ภาค 3 เมื่อฉันเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ( คีโม , เนื้องอกในสมอง , เส้นประสาททำงานผิดปกติ อันเนื่องมาจากการฉายแสง , กรดไหล

กระทู้สนทนา
ภาค 3 เมื่อฉันเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ( คีโม , เนื้องอกในสมอง , เส้นประสาททำงานผิดปกติ อันเนื่องมาจากการฉายแสง , กรดไหลย้อน กับอาการป่วยสารพัด )
https://pantip.com/topic/38475442
https://pantip.com/topic/39238018
จากภาค 1 ที่เจนเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ จนมีภาค 2 เมื่อมะเร็งลามมากระดูกอุ้งเชิงกราน วันนี้เจนจะมาเล่า ภาค 3 ต่อนะคะ แต่คงไม่ได้ละเอียดเหมือน 2 ภาคแรก เพราะเรื่องก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว คือ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมาเล่า แต่คิดไปคิดมา เผื่อจะเป็นประโยชน์ กับคนที่เผชิญกับโรคนี้แบบเจน ขอเล่าต่อจากที่เจนไปฉีดยาสลายพังผืดมา และเริ่มไปคีโมนะคะ สำหรับการฉีดสลายพังผืด เจนไปฉีดตามที่คุณหมอนัด น่าจะประมาณ 2-3 ครั้ง ก่อนคีโม เรียกว่า ดีเลยค่ะ อาการเจ็บลดลงเรื่อยๆ แรกๆ เจนก็ยังต้องนั่งรถเข็นเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้กลับไปเคลียร์งาน ก่อนจะคีโมนะคะ น้อง(หัวหน้า)ที่ทำงานขับรถมารับ มาส่ง พี่ชายเจนก็จะเอารถเข็นมารอรับพาขึ้นห้อง(คอนโด) เพราะเจนเดินมากไม่ได้ มันจะตึงๆเจ็บๆที่บริเวญขาหนีบ และหัวหน่าวค่ะ
เจนฉายแสงจนครบ 10 ครั้ง และก็ไปคีโมต่อในวันที่ 27 กย 62 คีโมทั้งหมด 6 circles แบ่งเป็น 12 ครั้ง คือ จะแบ่งเป็นเข็มใหญ่ สลับกับเข็มเล็ก คำว่า เข็มใหญ่เล็ก หมายถึงตัวยา และระยะเวลาในการให้คีโมอ่ะค่ะ เจนก็จำเวลาที่ให้ไม่ค่อยได้แล้ว จำได้คล่าวๆประมาณว่า เข็มใหญ่ จะต้องให้ยา 2 ตัว และใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนเข็มเล็กจะให้ยาตัวเดียว และใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ประมาณนี้อ่ะค่ะ แต่ไม่รวมเวลาที่ให้น้ำเกลือก่อนอีกประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ เรียกว่า การคีโมของเจน คือเด็กๆมาก เมื่อเทียบกับมะเร็งอื่นๆ เช่น มะเร็งลำไส้ ที่ให้กันร่วม 50 ชั่วโมง คือต้องแอดมิดให้คีโมกันเลยทีเดียว สำหรับตัวยาคีโม จะมี 2 ตัว โดยอาการข้างเคียงต่างๆที่ทางโรงพยาบาลให้ข้อมูลมา มีดังนี้นะคะ
1.Caboplatin คาร์โบพลาติน 
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- ภูมิต้านทานลดลง(เม็ดเลือดขาวต่ำ) พบในช่วง10-14 วัน
- ฟกช้ำง่าย (เกร็ดเลือดต่ำ) พบในช่วง 10-14 วัน
- เลือดจาง (เม็ดเลือดแดงต่ำ) พบในช่วง 10-14 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน พบในช่วง 1-2 วันแรก
- เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
อาการข้างเคียงที่พบน้อย
- รู้สึกชา หรือเสียวแปลบที่มือ หรือเท้า ในกรณีที่ได้รับยาในขนาดสูง อาการจะลดลงอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 เดือน
- หูอื้อ ในกรณีที่ได้รับยาในขนาดสูง
- ท้องเสีย
- แผลในปาก
- การรับรถเปลี่ยนไป
- ผมร่วง ( อาจพบได้ในกรณีได้รับยาในขนาดสูง)
2. Gemzar (Gemcitabine)
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- ภูมิต้านทานลดลง(เม็ดเลือดขาวต่ำ) พบในช่วง 7-14 วัน
- มีฟกช้ำ หรือเลือดออกง่าย (เกร็ดเลือดต่ำ) พบในช่วง 7-14 วัน
- เลือดจาง (เม็ดเลือดแดงต่ำ) พบในช่วง 7-14 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน ลดความอยากอาหาร
- ผลกระทบชั่วคราวต่อตับ ซึ่งแพทย์จะตรวจสภาพการทำงานของตับก่อนทุกครั้ง
- ผลกระทบต่อไต อาจตรวจพบเลือด
- มีไข้ อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดตามข้อ และกล้ามเนื้อร่วมด้วย
- อาการบวมน้ำ อาจมีอาการบวมที่ข้อเท้า
- หรือโปรตีนในปัสสาวะ
- ผลกระทบต่อผิวหนัง อาจพบผื่นแดง หรือมีอาการคัน
- มีไข้ อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดตามข้อ และกล้ามเนื้อร่วมด้วย
- อาการบวมน้ำ อาจมีอาการบวมที่ข้อเท้า
- อ่อนเพลีย
อาการข้างเคียงที่พบน้อย
- ปากเป็นแผล การรับรถเปลี่ยนไป
- หายใจขัด ท้องเสีย
- ผมร่วง (พบได้ น้อยมาก)
ในผู้ป่วยแต่ละราย อาจมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อยาแบบเฉพาะตัว ผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการข้างเคียงเพียงเล็กน้อยในขณะที่ผู้ป่วยบางรายมีอาการข้างเคียงมากดังนั้นอาการข้างเคียงที่ให้ข้อมูลไว้ ณ ที่นี้ อาจจะไม่พบในผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับยานี้ และอาจมีอาการแตกต่างจากนี้ ถ้าผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดมากกว่า 1 ตัว
ทั้งหมด คือ ข้อมูลที่ทางโรงพยาบาลให้เอกสารมานะคะ ต่อไปมาดูอาการของเจนบ้าง เริ่มจากตอนให้คีโมกันเลยค่ะ สำหรับยาตัวที่ 1 คาร์โบพลาติน ตัวนี้ตอนให้ก็ชิลล์ๆค่ะ ไม่มีอาการอะไร แต่เจ้าตัวที่ 2 เจมซ่านี่สิคะ ซ่าส์สมชื่อเลย ตอนยาเดินเข้าเส้น จะปวดมากๆเลย แต่คุณพยาบาลจะให้น้ำแข็งไว้ก้อนนึง ทีแรกเจนก็ยังไม่โปะมือ พอปวดถึงโปะ เลยปวดแทบแย่ รอบต่อมา เจนเลยโปะตั้งแต่คุณพยาบาลยังไม่เริ่มปล่อยยาเลยค่ะ เลยค่อยยังชั่ว แต่อาการปวด ก็จะไม่ได้ปวดตลอดการให้ยาหรอกนะคะ จะปวดแค่ช่วงแรกๆเท่านั้น สำหรับอาการหลังได้รับยาไปแล้วของเจน ก็มีมึนหัว ตัวร้อนนิดๆ มือสั่น ตัวสั่น หนาว เหม็นอาหาร เหม็นยันกลิ่นแก๊สเลยค่ะ น่องบวม ผื่นขึ้นคอ และคันมากๆ ปวดกระดูก ปวดหัว ปวดบีบๆ มือชา(กำมือไม่ลง) จามบ่อย สะอึกบ่อย เม็ดขึ้นหัว (เจ็บจนจับไม่ได้) คลื่นไส้ และครั่นเนื้อครั่นตัวค่ะ เรื่องครั่นเนื้อครั่นตัวนี่งงมากค่ะ ตอนแรกที่เจนยังไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับยาคีโม เจนบอกอาการคุณหมอว่าครั่นเนื้อครั่นตัวมาก และถามคุณหมอว่า เพราะยาคีโมมั๊ย คุณหมอตอบว่า ไม่รู้เลยว่าเจนเป็นอะไร ( แอบงงคุณหมอมากค่ะ ) ซึ่งจะครั่นเนื้อครั่นตัวแบบทรมานมากๆ ส่วนอาการคลื่นไส้ คือ เจนจะนอนหมดแรงเลย ไม่อยากกระดุกกระดิกตัวทำอะไรทั้งนั้น แต่โชคดีตรงที่คุณหมอจ่ายยามาตัวนึง ชื่อยาอะคินซิโอ เป็นยาที่แพงมาก เม็ดละ 3,000 บาท ทานแล้วแทบไม่คลื่นไส้เลย ถึงคลื่นไส้ก็ไม่รุนแรงค่ะ แต่ต้องจ่ายร่วมกับยาแก้คลื่นไส้พื้นฐาน พวกยาจิตประสาทที่มีผลข้างเคียงช่วยลดอาการคลื่นไส้ ( olapin-5,Dexasone 4 mg ) ด้วยนะคะ ที่เจนรู้เพราะเรื่องการจ่ายยาทั้งหมดนี้ เจนต้องถกเถียงกับคุณหมอทุกครั้งที่คีโมเข็มเล็ก คุณหมอจะไม่จ่ายยาตัวสามพัน คุณหมอว่า เข็มเล็ก ไม่คลื่นไส้หรอก ที่ไหนได้ เจนคลื่นไส้แทบแย่ พอรอบต่อไปที่ให้เข็มเล็ก เจนก็บอกคุณหมอให้ช่วยจ่ายมาเถอะค่ะ คุณหมอก็บอกว่า เดี๋ยวจ่ายอีกตัวนึงให้ ถูกกว่า ราคาพันกว่าบาท สุดท้ายก็คลื่นไส้แทบแย่อีก พอเข็มเล็กครั้งต่อมา คุณหมอยอมจ่ายยาตัวสามพัน แต่ตัดยาแก้คลื่นไส้พื้นฐานที่เคยให้ออก สรุปคลื่นไส้อีกค่ะ...ยาแก้คลื่นไส้พื้นฐาน ก็จะมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกมากๆ ผุกขนาดใช้ยาสอดก็แล้ว ก็ยังแทบช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทรมานกับการท้องผูกพอสมควรเลยค่ะ นอกจากเรื่องจ่ายยาของคุณหมอแล้ว ยังมีเรื่องการตรวจเลือดอีกเรื่อง ตรวจเลือดเพื่อดูค่าเม็ดเลือดขาวว่าผ่านมั๊ย ถ้าไม่ผ่าน ก็จะไม่ได้คีโม ต้องเลื่อนการคีโมออกไป ซึ่งเจนก็จะลุ้นทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ไปเจาะเลือด แล้วเจนยังมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ ซึ่งก็ออกจะงงๆกับเรื่องนี้ คือ บางทีมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ผลเลือดผ่าน แต่พอตอนไม่มีอาการอะไร ผลเลือดไม่ผ่านซะงั้น ซึ่งอาหารที่เจนโด้ป เพื่อให้ค่าเม็ดเลือดขาวผ่าน ก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ คือ ไข่ขาว วันละ 8 ฟอง ไข่แดง 1-2 ฟอง กับเอ็นชัวร์ค่ะ โดยเจนจะเอาน้ำใส่หม้อเล็ก ให้น้ำสูงประมาณนิ้วนึง ต้มจนน้ำเดือด เทไข่ขาวลงไป  ประมาณ 5 ฟอง มีไข่แดงด้วยฟองนึง คนๆๆๆ เร็วๆ พอไข่เริ่มสุก ยกขึ้น แล้วตักเอ็นชัวร์ใส่ลงไป ประมาณ 3-5 ช้อนได้ ( เจนจำไม่ได้แล้วว่าต้องทานเท่าไหร่ ) คนๆๆๆให้เข้ากัน วิธีนี้ช่วยให้ทานไข่ขาวลงไปได้ แบบไม่น่าเบื่อจนเกินไป เพราะขนาดเจนเอาไข่ขาวมาทำสารพัดเมนูนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำไข่ขาว ยำไข่ขาว ไข่ขาวผัดกระเพรา หลังๆเจนก็เริ่มกลืนไข่ขาวไม่ลงเลยค่ะ ที่พูดๆมาไม่ใช่ว่า เจนสนับสนุนให้ใช้วิธีทานไข่ขาวเพื่อเพิ่มเม็ดเลือดขาวหรอกนะคะ เพราะจริงๆเจนก็ไม่แน่ใจว่า วิธีนี้ได้ผลจริงมั๊ย เพราะถึงทานไข่ขาวเยอะ เจนก็ยังมีที่ผลเลือดไม่ผ่าน และตอนหลังคุณพยาบาลแนะนำให้ทานเฟรซูบิน ( เป็นผงๆ เหมือนเอ็นชัวร์ ) เจนก็ใส่เฟรซูบินเพิ่มอีก ทานจนตอนคีโมเสร็จอ้วนกลมเลยค่ะ ..และทุกวันนี้ เจนก็ทานวีแกน ไม่ทานไข่ ไว้จะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งภายหลังค่ะ...ขอกลับไปเล่าเรื่องลุ้นผลเลือดต่อนะคะ คือ มีอยู่ครั้งนึง คุณหมอเห็นเจนลุ้นผลเลือด คุณหมอบอกเจนว่า ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร คีโมไป ยังไงก็ไม่หาย พูดแบบหัวเราะๆด้วยนะคะ เจนออกมาจากห้องคุณหมอน้ำตาไหลพรากเลยค่ะ แต่ครั้งนั้นผลเลือดผ่านนะคะ เจนไปคีโมด้วยหน้าเศร้าๆ จนคุณพยาบาลที่ให้คีโมถามเจนว่า เจนเป็นอะไรรึเปล่า เจนก็เลยเล่าให้คุณพยาบาลฟัง คุณพยาบาลอึ้งไปพักนึง พร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิด แล้วบอกเจนว่า เราก็ให้คีโมรักษาไปให้ครบ และคอยติดตาม ถ้าโรคกลับมาอีก เราก็มาปรึกษาคุณหมอ หาวิธีการรักษา ใช้ยาคีโมที่เหมาะกับเรา คือฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ และขอบคุณคุณพยาบาลท่านนี้มากๆ....ช่วงให้คีโมนี้ มีครั้งนึง เจนติดเชื้อด้วยนะคะ น่าจะติดเชื้อ เพราะเจนไปตลาด หรือทานขนมที่ซื้อจากตลาดนี่แหละค่ะ อาการ คือ ครั่นเนื้อครั่นตัวมากๆ ซึ่งเจนก็คิดว่า ครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะยาคีโม ก็ทนนอนทรมานอยู่อย่างนั้น แต่อาการไม่มีทีท่าจะทุเลา เจนก็เลยวัดไข้ดู ปาไป 39 ได้ค่ะ เลยรีบไป รพ กรุงเทพคริสเตียน คุณหมอให้แอดมิด ให้น้ำเกลือ ให้เลือดด้วยนะคะ แอดมิดอยู่หลายวันเหมือนกัน ออกจากแอดมิดตอนสายๆ เจนก็ไป รพ จุฬา ไปคีโมต่อเลยค่ะ เรียกว่า ก็ผ่านช่วงเวลาการคีโมมาอย่างทุลักทุเลพอควร จำได้เลยวันสุดท้ายที่พบคุณหมอ หลังจากคีโมครบ เจนได้เจอคุณหมอนักศึกษาแพทย์ ซึ่งอาจารย์หมอเจ้าของไข้เจน ก็นั่งตรวจคนไข้อยู่ข้างๆกันนี่แหละค่ะ คุณหมอนักศึกษาพูดว่า คีโมครบแล้ว ให้มากกว่านี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นพิษ ให้อีก ร่างกายก็รับไม่ไหว ตอนนี้ก็พักก่อน เดี๋ยวเป็นอีก ก็กลับมาให้คีโมใหม่ คือเจนจำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้ แต่อยากจะบอกว่า ทำไมพูดเหมือนอาจารย์หมอเลยแฮะ ดีตรงที่ เจนค่อนข้างทำใจได้แล้ว ที่เล่ามานี่ ไม่ได้ต้องการจะต่อว่าอะไรคุณหมอนะคะ แค่อยากจะบอกทุกคนว่า ทุกอย่าง อยู่ที่เรา แค่เราไม่ไปยึดคำพูดนั้นมา เราก็จะไม่เป็นทุกข์ค่ะ คุณหมอคงเจอคนไข้มะเร็งเยอะ หลากหลาย ไม่เหมือนกัน... การให้คีโม 12 ครั้งนี้ สรุปใช้เวลา 4 เดือน วันสุดท้ายที่เจนคีโม คือ วันที่ 30 มค 63 ค่ะ และหลังจากเจนเคลียร์เนื้อสัตว์ที่อยู่ในตู้เย็นหมด วันที่ 4 กพ 63 เจนก็เปลี่ยนมาทานอาหารวีแกน คือ ไม่ทานเนื้อสัตว์ นม ไข่ น้ำมันผ่านความร้อน น้ำตาล เลี่ยงอาหารหวาน ไม่ทานอาหารที่ใส่สารกันบูด เจนจะมีแม่บ้านทำอาหารให้ คือเริ่มแรก เจนจ้างแม่บ้านมาดูแลคุณแม่ที่ป่วยเป็นสมองเสื่อม ถือว่าทุลักทุเลมาก กว่าจะหาแม่บ้านลงตัว เจนไม่ได้พักผ่อนเลย แม่บ้านเห็นว่า เจนจะเปลี่ยนอาหาร จึงอาสาทำอาหารให้เจนทาน โดยไม่ปรุงรสเลย นอกจากเกลือชมพู วันละไม่เกิน 1 ช้อนชา โดยเจนจะเป็นคนโรยในอาหารก่อนทานเองเพราะจะได้กะปริมาณเอง ( ซึ่งเจนไม่แนะนำวิธีนี้นะคะ เพราะเจนคิดว่า การที่เราโรยเกลือ เกลือมันไม่ได้ละลายไปในอาหาร พอทานไป เหมือนเราทานเกลือโดยตรง แล้วไปกัดกระเพาะอ่ะค่ะ เพราะภายหลัง เจนก็เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อน เจนคิดว่า มันน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุค่ะ ให้ปรุงตอนทำอาหารดีกว่า และปัจจุบัน เจนก็เปลี่ยนเป็นใช้ซีอิ๊วปรุงตอนทำอาหาร ไม่ค่อยได้ทานเกลือแล้วค่ะ ) นานๆจะใช้ซีอิ๊วบ้าง เพื่อกันโซเดียมตก โดยจะเลือกซอส หรือซีอิ๊วแบบที่ไม่มีน้ำตาล ไม่ใส่สารกันบูด เวลาโซเดียมตก จะมีอาการเหมือนหัวใจจะวาย กระสับกระส่าย แล้วเจนก็ทำพวกน้ำสกัดผัก ผลไม้ต่างๆ ตามที่ดูๆจากในเน็ตนี่แหละค่ะ ก็เป็นพวกแอปเปิ้ลเขียว แครอท ผักสลัด มะขามป้อม เบอรี่ต่างๆ ( ซื้อแบบฟรีสมาจากแมคโคร )  มะนาว มะม่วงเปรี้ยว บีทรูท กะหล่ำม่วง มะละกอดิบ ฯลฯ ตามที่จะหาได้ ส่วนอาหาร ก็จะเป็นพวกผักผัดน้ำ คือต้มให้น้ำจากผักออกมา รสชาติจะได้กลมกล่อม แล้วก็มีพวกส้มตำ ยำผักต่างๆ บีบมะนาว โรยเกลือชมพู โรยสารพัดนัท ก็อร่อยแล้วค่ะ พอดีเป็นคนชอบทานพวกถั่ว นัท เผือก มัน แนวๆนี้อยู่แล้ว การเปลี่ยนมาทานวีแกน จึงไม่ได้ทำให้ทุกข์ทรมานอะไร ยังคงอร่อยๆได้ทุกวันค่ะ ..เจนทานวิตามินบี 12 เสริมด้วยนะคะ เพราะผู้ที่ทานอาหารวีแกน หรือมังสวิรัติแบบเข้มงวด ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติทางโรคระบบประสาทวิทยา และจิตเวช โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงโต และโรคหัวใจหลอดเลือดได้ โดยให้ทานขนาด 50-100 ไมโครกรัม ต่อวัน หรือ 500-1000 ไมโครกรัมต่อสัปดาห์ ข้อมูลทั้งหมดนี้ เจนเอามาจากเพจคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ บอกไว้เป็นข้อมูล เผื่อใครสนใจจะทานแบบนี้ โดยเจนจะซื้อ วิตามินบี 1 6 12 ยี่ห้อ Sambion กล่องสีส้มทาน เพราะจะถูกกว่ายี่ห้อ Neurobian โดยทานวันละเม็ดหลังอาหารเช้า วันเว้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่