สวัสดีครับ ผมเป็นเกย์ อายุ 27 ปี มีแฟนแล้ว คบกันได้เกือบๆ 2 ปี อยู่ด้วยกันตลอด โดยเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ. ผมกับแฟนตกลงจะลดความสัมพันธ์ลง เพราะเราทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่รู้ว่าช่วงที่คบกันนั้น ความสุขหรือความทุกข์มันมากกว่ากันด้วยซ้ำ
พอเราลดความสัมพันธ์ลง ผมก็ได้ไปมีเพศสัมพันธ์โดยเสี่ยงต่อการติดเชื้อมา ซึ่งสารภาพจากใจจริงคือ ผมเป็นคนที่โคตรจะระมัดระวังตัวเอง แต่ด้วยความที่พอเรา"เหมือนจะมีอิสระ" คือ คนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน มันไม่ใช่ฐานะแฟนแล้ว ผมจึงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไร และไปเกิดความสัมพันธ์ดังกล่าวขึ้น
ต่อมา ผมกับแฟนที่ลดสถานะลง แต่ยังอยู่ด้วยกัน มันก็ไม่คุยกันได้แค่ 2-3 วัน สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน และเค้าก็บอกผมว่า เค้าจะอยู่ที่นี่ดูแลพี่จนไปตลอด (เค้าเรียกผมว่าพี่) ก็เหมือนว่าเรากลับมาคืนดีกัน หลังจากนั้นผมจึงแอบไปตรวจ HIV และโรคอื่นๆ ซึ่งผมตรวจปีละ 4 ครั้งอยู่แล้วโดยไม่ได้บอกเค้า
ตรวจโดยใช้น้ำยาเจน 4 ผลปรากฎว่าผมไม่มีเชื้อ HIV (ทราบผลในวันนั้นเลย และนำเลือดอีกหลอดตรวจด้วยวิธีNAT) วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่จากคลินิคนิรนามโทรหาผมบอกว่า ผลNAT ผมผิดปกติ โลกผมเปลี่ยนไปเลย ผมรู้ทันที ณ ตอนนั้นว่ามีเชื้อ เพราะผมศึกษามาตลอด ผมจะไม่มีวันเป็น HIV แต่วันนั้นผมเหมือนตายทั้งเป็น ทั้งๆที่ปลายสายยังไม่บอกว่าติดหรือไม่ติด แต่แบบนี้มันไม่ปกติแน่ๆ วันรุ่งขึ้นจึงไปพบตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งมา
เจ้าหน้าที่เอาผลให้ดู ซึ่งผล NAT มันไม่บอกว่าเรา บวก หรือ ลบ มันจะมีเลขอะไรก็ไม่รู้ที่ของผมมันหลัก 120-130 แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าผมโชคดีที่เลขนี้ยังน้อย ตรวจเจอไวมาก (นั่นแหละครับ เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าผมติดเชื้อ) บางคนหลักหมื่นแล้วถึงรู้ตัว บางคนหลักสิบล้านถึงรู้ตัว และเข้าสู่กระบวนการรักษา
ในวันที่มารับทราบผลแนท เค้าตรวจเลือดผมไปเยอะมาก เกินกว่า 8 หลอด ตรวจร่างกาย ให้ผมทำข้อสอบจิตวิทยา และเชิญผมให้เป็นผู้ติดเชื้อที่เข้าร่วมงานวิจัย (ผู้ติดเชื้อในระยะเฉียบพลันเท่านั้นที่จะเข้างานวิจัยได้) ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับผมเองไม่ก็กับคนอื่น ผมจึงเข้าร่วมทุกอย่างที่เค้าเสนอมา ผมไม่กลัวเจ็บ ผมอยากหาย
ในวันเดียวกัน ผมคิดว่าผมจะบอกแฟนผมยังไงดี ผมรักเค้ามาก และเค้าโคตรรักผม วันนั้นทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง เค้าส่งข้อความหาผมตลอดว่าทำอะไร กินไรยัง (ถามตามปกติเพราะผมไม่บอกเค้าว่ามาคลินิค) ผมตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง เพราะวุ่นอยู่ในคลินิค จนเกือบๆเที่ยง ผมขอตัวจากคลินิคโทรบอกเค้าว่าผมมีเชื้อ ใช้เวลาไม่นานแค่ 5 นาที ที่เราคุยกัน เค้าตำหนิผมและต่อว่าผมยกใหญ่ว่าทำไมผมไม่รักตัวเอง และอาจจะทำให้เค้าติดไปด้วย เค้าจึงลางานและมาตรวจทันทีในสถานที่เดียวกัน
เมื่อผมเสร็จในส่วนของผม เค้าเสร็จในส่วนของเค้า เรากลับมาเจอกันที่บ้าน เค้าถึงก่อนผมเพราะเราไม่ได้กลับพร้อมกัน (ผมต้องไปเข้ากระบวนการรักษาต่อ) เค้านอนอยู่บนเตียงเล่นโทรศัพท์หน้าตาแจ่มใส (ตั้งแต่คบกันมาเค้าไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นสักครั้ง แต่ผมอ่ะสิ นิดๆหน่อยๆก็ร้องไห้) ผมทรุดตัวร้องไห้หนักมาก และขอโทษเค้า ซ้ำไปซ้ำมา เค้าบอกผมว่าเค้าก็ยังจะดูแลผมไปตลอด ซึ่งมันทำให้ผมเจ็บปวดมากขึ้น เพราะว่ากันตามตรง เค้าสามารถเลิกกับผมทิ้งผมไปและไปเริ่มชีวิตใหม่ที่ดีได้ ที่ผ่านมาผมเป็นแฟนที่นิสัยเสีย เอาแต่ใจตัวเอง แก่กว่าแค่ตัว แต่สมองและสติปัญญา การใช้ชีวิต ผมเทียบกับเค้าไม่ได้
ผมร้องไห้ได้ 10 นาที เค้าก็ปลอบให้หยุดร้องและเราก็คุยเรื่องแนวทางรักษา
วันนี้ 27 มีค เป็นวันที่ 3 ที่ผมทราบว่ามีเชื้อในร่างกาย และเป็นวันแรกที่ผมจะได้ทานยา
ผมอยากสอบถามคนมีประสบการณ์ว่า
1.ผมจะมีอายุยืนได้จริงอย่างที่เค้าพูดกันหรือไม่ ผมไม่อยากตายใน 10 ปี 20 ปี ข้างหน้า ผมยังอยากมีชีวิตเพื่อตอบแทน และชดใช้ให้กับแฟนผมในด้านที่ผมสามารถทำได้ดีกว่าเขา
2.ยารักษาในสมัยนี้ มีผลข้างเคียงอื่นใด ที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าเราเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ เช่น หน้าตอบ / ไขมันไปกองรวมกันที่ใดที่หนึ่ง / ตัวลีบ / ผอมติดกระดูก
3.ผมเห็นหน้าแฟนผมทีไร ผมร้องไห้ทุกที ผมไม่รู้จะไปปรึกษาจิตแพทย์ที่ไหน ที่ผมร้องไห้เพราะผมสงสารที่เค้าจะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับผม ทำไมเค้าถึงซวยขนาดนี้ และทำไมผมถึงเห็นคุณค่าเค้าในวันที่ผมโคตรจะรังเกียจตัวเอง แต่เค้าก็ยังกอดผม หอม ปกติเหมือนที่เคยทำมาก่อน และเค้าบอกผมว่า ถ้าเค้าจะทิ้งผมเพราะผมติดเชื้อเค้าไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ในตอนนี้เค้าขอดูแลผมไปก่อน และในอนาคตถ้าสักวันหนึ่งเค้าจะทิ้งผมเค้าบอกว่าคงไม่ใช่เพราะผมเป็นผู้ติดเชื้อหรอก
ขอบคูณพื้นที่ที่ให้ผมได้ระบายครับ
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะรักตัวเองมากๆ และจะรักแฟนผมเหมือนที่ผมรักตัวเอง แว่บหนึ่งในหัวสมองผม ผมอยากตาย แต่ผมชอบคิดว่าถ้าผมตาย เค้าก็คงเสียใจ เสียใจมากๆ และผมไม่อยากให้ใครเสียใจอีกแล้ว
ผมอยากมีอายุยืนยาวถึง 70-80 ปี ผมอยากใช้ชีวิตแบบที่คนปกติเค้าใช้กัน โอกาสมันยังมีอยู่ใช่ไหมครับ
HIV สวัสดีครับ ผมเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันนี้จะกินยาต้านวันแรกครับ
พอเราลดความสัมพันธ์ลง ผมก็ได้ไปมีเพศสัมพันธ์โดยเสี่ยงต่อการติดเชื้อมา ซึ่งสารภาพจากใจจริงคือ ผมเป็นคนที่โคตรจะระมัดระวังตัวเอง แต่ด้วยความที่พอเรา"เหมือนจะมีอิสระ" คือ คนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน มันไม่ใช่ฐานะแฟนแล้ว ผมจึงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไร และไปเกิดความสัมพันธ์ดังกล่าวขึ้น
ต่อมา ผมกับแฟนที่ลดสถานะลง แต่ยังอยู่ด้วยกัน มันก็ไม่คุยกันได้แค่ 2-3 วัน สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน และเค้าก็บอกผมว่า เค้าจะอยู่ที่นี่ดูแลพี่จนไปตลอด (เค้าเรียกผมว่าพี่) ก็เหมือนว่าเรากลับมาคืนดีกัน หลังจากนั้นผมจึงแอบไปตรวจ HIV และโรคอื่นๆ ซึ่งผมตรวจปีละ 4 ครั้งอยู่แล้วโดยไม่ได้บอกเค้า
ตรวจโดยใช้น้ำยาเจน 4 ผลปรากฎว่าผมไม่มีเชื้อ HIV (ทราบผลในวันนั้นเลย และนำเลือดอีกหลอดตรวจด้วยวิธีNAT) วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่จากคลินิคนิรนามโทรหาผมบอกว่า ผลNAT ผมผิดปกติ โลกผมเปลี่ยนไปเลย ผมรู้ทันที ณ ตอนนั้นว่ามีเชื้อ เพราะผมศึกษามาตลอด ผมจะไม่มีวันเป็น HIV แต่วันนั้นผมเหมือนตายทั้งเป็น ทั้งๆที่ปลายสายยังไม่บอกว่าติดหรือไม่ติด แต่แบบนี้มันไม่ปกติแน่ๆ วันรุ่งขึ้นจึงไปพบตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งมา
เจ้าหน้าที่เอาผลให้ดู ซึ่งผล NAT มันไม่บอกว่าเรา บวก หรือ ลบ มันจะมีเลขอะไรก็ไม่รู้ที่ของผมมันหลัก 120-130 แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าผมโชคดีที่เลขนี้ยังน้อย ตรวจเจอไวมาก (นั่นแหละครับ เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าผมติดเชื้อ) บางคนหลักหมื่นแล้วถึงรู้ตัว บางคนหลักสิบล้านถึงรู้ตัว และเข้าสู่กระบวนการรักษา
ในวันที่มารับทราบผลแนท เค้าตรวจเลือดผมไปเยอะมาก เกินกว่า 8 หลอด ตรวจร่างกาย ให้ผมทำข้อสอบจิตวิทยา และเชิญผมให้เป็นผู้ติดเชื้อที่เข้าร่วมงานวิจัย (ผู้ติดเชื้อในระยะเฉียบพลันเท่านั้นที่จะเข้างานวิจัยได้) ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับผมเองไม่ก็กับคนอื่น ผมจึงเข้าร่วมทุกอย่างที่เค้าเสนอมา ผมไม่กลัวเจ็บ ผมอยากหาย
ในวันเดียวกัน ผมคิดว่าผมจะบอกแฟนผมยังไงดี ผมรักเค้ามาก และเค้าโคตรรักผม วันนั้นทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง เค้าส่งข้อความหาผมตลอดว่าทำอะไร กินไรยัง (ถามตามปกติเพราะผมไม่บอกเค้าว่ามาคลินิค) ผมตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง เพราะวุ่นอยู่ในคลินิค จนเกือบๆเที่ยง ผมขอตัวจากคลินิคโทรบอกเค้าว่าผมมีเชื้อ ใช้เวลาไม่นานแค่ 5 นาที ที่เราคุยกัน เค้าตำหนิผมและต่อว่าผมยกใหญ่ว่าทำไมผมไม่รักตัวเอง และอาจจะทำให้เค้าติดไปด้วย เค้าจึงลางานและมาตรวจทันทีในสถานที่เดียวกัน
เมื่อผมเสร็จในส่วนของผม เค้าเสร็จในส่วนของเค้า เรากลับมาเจอกันที่บ้าน เค้าถึงก่อนผมเพราะเราไม่ได้กลับพร้อมกัน (ผมต้องไปเข้ากระบวนการรักษาต่อ) เค้านอนอยู่บนเตียงเล่นโทรศัพท์หน้าตาแจ่มใส (ตั้งแต่คบกันมาเค้าไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นสักครั้ง แต่ผมอ่ะสิ นิดๆหน่อยๆก็ร้องไห้) ผมทรุดตัวร้องไห้หนักมาก และขอโทษเค้า ซ้ำไปซ้ำมา เค้าบอกผมว่าเค้าก็ยังจะดูแลผมไปตลอด ซึ่งมันทำให้ผมเจ็บปวดมากขึ้น เพราะว่ากันตามตรง เค้าสามารถเลิกกับผมทิ้งผมไปและไปเริ่มชีวิตใหม่ที่ดีได้ ที่ผ่านมาผมเป็นแฟนที่นิสัยเสีย เอาแต่ใจตัวเอง แก่กว่าแค่ตัว แต่สมองและสติปัญญา การใช้ชีวิต ผมเทียบกับเค้าไม่ได้
ผมร้องไห้ได้ 10 นาที เค้าก็ปลอบให้หยุดร้องและเราก็คุยเรื่องแนวทางรักษา
วันนี้ 27 มีค เป็นวันที่ 3 ที่ผมทราบว่ามีเชื้อในร่างกาย และเป็นวันแรกที่ผมจะได้ทานยา
ผมอยากสอบถามคนมีประสบการณ์ว่า
1.ผมจะมีอายุยืนได้จริงอย่างที่เค้าพูดกันหรือไม่ ผมไม่อยากตายใน 10 ปี 20 ปี ข้างหน้า ผมยังอยากมีชีวิตเพื่อตอบแทน และชดใช้ให้กับแฟนผมในด้านที่ผมสามารถทำได้ดีกว่าเขา
2.ยารักษาในสมัยนี้ มีผลข้างเคียงอื่นใด ที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าเราเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ เช่น หน้าตอบ / ไขมันไปกองรวมกันที่ใดที่หนึ่ง / ตัวลีบ / ผอมติดกระดูก
3.ผมเห็นหน้าแฟนผมทีไร ผมร้องไห้ทุกที ผมไม่รู้จะไปปรึกษาจิตแพทย์ที่ไหน ที่ผมร้องไห้เพราะผมสงสารที่เค้าจะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับผม ทำไมเค้าถึงซวยขนาดนี้ และทำไมผมถึงเห็นคุณค่าเค้าในวันที่ผมโคตรจะรังเกียจตัวเอง แต่เค้าก็ยังกอดผม หอม ปกติเหมือนที่เคยทำมาก่อน และเค้าบอกผมว่า ถ้าเค้าจะทิ้งผมเพราะผมติดเชื้อเค้าไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ในตอนนี้เค้าขอดูแลผมไปก่อน และในอนาคตถ้าสักวันหนึ่งเค้าจะทิ้งผมเค้าบอกว่าคงไม่ใช่เพราะผมเป็นผู้ติดเชื้อหรอก
ขอบคูณพื้นที่ที่ให้ผมได้ระบายครับ
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะรักตัวเองมากๆ และจะรักแฟนผมเหมือนที่ผมรักตัวเอง แว่บหนึ่งในหัวสมองผม ผมอยากตาย แต่ผมชอบคิดว่าถ้าผมตาย เค้าก็คงเสียใจ เสียใจมากๆ และผมไม่อยากให้ใครเสียใจอีกแล้ว
ผมอยากมีอายุยืนยาวถึง 70-80 ปี ผมอยากใช้ชีวิตแบบที่คนปกติเค้าใช้กัน โอกาสมันยังมีอยู่ใช่ไหมครับ