เซ็บเดิร์ม โรคผิวหนังเป็นๆ หายๆ

 
เซ็บเดิร์ม โรคผิวหนังเป็นๆ หายๆ 
 
     ผิว คือปราการด่านแรกที่คนภายนอกมองเห็น หากผิวของเรามีสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้นก็มักสร้างความกังวลให้กับเจ้าของผิว โดยเฉพาะผิวที่ไม่เรียบเนียน เป็นผื่นคันและลอกออกเป็นขุย ยิ่งเป็นตัวเพิ่มความกังวลนั้นมากขึ้น 😟 วันนี้พี่หมอจะพามารู้จักกับ โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่หลาย ๆ  คนอาจจะเคยได้ยินหรือเคยรู้จักกันมาแล้ว นั่นคือ “โรคเซ็บเดิร์ม” ครับ
 
     “โรคเซ็บเดิร์ม” คือ โรคเกี่ยวกับการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังหรือมีอีกชื่อว่า โรคต่อมไขมันอักเสบ ซึ่งโรคเซ็บเดิร์มจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีความมัน มีต่อมไขมันอยู่มาก เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก จมูก หนังศีรษะ รอบสะโพก ขาหนีบ ส่วนมากแล้วจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ดสีขาวหรือสีเหลืองบริเวณผิวหนัง และมักมีอาการคันบริเวณผื่นหรือสะเก็ดผิวหนัง
 
ทำไมต้องรู้จักกับโรคเซ็บเดิร์ม?
     เพราะโรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังที่พบมากในปัจจุบันและเป็นโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามในการรักษา โรคเซ็บเดิร์มสามารถลุกลามไปทั่วร่างกายได้ โดยบางครั้งอาจจะเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและลุกลามไปยังหลังและหน้าอก เป็นโรคที่สร้างความรำคาญ รวมทั้งเป็นโรคที่แม้หายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้  การทำความรู้จักโรคเซ็บเดิร์มจึงเป็นตัวช่วยทำให้โรคหายหรือช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ 👍🏻
 
อาการของโรคเซ็บเดิร์ม
     1. ผิวหนังตกสะเก็ด เป็นรังแคบนหนังศีรษะ หรือบริเวณที่มีเส้นผม คิ้วหรือหนวดเครา
     2. ผิวมันเป็นแผ่น ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง หรือมีสะเก็ดแข็งบนหนังศีรษะ ใบหู ใบหน้า หน้าอก รักแร้ ถุงอัณฑะ หรือตามร่างกายส่วนอื่น ๆ
     3. มีอาการคัน แดง ผิวหนังลอกเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง ผิวมัน
     4. เปลือกตาอักเสบ มีอาการแดงหรือมีสะเก็ดแข็งติด
     5. มีอาการปวดหรือคันร่วมด้วย
     6. อาจมีอาการผมร่วงเกิดขึ้น
     7. อาการอาจรุนแรงมากขึ้นหากมีความเครียดและมักจะเกิดรุนแรงในฤดูหนาวและฤดูร้อน
     8. ในทารกอายุน้อยกว่า 3 เดือนมักจะมีเกล็ดสีเหลืองหรือน้ำตาลบนศีรษะ แต่มักจะหายไปก่อนอายุครบ 1 ปี
 
     โรคเซ็บเดิร์มบางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงและไม่รบกวนการใช้ชีวิต แต่บางคนก็อาจรุนแรงจนกระทบกับชีวิตประจำวันได้ ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง    
     1. นอนไม่หลับ เมื่อโรคเซ็บเดิร์มทำให้ทรมาน อึดอัดมากจนนอนไม่หลับหรือทำให้เกิดความเครียด
     2. ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่มั่นใจในผิวของตนเอง มีสะเก็ดที่ผิวหนังมาก มีผื่นคันจนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้
     3. เกิดวิตกกังวลจากโรค 
     4. สงสัยหรือสังเกตว่ามีการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่นอาการ บวม แดง ปวด ร้อน
     5. อาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง เมื่อมีการดูแลรักษาด้วยตนเองมาซักระยะ
 
     จากข้างต้น โรคเซ็บเดิร์มค่อนข้างมีอาการที่คล้ายคลึงกับโรคผิวหนังอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรืออาการภูมิแพ้ ในเด็กทารกอาจจะมีการเข้าใจผิดว่าโรคเซ็บเดิร์มคือโรคผื่นผ้าอ้อม ดังนั้น จึงควรมีการสังเกตร่างกายตนเองและคนใกล้ชิดโดยเฉพาะเด็กทารกอยู่เสมอ หากไม่แน่ใจในอาการควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยนะครับ
 
โรคผิวหนังอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายโรคเซ็บเดิร์ม
    📌  โรคสะเก็ดเงิน มักทำให้เกิดรังแคและผิวหนังแดง ปกคลุมด้วยสะเก็ดเล็ก ๆ แต่โรคนี้จะทำให้เกิดสะเก็ดมากกว่า โดยมีสีขาวออกเงิน
    📌  โรคผื่นผิวหนังอักเสบ โรคที่จะทำให้เกิดอาการคันและอักเสบของผิวหนัง มักเกิดบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา หรือที่ด้านหน้าลำคอ
    📌  โรคโรซาเซีย โรคผิวหนังอักเสบที่โดยมากจะเกิดขึ้นบนใบหน้า และปรากฏเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ
    📌  โรคผื่นผ้าอ้อมในเด็กทารก มีผื่นสีแดงเป็นปื้นหรือผด บริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับผ้าอ้อมโดยตรง เช่น ก้น โคนขา และอวัยวะเพศของเด็ก แต่ผิวหนังที่ไม่ได้สัมผัสโดนผ้าอ้อมจะไม่พบผื่นชนิดนี้ (ลูกพี่หมอก็เคยเป็นครับ 😊)   
 
สาเหตุของโรคเซ็บเดิร์ม
     โรคเซ็บเดิร์มยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เพราะอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในร่างกาย สภาพอากาศภายนอกหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยสามารถสรุปสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคเซ็บเดิร์มได้ดังต่อไปนี้ครับ
     1. ปฏิกิริยาการอักเสบของยีสต์ Malassezia ส่วนเกิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติอาศัยอยู่บนผิวหนัง 
     2. ภูมิต้านทานผิดปกติ
     3. ภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช เช่น โรคพาร์กินสันและภาวะซึมเศร้า
     4. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตับอ่อนอักเสบจากแอลกอฮอล์และมะเร็งบางชนิด 
     5. โรคอ้วน
     6. การฟื้นตัวจากสภาวะทางการแพทย์ที่ตึงเครียด เช่น หัวใจวาย
     7. มีความเครียด
     8. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการเจ็บป่วย
     9. ได้รับสารซักฟอกที่รุนแรง ตัวทำละลาย สารเคมี และสบู่
     10. ยาบางชนิด เช่น psoralen interferon และ lithium
     11. ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป มักปรากฏในทารกและหายไปก่อนวัยรุ่น
     12. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว
     13. โลชั่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
     14. พันธุกรรม
 
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเซ็บเดิร์ม 😨
     โรคเซ็บเดิร์มมักเกิดได้ในคนทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนมากจะเจอในเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน และผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี ซึ่งมักจะพบบ่อยในเพศชาย โดยในทารกนั้น อาการมักจะหายเองเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในผู้ใหญ่ โรคเซ็บเดิร์มมักจะเป็น ๆ หาย ๆ และจะมีอาการต่อเนื่อง กินระยะเวลาหลายปี 
 
✅การรักษาโรคเซ็บเดิร์ม
     โรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคที่เกิดขึ้นและอาจหายเองได้ แต่ในบางคนก็มีอาการต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากเป็นโรคเซ็บเดิร์ม หากโรคยังไม่ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิต สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีต่อไปนี้
     1. ดูแลผิวพรรณ ผิวหนังของตนเอง ใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก (Salicylic acid) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เซเลเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) ซิงก์ ไพริไธออน (Zinc Pyrithione) โคล ทาร์ (Coal tar) โดยหากแชมพูมีประสิทธิภาพลดลง ให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นสลับกันไป ส่วนผิวบริเวณอื่น สามารถบรรเทาด้วยการหาซื้อผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราหรือโลชั่นคอร์ติโคสเตียรอยด์
     2. รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นอยู่เสมอ โดยการล้างด้วยสบู่และน้ำเปล่า
     3. ล้างทำความสะอาดร่างกายและหนังศีรษะเป็นประจำ
     4. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้มีอาการมากขึ้น
     5. โกนหนวดเคราให้หมด เนื่องจากหนวดและเคราจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มเดิมแย่ลงได้
     6. สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อเรียบลื่น เพื่อป้องกันการระคายเคือง
     7. ออกไปรับแสงแดดภายนอก แสงแดดจะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ แต่ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีด้วย
     8. เลี่ยงการขีดข่วนหรือเกาที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อตามมาได้ หากคันให้ใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนหรือคาลาไมน์ช่วยระงับอาการชั่วคราว
     9. ทำความสะอาดบริเวณเปลือกตาเบา ๆ หากเปลือกตามีลักษณะแดงหรือมีสะเก็ด โดยล้างด้วยแชมพูเด็กแล้วเช็ดสะเก็ดออกด้วยแผ่นสำลี
     10. ขจัดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
     11. ลดการระคายเคืองบริเวณผิวที่เป็นเซ็บเดิร์ม สระผมเบา ๆ ห้ามเกา ซับเช็ดหน้าเบา ๆ การทายา ให้แตะเบา ๆ แทน 
     12. สำหรับทารกที่มีไขหรือสะเก็ดบนหนังศีรษะ พ่อแม่อาจสระผมให้ทุกวันด้วยแชมพูที่อ่อนโยนสำหรับเด็กและน้ำอุ่น หากไม่ได้ผล ควรปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับแชมพูที่ใช้รักษา ไม่ควรหามาทดลองใช้เอง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อศีรษะของทารกได้ ส่วนแผ่นสะเก็ดรังแคนั้นสามารถทำให้นุ่มลงด้วยการใช้น้ำมันมะกอกถูแล้วหวีด้วยแปรงเพื่อให้สะเก็ดรังแคหลุดลอกออกมา
 
     หากโรคเซ็บเดิร์มทำให้การดำเนินชีวิตลำบากและเกิดความวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษานะครับ 👨‍⚕️
 
การป้องกันโรคเซ็บเดิร์ม
     โรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคที่ไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากพันธุกรรมหรือสาเหตุอื่น ๆ แต่สามารถลดความรุนแรงของอาการและช่วยป้องกันไม่ให้โรคเกิดขึ้นซ้ำ โดยปฏิบัติดังต่อไปนี้
     1. ดูแลรักษาหนังศีรษะด้วยแชมพูต้านเชื้อ ดูแลรักษาผิวหนังของร่างกายให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำเปล่าเป็นประจำทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดคราบมันบนผิวหนังที่เป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคเซ็บเดิร์ม และช่วยลดจำนวนของเชื้อราบนผิวหนัง
     2. หลีกเลี่ยงโลชั่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 
     3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่แพทย์แนะนำ 
     4. ดูแลร่างกายให้มีความแข็งแรง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย ขจัดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเอชไอวี โรคอ้วน เป็นต้น
     5. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 
 
     โรคเซ็บเดิร์ม โรคผิวหนังที่ไม่ควรมองข้าม แม้อาการของโรคจะไม่มีความรุนแรงมากนัก แต่ก็สร้างความรำคาญใจและวิตกกังวลให้กับผู้ที่เป็นได้ ซ้ำยังเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ไม่มีสัญญาณเตือนว่าโรคจะกลับมาเป็นอีกเมื่อใด ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคจะช่วยลดความเสี่ยง ดังคำที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งนะครับ 😊 😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่