควิด แล้วถ้าใครได้อ่านหรือได้ดูเรื่องนี้แล้วแวะมาคุยกันได้ที่กระทู้นี้นะคะ
*ขอขอบคุณรูปโปสเตอร์หนังจากเพจFacebook บ้านข้างโรงด้วยนะคะ*
ใครเคยอ่าน 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง' กันแล้วบ้างง เราเพิ่งอ่านจบอยากให้ทุกคนไปตำา!!
จุดเริ่มต้นของเราคือ สัปดาห์ก่อนคุยกับเพื่อนเรื่องหาหนังสือฟีลแนว feel good อ่าน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ (เรียกว่าหาแล้วไม่มีเล่มไหนโดนใจมากกว่า)
คุยไปเกือบ 2 ชั่วโมงเพื่อนก็บอกให้ลองไปอ่านเรื่อง 'ส่งต่อไออุ่นแห่งความหวัง' เรื่องนี้ทั้งฟีลกู้ด ตลก ปล่อยมุกฮาไว้ทุกหน้า แถมมีดราม่าชีวิตให้น้ำตาซึม ก็คือครบรสเลยอะ บรรยายมาขนาดนี้เราเลยกดเข้า Shopee เลยจ้าเพราะไม่มีเวลาไปร้านหนังสือเอง ปรากฏว่าพอเห็นหน้าปกกับส่วนลดจาก 310 บาทเหลือแค่ 264 บาทเท่านั้นแหละ กดสั่งอย่างไวว แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ได้…
หน้าปกสวยมากกกกก น่ากินมากก (เอาจริงน่าจะตั้งชื่อว่า 'ส่งต่อไออิ่ม' มากกว่า)
ส่วนตัวชอบหน้าปกโทนอุ่นๆ กับรูปวาดอาหารญี่ปุ่นแบบนี้อยู่แล้ว เล่มนี้เลยขึ้นแท่นหน้าปกในดวงใจเลยค่ะ!
คนเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแบบเรา ตอนเห็นคำว่า バトン ในชื่อเรื่องจะแปลตรงตัวว่า 'ไม้ผลัด' ก็เลยงงว่าเอ๊ะ มันเกี่ยวอะไรกับส่งต่อไออุ่น ยิ่งคำโปรยด้านล่างหน้าปกเขียนว่า และแล้ว…ไม้ผลัดก็ถูกส่งต่อ ก็ยิ่งไปไม่เป็นเลยค่ะ แต่พออ่านเนื้อหาข้างในก็เลยรู้ว่าสิ่งที่ส่งต่อไม่ใช่ 'ไม้ผลัด' แต่เป็นความรู้สึกอบอุ่นของตัวละครในเรื่องนั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประโยคที่ชอบส่วนตัว (ชอบมาก)
- ไม่ว่าจะเกี่ยวดองเป็นสายเลือดเดียวกันหรือไม่ การสูญเสียครอบครัวของตัวเองหรือคนเคยอยู่เคียงข้างกันมามันน่าเศร้าเหนือสิ่งอื่นใด
- วันเวลาที่มีแต่เรื่องสนุกแบบนี้ทุกวันคงไม่ได้มีไปตลอด วันที่ต้องฝืนหัวเราะคงมาถึงสักวัน
เราอินกับการเขียนสำนวนแบบนี้มากก เหมือนอ่านไปแล้วได้บรรยากาศจิบชาเบาๆ ยามบ่ายนั่งอยู่ใต้ต้นซากุระ นักเขียนสามารถถ่ายทอดชีวิตตัวละครออกมาได้สมจริง เรื่องราวดำเนินไปอย่างลื่นไหล ไม่รู้สึกว่าติดขัดกับบทสนทนาไหนเลย อบอุ่นจนมองข้ามว่าจริงๆ แล้วการเปลี่ยนครอบครัวดูน่ากลัว เพราะยูโกะทำให้รู้ว่าการใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็สามารถมอบความรักให้กันได้
คือเนื้อเรื่องดีมากจริงๆ จนต้องไปหาข้อมูลว่าหนังสือเล่มนี้เคยได้รางวัลอะไรบ้างรึเปล่านะ
สรุปคือ ได้มาหลายรางวัลมากค่ะ!
ชนะอันดับ 1 รางวัล Honya Taishou ประจำปี 2019 (เป็นรางวัลที่ร้านหนังสือทั่วประเทศญี่ปุ่นคัดเลือกหนังสือที่อยากขายมากที่สุดแห่งปี
อันดับ 1 รางวัล キノベス (คิโนะเบส) เป็นรางวัลที่พนักงานในร้านคิโนะลงคะแนนเองเลยว่าเล่มไหนดีที่สุด
รางวัลบรันจิบุ๊ค ของรายการ Osama no Buranchi เป็นรายการข่าวและวาไรตี้ที่แนะนำสิ่งที่คนกำลังนิยมกัน ทั้งหนังสือ เพลง ภาพยนตร์ สินค้าต่างๆ
และล่าสุดปี 2021 เล่มนี้การันตีด้วยยอดขายดีที่สุดแห่งปี! ในหมวดหนังสือบุงโกะ หรือหนังสือนิยายเล่มเท่าฝ่ามือที่คนญี่ปุ่นชอบพกไปอ่านบนรถไฟฟ้า เขาจัดอันดับโดย โทฮัง ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย!
ส่วนตัวคิดว่าจุดที่สมควรได้รางวัลมี 3 จุดใหญ่ๆ นั่นก็คือ
มีการเซ็ตโครงเรื่องที่ท้าทาย เพราะเนื้อหาสะท้อนเรื่องการเปลี่ยนพ่อแม่บ่อยๆ มักเป็นปัญหาของสังคม แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด การใช้ชีวิตของยูโกะเต็มไปด้วยความสุข ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจนมองข้ามปัญหานั้นไปเลยค่ะ
โครงสร้างเป็นเลิศ! เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนฉากบ่อยมากๆ แต่ไม่รู้สึกติดขัดเลยเพราะนักเขียนเอา “อาหาร” เข้ามาเป็นตัวเชื่อมระหว่างตอนทำให้อ่านได้แบบไม่มีสะดุด (เราจะเห็นสิ่งนี้ได้ตั้งแต่หน้าปกเลยค่ะ)
ทุกตัวละครทำให้หลงรักได้ นอกจากเนื้อเรื่องที่ดีแสนดีแล้วเราจะพลาดตัวละครไปได้ยังไงจริงไหมคะ เรื่องนี้ไม่ได้มีตัวละครมากนักแต่ทุกตัวล้วนมีบทบาทสำคัญและมีเอกลักษณ์จนทำให้เราคิดว่าคนคนนี้มีอยู่จริง
สรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจได้รับการยอมรับในสังคม แต่กฏหมายอาจยังมีปัญหาอยู่ ว่าต้องทำตามแบบนี้เท่านั้นนะ ทำให้คนอื่นมองว่าผิดปกติ แต่ถ้าคนนั้นเขามีความสุขกับครอบครัวนั้น ก็ถือว่าดีแล้วใช่ไหมล่ะคะ ถึงแม้จะมองว่าทัศนคติแบบยูโกะเข้มแข็งมากในแบบที่ผู้คนหรือเด็กสาวทั่วไปในสังคมส่วนมากจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่เรื่องนี้ช่วยปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยเลยค่ะ
แล้วใครที่กำลังคิดว่าอวยเยอะแยะจะมีแค่หนังสือไหม? คำตอบคือไม่ใช่ค่า เรื่องนี้ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สุด feel good ที่มีนักแสดงสาวสวยอย่าง อิชิฮาระ ซาโตมิ มาร่วมด้วย! น่าดูมากเลยใช่ไหมล่ะคะ
ใครติดตามเพจบ้านข้างโรงน่าจะคุ้นๆ อยู่บ้างใช่ไหมคะ แล้วถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหนังซื้อดีไหม แนะนำให้ลองไปดูหนังเรื่องนี้ก่อนได้ค่ะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของคนที่อยากหาอะไรฮีลใจช่วงโควิด แล้วถ้าใครได้อ่านหรือได้ดูเรื่องนี้แล้วแวะมาคุยกันได้ที่กระทู้นี้นะคะ
*ขอขอบคุณรูปโปสเตอร์หนังจากเพจFacebook บ้านข้างโรงด้วยนะคะ*