คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19

ใกล้สงกรานต์แล้ว ฉีดวัคซีนก่อนกลับบ้านกันเถอะ กทม. เปิดจุด walk in ฉีดวัคซีนโควิด จองคิวผ่านระบบ QueQ เข็ม 1 เข็ม 2 และเข็มกระตุ้น
สำหรับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ชาวไทยและต่างชาติ ทุกสิทธิ์ ต่อเนื่องจากศูนย์ฉีดอื่นๆ เริ่มวันนี้ – 29 เมษายน 2565 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด ณ จุดบริการฉีดวัคซีนที่ รพ.ในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง (อัพเดต 29 มี.ค.65) ดังนี้
1. รพ.กลาง โทร.02-225-1354
2. รพ.ตากสิน (ณ ห้างแพลทฟอร์ม วงเวียนใหญ่) โทร.02-437-7677
3. รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ โทร.02-289-7000-4
4. รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โทร.02-429-3575- 81 ต่อ 8589
5. รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ โทร.02-543-2090
6. รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร โทร.02-327-3049
7. รพ.ราชพิพัฒน์ โทร.02-444-0163 กด 0
8. รพ.สิรินธร โทร.02-328-6760
9. รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน โทร.02-452-7999
10. รพ.คลองสามวา โทร.064-557-6009
11. รพ.บางนากรุงเทพมหานคร โทร.02-180-0201-3 ต่อ 103,104
• หลักเกณฑ์เงื่อนไข
1. สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
2. สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 รักษาหายแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
3. สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนจากศูนย์ฉีดวัคซีนอื่นๆ ทุกช่องทาง
4. ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อแล้ว ให้ได้รับเข็มกระตุ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ
เอกสารที่ต้องนำมาด้วย
1. กรณีคนไทย นำบัตรประจำตัวประชาชน และปากกาส่วนตัว
2. กรณีคนต่างชาติ ใช้พาสสปอร์ต (Passport) ร่วมกับบัตรสีชมพู หรือ ร่วมกับเลขประจำตัวประกันสังคม และปากกาส่วนตัว
• สูตรวัคซีน
เข็มที่ 2
- เข็ม 1 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ฉีดมาแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป
- เข็ม 1 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ฉีดมาแล้ว 8 สัปดาห์ขึ้นไป
เข็มที่ 3 (เข็มกระตุ้น)
- เข็ม 1-2 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็ม ฉีดมาแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป
- เข็ม 1-2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ครบ 2 เข็ม ฉีดมาแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
- เข็ม 1 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม เข็ม 2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ฉีดมาแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนต้องเตรียมความพร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ งดการออกกำลังกายหนัก สวมเสื้อที่สะดวกในการฉีด สอบถามข้อสงสัยได้ที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง ในวันและเวลาราชการ
https://web.facebook.com/realnewsthailand/posts/1154952458670816

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เช็กเลย จังหวัดไหน สีอะไรบ้าง? ปรับพื้นที่สถานการณ์ใหม่ เริ่ม 1 เมษายน 2565
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 6/2565
เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ตามที่ ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการ ณ์ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 (2) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด – 19 โดยคำแนะนำของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด – 19 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและ พนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกำหนดฯ สำหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้าย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 คำสั่งนี้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/339428834886127

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 129,071,569 โดส และทั่วโลกแล้ว 11,244 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 1,038.8 ล้านโดส
(30 มีนาคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 11,244 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 19.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 560 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 218 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 1,040,8 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (95% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 377.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 129,071,569 โดส
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 11,244 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 129,071,569 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 55,409,317 โดส (83.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 50,275,055 โดส (76% ของประชากร)
-เข็มสาม 23,387,197 โดส (35.3% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 30 มี.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 129,071,569 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 189,530 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 201,857 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,915,453 โดส
- เข็มที่ 2 3,602,698 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,987,096 โดส
- เข็มที่ 2 28,553,073 โดส
- เข็มที่ 3 5,4576,922 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,563,697 โดส
- เข็มที่ 2 7,256,973 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 10,169,632 โดส
- เข็มที่ 2 9,966,861 โดส
- เข็มที่ 3 14,258,492 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 773,439 โดส
- เข็มที่ 2 895,450 โดส
- เข็มที่ 3 3,651,783 โดส
4) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 1,040,824,895 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 377,108,938 โดส (71.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 205,495,812 โดส (82%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 148,799,120 โดส (64.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 129,071,569 โดส (83.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 68,795,057 โดส (84.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 48,708,905 โดส (47.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 37,915,150 โดส (87.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,780,673 โดส (93%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 10,081,203 โดส (76.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 1,068,468 โดส (95%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
5) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.8%
2. ยุโรป 9.9%
3. อเมริกาเหนือ 8.46%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.2%
5. แอฟริกา 4.01%
6. โอเชียเนีย 0.62%
6) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,254.98 ล้านโดส (230.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,837.26 ล้านโดส (133.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 560.23 ล้านโดส (167.1%)
4. บราซิล จำนวน 412.18ล้านโดส (194.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 377.11 ล้านโดส (136.9%)
7) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (311.8%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (263.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (260.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. กาตาร์ (246%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
5. มัลดีฟส์ (245.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. บรูไน (242.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
7. ภูฏาน (240%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm Pfizer/BioNTech AstraZeneca/Oxford และ Sputnik V)
8. ฝรั่งเศส (236.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna, J&J และ AstraZeneca/Oxford)
9. เกาหลีใต้ (235.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
10. สิงคโปร์ (234.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/287128573608582

ใกล้สงกรานต์แล้ว ฉีดวัคซีนก่อนกลับบ้านกันเถอะ กทม. เปิดจุด walk in ฉีดวัคซีนโควิด จองคิวผ่านระบบ QueQ เข็ม 1 เข็ม 2 และเข็มกระตุ้น
สำหรับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ชาวไทยและต่างชาติ ทุกสิทธิ์ ต่อเนื่องจากศูนย์ฉีดอื่นๆ เริ่มวันนี้ – 29 เมษายน 2565 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด ณ จุดบริการฉีดวัคซีนที่ รพ.ในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง (อัพเดต 29 มี.ค.65) ดังนี้
1. รพ.กลาง โทร.02-225-1354
2. รพ.ตากสิน (ณ ห้างแพลทฟอร์ม วงเวียนใหญ่) โทร.02-437-7677
3. รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ โทร.02-289-7000-4
4. รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โทร.02-429-3575- 81 ต่อ 8589
5. รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ โทร.02-543-2090
6. รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร โทร.02-327-3049
7. รพ.ราชพิพัฒน์ โทร.02-444-0163 กด 0
8. รพ.สิรินธร โทร.02-328-6760
9. รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน โทร.02-452-7999
10. รพ.คลองสามวา โทร.064-557-6009
11. รพ.บางนากรุงเทพมหานคร โทร.02-180-0201-3 ต่อ 103,104
• หลักเกณฑ์เงื่อนไข
1. สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
2. สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 รักษาหายแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
3. สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนจากศูนย์ฉีดวัคซีนอื่นๆ ทุกช่องทาง
4. ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อแล้ว ให้ได้รับเข็มกระตุ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ
เอกสารที่ต้องนำมาด้วย
1. กรณีคนไทย นำบัตรประจำตัวประชาชน และปากกาส่วนตัว
2. กรณีคนต่างชาติ ใช้พาสสปอร์ต (Passport) ร่วมกับบัตรสีชมพู หรือ ร่วมกับเลขประจำตัวประกันสังคม และปากกาส่วนตัว
• สูตรวัคซีน
เข็มที่ 2
- เข็ม 1 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ฉีดมาแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป
- เข็ม 1 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ฉีดมาแล้ว 8 สัปดาห์ขึ้นไป
เข็มที่ 3 (เข็มกระตุ้น)
- เข็ม 1-2 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็ม ฉีดมาแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป
- เข็ม 1-2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ครบ 2 เข็ม ฉีดมาแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
- เข็ม 1 เป็น ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม เข็ม 2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า ฉีดมาแล้ว 3 เดือนขึ้นไป
ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนต้องเตรียมความพร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ งดการออกกำลังกายหนัก สวมเสื้อที่สะดวกในการฉีด สอบถามข้อสงสัยได้ที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง ในวันและเวลาราชการ
https://web.facebook.com/realnewsthailand/posts/1154952458670816

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เช็กเลย จังหวัดไหน สีอะไรบ้าง? ปรับพื้นที่สถานการณ์ใหม่ เริ่ม 1 เมษายน 2565
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 6/2565
เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ตามที่ ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการ ณ์ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 (2) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด – 19 โดยคำแนะนำของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด – 19 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและ พนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกำหนดฯ สำหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้าย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 คำสั่งนี้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/339428834886127

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 129,071,569 โดส และทั่วโลกแล้ว 11,244 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 1,038.8 ล้านโดส
(30 มีนาคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 11,244 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 19.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 560 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 218 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 1,040,8 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (95% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 377.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 129,071,569 โดส
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 11,244 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1) ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 129,071,569 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 55,409,317 โดส (83.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 50,275,055 โดส (76% ของประชากร)
-เข็มสาม 23,387,197 โดส (35.3% ของประชากร)
2) อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 – 30 มี.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 129,071,569 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 189,530 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 201,857 โดส/วัน
3) อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,915,453 โดส
- เข็มที่ 2 3,602,698 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,987,096 โดส
- เข็มที่ 2 28,553,073 โดส
- เข็มที่ 3 5,4576,922 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,563,697 โดส
- เข็มที่ 2 7,256,973 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 10,169,632 โดส
- เข็มที่ 2 9,966,861 โดส
- เข็มที่ 3 14,258,492 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 773,439 โดส
- เข็มที่ 2 895,450 โดส
- เข็มที่ 3 3,651,783 โดส
4) ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 1,040,824,895 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 377,108,938 โดส (71.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 205,495,812 โดส (82%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 148,799,120 โดส (64.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 129,071,569 โดส (83.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 68,795,057 โดส (84.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 48,708,905 โดส (47.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 37,915,150 โดส (87.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 13,780,673 โดส (93%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 10,081,203 โดส (76.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 1,068,468 โดส (95%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
5) จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.8%
2. ยุโรป 9.9%
3. อเมริกาเหนือ 8.46%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.2%
5. แอฟริกา 4.01%
6. โอเชียเนีย 0.62%
6) ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 3,254.98 ล้านโดส (230.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,837.26 ล้านโดส (133.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 560.23 ล้านโดส (167.1%)
4. บราซิล จำนวน 412.18ล้านโดส (194.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 377.11 ล้านโดส (136.9%)
7) ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (311.8%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (263.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. ชิลี (260.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
4. กาตาร์ (246%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)
5. มัลดีฟส์ (245.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. บรูไน (242.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
7. ภูฏาน (240%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm Pfizer/BioNTech AstraZeneca/Oxford และ Sputnik V)
8. ฝรั่งเศส (236.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna, J&J และ AstraZeneca/Oxford)
9. เกาหลีใต้ (235.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
10. สิงคโปร์ (234.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/287128573608582
แสดงความคิดเห็น
🧡มาลาริน/31มี.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย27,560คน หายป่วย25,077คน ตาย85คน/ศบค.แบ่งโซนสีคุมโควิด/10จว.ครองเตียงมากที่สุด
https://www.sanook.com/news/8540042/
https://www.bangkokbiznews.com/social/996712
https://news.thaipbs.or.th/content/314146
https://news.thaipbs.or.th/content/314156
ยอดติดเชื้อใหม่ยังสูงอยู่นะคะ แต่ไม่ติดTop10 โลก
คนที่รู้จักติดเชื้อ หายป่วยแล้ว อาการไม่หนัก มีแค่ไอเจ็บคอ
ทราบข่าวญาติทางต่างจังหวัดมีเด็กอายุน้อย หนุ่มสาววัยทำงาน ผู้สูงอายุ ติดเชื้อไปตามๆกัน เหมือนป่วยเป็นไข้เล็กๆน้อยๆ กักตัวแค่ไม่กี่วัน ทยอยหายป่วย ออกไปลั้นลานอกบ้านเหมือนเดิมแล้วค่ะ
ถ้าไม่มีอัตราเสียชีวิตสูง โควิดก็คงใกล้จะเป็นโรคประจำถิ่นไปทุกที
ยังไงมาลารินก็จะผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ จะไม่ติดเชื้อนี้
สู้ๆกันต่อไปค่ะ เพื่อนๆ.....