น่าจะเกิดจากการจำคำไม่เกินบรรทัดของ นกม. เพื่อชิน มาพูดต่อ
................
เมื่อวานนี้ มีรายงานว่า ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์คลิปจากเพจ "ซึ่งต้องพิสูจน์" ซึ่งตัดบางช่วงบางตอนจากรายการวิทยุ "คุยได้คุยดี" ของนายวีระ ธีรภัทรานนท์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ในช่วงที่ผู้ฟังทางบ้านรายหนึ่งใช้นามว่า นายทิด (ไม่เปิดเผยชื่อ และนามสกุลจริง) โทรเข้ามาในรายการ ประเด็นที่ ส.ส. รายหนึ่ง กล่าวหาว่า เรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ระบุได้ดังนี้
…
ทิด : ฮัลโหลครับอาจารย์
วีระ : เชิญ ๆ ๆ
ทิด : ขอสอบถามเรื่องเรือดำน้ำหน่อยครับ
วีระ : เรือดำน้ำ
ทิด : ที่ว่าสั่งแล้วไม่มีเครื่องเนี่ย มันยังไงครับ
วีระ : มันจะไม่มีเครื่องได้ยังไงล่ะพี่
ทิด : ก็เรื่องที่มันเอาไปขายให้ทางจีน
วีระ : ที่พูดไม่ใช่ คนละเรื่องกัน เดี๋ยว เอาทีละสเต็ป เรือดำน้ำมันจะแล่นได้ มันไม่มีเครื่องยนต์เนี่ยมันเป็นไปไม่ได้
ทิด : ไม่ เขามาต่อที่เมืองไทย เขามาต่อตัวโครงก่อนแล้วรอเครื่องมา
วีระ : ไม่ใช่ เขาไม่ได้มาต่อที่เมืองไทยนะครับ เรือดำน้ำต่อที่ฉงชิ่งครับ มันไม่มีเครื่องยนต์ได้ยังไงล่ะพี่ ไม่มีเครื่องยนต์มันจะแล่นได้ยังไงล่ะพี่
ทิด : เข้าใจ มันไม่มีเครื่องยนต์ก็แล่นไม่ได้
วีระ : ก็คุณบอกว่า ไปซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ คุณเริ่มต้น มันก็เริ่มต้นผิดแล้ว
ทิด : อ่อ ผมถามผิด ตอบผิดครับ
วีระ : คุณต้องเริ่มต้นอย่างนี้ว่า สเปกเราที่ตกลงกับบริษัทของจีนที่สร้างเรือดำน้ำให้กองทัพเรือ สเปกเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์สเปกนี้ แล้วผู้ผลิตคือ เยอรมนี คราวนี้สเต็ปต่อไปมันมีข่าวว่า เยอรมนีเขาไม่ขายเครื่องนี้ให้กับจีน แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่ขั้นตอนของการติดเครื่องยนต์ ถ้าไม่ได้เราก็มาคุยกัน ถ้าเครื่องยนต์ของเยอรมนี จีนซื้อไม่ได้จะเอายังไงกัน มันต้องคุยกันก่อน คุณเข้าใจไหม
ทิด : คือผมสงสัย เราเสียเงินซื้อไปหรือยัง จ่ายเงินไปหรือยัง
วีระ : ก็จ่ายเป็นงวดสิพี่ ใครเขาไปจ่ายเงินให้ทีสองหมื่นล้านเล่าพี่ แหม...พี่ซื้อรถยนต์ มันยังประกอบไม่เสร็จ มันก็ต้องทยอยจ่าย ก็เหมือนสร้างบ้านล่ะคุณ
ทิด : ไม่ เกิดจ่ายไปตั้ง...
วีระ : ไม่ใช่ เอาข้อเท็จจริงสิครับ จ่ายไปเท่าไหร่คุณรู้ไหม?
ทิด : ไม่รู้ครับ
วีระ : ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมไม่เชื่อว่า จ่ายไปทั้งหมดแล้ว มันก็จ่ายตามความคืบหน้าของงานนะคุณ มันก็ต้องอยู่ในสัญญาว่า จ่ายงวดแรกเท่านี้นะ งวดสองเท่านี้ งวดสามเท่านี้นะ มันต้องมีดีลกันแบบนั้น
ทิด : คือเข้าใจครับแต่กลัวว่า...
วีระ : ไม่ ถ้าเข้าใจมันจะไม่มีคำถามเลย
ทิด : ไม่ กลัวมันยืดเวลา...
วีระ : ไม่ต้องไปกลัว ๆ ๆ มันยังไม่เกิด ยังไม่ต้องแก้กางเกง เรือดำน้ำมันจะส่งมอบปีไหน?
ทิด : ไม่แน่ใจครับ
วีระ : ไปถาม ไปดูข้อมูลสิว่า เรือดำน้ำลำแรกเนี่ยจะส่งมอบปีไหน เออ
ทิด : ได้ยินข่าวมาอย่างนี้ เลยสอบถามอาจารย์ก่อน
วีระ : นี่แหละๆ ได้ยินข่าวมาแบบไม่คิด ไม่ไตร่ตรอง
ทิด : ก็ไม่รู้ข้อมูลมากก็เลยถามเนี่ย
วีระ : ไม่ใช่ไม่รู้ข้อมูล ถ้าไม่รู้ข้อมูล อย่าพรวดเข้ามาสิครับ ถ้าไม่รู้ข้อมูลอย่าไปตั้งสมมติฐานว่า ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ปัดโธ่คุณ มันไม่ต้องเอาสมองคิด มันต้องมีสิวะ ไม่มีมันจะดำน้ำได้ยังไงเล่า ขนาดเรือหางยาวยังต้องมีเครื่องน่ะคุณ (ครับ) เออ มันจะเป็นไปได้ยังไง เอ้า ทีนี้สมมติว่า มันเกิดความล่าช้า ล่าช้ามันก็มีสัญญาปรับอะไรกันสิ ถ้าเกิดเขาไม่เขียนไว้ ถ้าเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้ มันมีเครื่องยนต์ตัวอื่นไหม อะไรยังไง อันนี้เป็นเรื่องต้องคุยกัน
ทิด : ผมกลัวซื้อไม่เป็นไปตามราคา
วีระ : ยังไม่ต้องไปกลัว คุณไปกลัวทำไม คุณเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเหรอ
ทิด : เปล่าครับ
วีระ : คุณเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือเหรอ
ทิด : ไม่ครับ ไม่ใช่ครับ
วีระ : เออ แล้วคุณกลัวอะไร
ทิด : กลัวแบบว่า เราไปซื้อแล้ว เราได้ของช้า หรือได้ของไม่ตรงสเปก หรือว่าเสียเงินดาวน์ฟรีๆ อย่างนี้
วีระ : คุณเป็นห่วงขนาดนี้เลยเหรอ คุณเป็นห่วงเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ
ทิด : เป็นห่วงเงินครับ เงินที่จ่ายไปก่อน
วีระ : มันเงินใคร
ทิด : ก็เงินรัฐบาล ภาษีทั่วไป
วีระ : มันเงินใคร มันเงินใครล่ะครับ
ทิด : เงินทุกคนนั่นแหละครับอาจารย์
วีระ : ไม่ทุกคนสิครับ มันจะไปทุกคนได้ยังไง คุณไม่เข้าใจ เวลาเก็บเงินจากคุณ เขาเรียก "ภาษี" แต่พอมาตกถึงมือในรัฐบาลแล้ว เขามากองรวมกัน เขาเปลี่ยนชื่อเป็น "รายได้" เวลาเขาจะจ่าย เขาเรียก "งบประมาณ" ทีนี้แต่ละอันมันมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันนะคุณ คุณยังไปเข้าใจว่า ภาษี คือ งบประมาณก็ไม่ใช่อีกนะ ผมยังบอกก่อนนะ
ทิด : (เงียบสักพัก) ความคิดผมคือเขาเก็บเงินเราไป แล้วเขาไปใช้งบประมาณแล้วมันใช้ไม่ถูกต้อง
วีระ : เขาไม่ได้เก็บเงินคุณไป เขาไม่ได้เก็บเงินอะไรคุณไปเลย คุณไม่กิน เขาก็ไม่เก็บคุณ ภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณไม่กิน เขาก็ไม่เก็บคุณ
ทิด : ผมพูดในส่วนรวมครับอาจารย์
วีระ : ไม่ๆ ผมก็พูดในส่วนรวมทุกคน ถ้าไม่กินนะไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าไม่เติมน้ำมัน ก็ไม่มีภาษีสรรพสามิต ถ้าไม่ทำงานมีรายได้ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แล้วแต่ละคนเสียภาษีมากน้อยไม่เหมือนกัน (ใช่ครับ) เพราะฉะนั้น คนที่ควรจะเป็นห่วงที่สุด มันไม่ใช่คุณแล้ว
ทิด : เอ้า แล้วใครต้องห่วง
วีระ : เอ้า ใครที่เสียภาษีมากก็ห่วงมากสิ
ทิด : ก็ผมก็พูดในนามผู้เสียภาษี
วีระ : ไม่ๆ คุณพูดในนามคนอื่นไม่ได้เลย พูดในนามไม่ได้เลย
ทิด : เอ้า ทำไม
วีระ : เอ้า คุณไปพูดในนามอะไรเล่า คุณเป็นตัวแทนของคนเสียภาษีเหรอ
ทิด : ไม่ พูดเฉพาะตัวผมคนเดียวเนี่ยแหละที่เสียภาษีด้วย
วีระ : เอ้า เอาตัวคุณคนเดียว คุณเสียภาษีปีละเท่าไหร่ เอ้าพูดถึงตัวผม เป็นห่วงมากเลย
ทิด : ไม่มีเหมือนคนอื่นหรอก แต่ว่าภาษีที่ว่าไปซื้อของก็เสียอยู่ครับ
วีระ : เอาอย่างนี้ ตัวคุณคนเดียว ผมถึงบอกไงว่า ใครที่ควรห่วง ถ้าถามว่า คนที่เสียภาษี มันเป็นเงินภาษีเรานะ ใครที่ควรห่วงที่สุด คนที่เสียภาษีมากที่สุด ควรเป็นคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเอาเงินกูไปใช้เยอะไง คราวนี้ผมเลยถามคุณไงว่า คุณเสียภาษีปีละเท่าไหร่
ทิด : มัน...ไม่ได้เสียเลยครับ
วีระ : เอ้า ไม่ได้เสียเลย ภาษีเงินได้เสียไหม
ทิด : ไม่เสียครับ
วีระ : ไม่เสียเลย เอ้า คุณเสียภาษีอะไรตอนนี้
ทิด : ก็ซื้อของในเซเว่นฯ ซื้อของ ซื้อยาสีฟันที่นี่ครับ
วีระ : ซื้อของในเซเว่นฯ คุณเคยนั่งคำนวณดูไหมว่าเสียภาษีปีละเท่าไหร่
ทิด : ไม่รู้เลย
วีระ : เออ ไปลองคำนวณดู แล้วมาคุยกันใหม่ไป
ทิด : โห ถ้าผมไม่เสียเนี่ยก็คุยเรื่องอย่างนี้ไม่ได้เหรอครับ
วีระ : ก็คุณพูดเรื่องภาษีไง ผมถึงบอกว่า ถ้าคุณคุยเรื่องภาษี ผมต้องถามว่าคุณเสียภาษีเท่าไหร่
ทิด : ไม่ มากน้อยมันเป็นห่วง คือตอนที่ขอน่ะขอจังเลย..
วีระ : คนละเรื่องกัน เสียน้อยก็ห่วงน้อย เสียมากก็ห่วงมาก ถ้าถามผม ผมคิดอย่างนี้ คุณคิดต่าง ผมไม่ว่านะ เสียน้อยก็จะห่วงน้อย เสียมากควรจะห่วงมาก ถูกไหม เสียน้อยมาห่วงมาก เฮ้ย! มันก็ยิ่งตลก มันก็ขัดกันสิ หรือไม่เสียเลยแล้วมาพูดในฐานะผู้เสียภาษี เอ้า!

ยิ่งไปกันใหญ่เลย ไม่ได้เสียอีกต่างหาก ไม่ได้เสียภาษีเงินได้แม้แต่บาทเดียวเลย หรือมีรายได้เท่าไหร่ผมก็ไม่รู้นะ
ทิด : เอาครับ เรื่องนี้รอให้มันเกิดขึ้นอีกที เดี๋ยวโทรมาถามอีกทีอาจารย์
วีระ : เออ เรื่องนี้รอให้มันเกิดขึ้นก่อน อภิปรายไม่ไว้วางใจก็นั่งฟังไปก็แล้วกัน
ทิด : ขอบคุณมากครับอาจารย์ครับ
…
นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมอาจจะพูดตรงเกิน (หัวเราะ) คือคำว่า ประชาชนผู้เสียภาษีในความหมายของคนทั่วไปของโลกนี้เข้าใจ เขาถือว่า "ภาษีทางตรง" คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อันนี้ส่วนใหญ่ในความหมายของคนทั่วไป ถึงจะเรียกว่า เป็นผู้เสียภาษี แต่การเสียภาษีทางอ้อม เช่น เติมน้ำมันเสียภาษีสรรพสามิต ซื้อของเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างนี้เขาจะไม่ได้เรียกผู้เสียภาษี คือเกณฑ์มาตรฐานจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าจะบอกว่า เสียภาษีเหมือนกัน ผมก็ซื้อของในตลาด เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เสียภาษี แต่มันเป็นภาษีทางอ้อม แต่ถ้าพูดถึงหลักใหญ่ๆ ก็คือ คนเสียภาษีเงินได้ ถึงจะได้รับการยกเว้น แต่มีการยื่นแบบภาษีก็ยังเป็นผู้เสียภาษีเงินได้ ต้อง Definition (นิยาม) ให้ตรงกัน
.
"บางทีพูดรวมๆ เมื่อก่อนผมก็ไม่ว่าอะไรนะ คือถ้าเกิดจะเอาแบบขวางๆ คำว่า ผู้เสียภาษีไม่รู้อะ กูซื้ออะไรไปบาทหนึ่ง เสียภาษี เก็บตังค์ กูก็ต้องถือว่า กูเป็นผู้เสียภาษี ก็คิดอย่างนั้นได้ ไม่ได้ว่านะ แล้วบางอาชีพไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นไปเลย ไม่ต้องเสีย ถูกไหม หรือมีออกกฤษฎีกายกเว้นไม่ต้องเสียภาษีไปเลยก็ได้ ถูกไหม (หัวเราะ) คือต้องแยกแยะ ไม่งั้นจะเข้าใจผิด แต่ผมเข้าใจว่า พี่เขาอ่านข่าว มันมี ส.ส. คนหนึ่งมาพูดเรื่องนี้ คราวนี้คนที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจคือ กองทัพเรือ" นายวีระกล่าว
.
นายวีระกล่าวว่า เรื่องนี้มันอยู่ที่ว่า ตอนนั้นมันพูดถึงเรื่องอะไร แต่มันก็จะโยงไปที่ความไม่พอใจต่อรัฐบาล เวลาอย่างนี้จะซื้อไปทำอะไร คนจะอดตายไปซื้อทำไม เขาก็มีเหตุที่จะบ่นได้ แต่ถ้าจะบ่น หรือวิจารณ์ให้สมเหตุสมผล ต้องระบุว่า เป็นความผิดพลาด เช่น สมมติว่า ซื้อมาแล้วไม่ได้ของ ผิดพลาด มันก็มีประเด็นการเมืองเข้ามาเป็นตัวสอดแทรกด้วย มันก็ต้องมองอย่างนั้น อยู่ดีๆ จะมาบอกว่า ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี มันต้องเกิดความไม่พอใจอะไรสักอย่างหนึ่งก่อน แต่ต้องอ้างก่อนเพื่อความชอบธรรมในการนำเสนอเรื่องนี้ ในฐานะประชาชน ประชาชนก็บอกว่า ทุกคนก็เป็นประชาชนทุกคน แม้แต่คนที่ไปด่าก็เป็นประชาชน
.
อนึ่ง รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคนที่เปิดประเด็นเรื่องเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ คือ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่อมา พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี่แจงว่า ในการทำข้อตกลงกับบริษัทไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CSOC) กำหนดให้เรือดำน้ำแบบ S26T มีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จากเยอรมนี 3 เครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชัดเจน แต่ภายหลังเยอรมนี มีนโยบายการระงับการส่งออก ส่งผลให้การจำหน่ายเครื่องยนต์ อะไหล่ หรือเครื่องยนต์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเยอรมนีต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมนี ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางจีนต้องดำเนินการแก้ไข เนื่องจากกองทัพเรือได้ยืนยันความต้องการตามข้อตกลงไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ทางจีนจะต้องทำตามข้อตกลง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกัน
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000026369
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website :
http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter :
https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube :
https://www.youtube.com/c/Thailandvision
@@@ ใครจะซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์?? @@@
................
เมื่อวานนี้ มีรายงานว่า ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์คลิปจากเพจ "ซึ่งต้องพิสูจน์" ซึ่งตัดบางช่วงบางตอนจากรายการวิทยุ "คุยได้คุยดี" ของนายวีระ ธีรภัทรานนท์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ในช่วงที่ผู้ฟังทางบ้านรายหนึ่งใช้นามว่า นายทิด (ไม่เปิดเผยชื่อ และนามสกุลจริง) โทรเข้ามาในรายการ ประเด็นที่ ส.ส. รายหนึ่ง กล่าวหาว่า เรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ระบุได้ดังนี้
…
ทิด : ฮัลโหลครับอาจารย์
วีระ : เชิญ ๆ ๆ
ทิด : ขอสอบถามเรื่องเรือดำน้ำหน่อยครับ
วีระ : เรือดำน้ำ
ทิด : ที่ว่าสั่งแล้วไม่มีเครื่องเนี่ย มันยังไงครับ
วีระ : มันจะไม่มีเครื่องได้ยังไงล่ะพี่
ทิด : ก็เรื่องที่มันเอาไปขายให้ทางจีน
วีระ : ที่พูดไม่ใช่ คนละเรื่องกัน เดี๋ยว เอาทีละสเต็ป เรือดำน้ำมันจะแล่นได้ มันไม่มีเครื่องยนต์เนี่ยมันเป็นไปไม่ได้
ทิด : ไม่ เขามาต่อที่เมืองไทย เขามาต่อตัวโครงก่อนแล้วรอเครื่องมา
วีระ : ไม่ใช่ เขาไม่ได้มาต่อที่เมืองไทยนะครับ เรือดำน้ำต่อที่ฉงชิ่งครับ มันไม่มีเครื่องยนต์ได้ยังไงล่ะพี่ ไม่มีเครื่องยนต์มันจะแล่นได้ยังไงล่ะพี่
ทิด : เข้าใจ มันไม่มีเครื่องยนต์ก็แล่นไม่ได้
วีระ : ก็คุณบอกว่า ไปซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ คุณเริ่มต้น มันก็เริ่มต้นผิดแล้ว
ทิด : อ่อ ผมถามผิด ตอบผิดครับ
วีระ : คุณต้องเริ่มต้นอย่างนี้ว่า สเปกเราที่ตกลงกับบริษัทของจีนที่สร้างเรือดำน้ำให้กองทัพเรือ สเปกเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์สเปกนี้ แล้วผู้ผลิตคือ เยอรมนี คราวนี้สเต็ปต่อไปมันมีข่าวว่า เยอรมนีเขาไม่ขายเครื่องนี้ให้กับจีน แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่ขั้นตอนของการติดเครื่องยนต์ ถ้าไม่ได้เราก็มาคุยกัน ถ้าเครื่องยนต์ของเยอรมนี จีนซื้อไม่ได้จะเอายังไงกัน มันต้องคุยกันก่อน คุณเข้าใจไหม
ทิด : คือผมสงสัย เราเสียเงินซื้อไปหรือยัง จ่ายเงินไปหรือยัง
วีระ : ก็จ่ายเป็นงวดสิพี่ ใครเขาไปจ่ายเงินให้ทีสองหมื่นล้านเล่าพี่ แหม...พี่ซื้อรถยนต์ มันยังประกอบไม่เสร็จ มันก็ต้องทยอยจ่าย ก็เหมือนสร้างบ้านล่ะคุณ
ทิด : ไม่ เกิดจ่ายไปตั้ง...
วีระ : ไม่ใช่ เอาข้อเท็จจริงสิครับ จ่ายไปเท่าไหร่คุณรู้ไหม?
ทิด : ไม่รู้ครับ
วีระ : ไม่รู้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมไม่เชื่อว่า จ่ายไปทั้งหมดแล้ว มันก็จ่ายตามความคืบหน้าของงานนะคุณ มันก็ต้องอยู่ในสัญญาว่า จ่ายงวดแรกเท่านี้นะ งวดสองเท่านี้ งวดสามเท่านี้นะ มันต้องมีดีลกันแบบนั้น
ทิด : คือเข้าใจครับแต่กลัวว่า...
วีระ : ไม่ ถ้าเข้าใจมันจะไม่มีคำถามเลย
ทิด : ไม่ กลัวมันยืดเวลา...
วีระ : ไม่ต้องไปกลัว ๆ ๆ มันยังไม่เกิด ยังไม่ต้องแก้กางเกง เรือดำน้ำมันจะส่งมอบปีไหน?
ทิด : ไม่แน่ใจครับ
วีระ : ไปถาม ไปดูข้อมูลสิว่า เรือดำน้ำลำแรกเนี่ยจะส่งมอบปีไหน เออ
ทิด : ได้ยินข่าวมาอย่างนี้ เลยสอบถามอาจารย์ก่อน
วีระ : นี่แหละๆ ได้ยินข่าวมาแบบไม่คิด ไม่ไตร่ตรอง
ทิด : ก็ไม่รู้ข้อมูลมากก็เลยถามเนี่ย
วีระ : ไม่ใช่ไม่รู้ข้อมูล ถ้าไม่รู้ข้อมูล อย่าพรวดเข้ามาสิครับ ถ้าไม่รู้ข้อมูลอย่าไปตั้งสมมติฐานว่า ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ปัดโธ่คุณ มันไม่ต้องเอาสมองคิด มันต้องมีสิวะ ไม่มีมันจะดำน้ำได้ยังไงเล่า ขนาดเรือหางยาวยังต้องมีเครื่องน่ะคุณ (ครับ) เออ มันจะเป็นไปได้ยังไง เอ้า ทีนี้สมมติว่า มันเกิดความล่าช้า ล่าช้ามันก็มีสัญญาปรับอะไรกันสิ ถ้าเกิดเขาไม่เขียนไว้ ถ้าเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้ มันมีเครื่องยนต์ตัวอื่นไหม อะไรยังไง อันนี้เป็นเรื่องต้องคุยกัน
ทิด : ผมกลัวซื้อไม่เป็นไปตามราคา
วีระ : ยังไม่ต้องไปกลัว คุณไปกลัวทำไม คุณเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเหรอ
ทิด : เปล่าครับ
วีระ : คุณเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือเหรอ
ทิด : ไม่ครับ ไม่ใช่ครับ
วีระ : เออ แล้วคุณกลัวอะไร
ทิด : กลัวแบบว่า เราไปซื้อแล้ว เราได้ของช้า หรือได้ของไม่ตรงสเปก หรือว่าเสียเงินดาวน์ฟรีๆ อย่างนี้
วีระ : คุณเป็นห่วงขนาดนี้เลยเหรอ คุณเป็นห่วงเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ
ทิด : เป็นห่วงเงินครับ เงินที่จ่ายไปก่อน
วีระ : มันเงินใคร
ทิด : ก็เงินรัฐบาล ภาษีทั่วไป
วีระ : มันเงินใคร มันเงินใครล่ะครับ
ทิด : เงินทุกคนนั่นแหละครับอาจารย์
วีระ : ไม่ทุกคนสิครับ มันจะไปทุกคนได้ยังไง คุณไม่เข้าใจ เวลาเก็บเงินจากคุณ เขาเรียก "ภาษี" แต่พอมาตกถึงมือในรัฐบาลแล้ว เขามากองรวมกัน เขาเปลี่ยนชื่อเป็น "รายได้" เวลาเขาจะจ่าย เขาเรียก "งบประมาณ" ทีนี้แต่ละอันมันมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันนะคุณ คุณยังไปเข้าใจว่า ภาษี คือ งบประมาณก็ไม่ใช่อีกนะ ผมยังบอกก่อนนะ
ทิด : (เงียบสักพัก) ความคิดผมคือเขาเก็บเงินเราไป แล้วเขาไปใช้งบประมาณแล้วมันใช้ไม่ถูกต้อง
วีระ : เขาไม่ได้เก็บเงินคุณไป เขาไม่ได้เก็บเงินอะไรคุณไปเลย คุณไม่กิน เขาก็ไม่เก็บคุณ ภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณไม่กิน เขาก็ไม่เก็บคุณ
ทิด : ผมพูดในส่วนรวมครับอาจารย์
วีระ : ไม่ๆ ผมก็พูดในส่วนรวมทุกคน ถ้าไม่กินนะไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าไม่เติมน้ำมัน ก็ไม่มีภาษีสรรพสามิต ถ้าไม่ทำงานมีรายได้ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แล้วแต่ละคนเสียภาษีมากน้อยไม่เหมือนกัน (ใช่ครับ) เพราะฉะนั้น คนที่ควรจะเป็นห่วงที่สุด มันไม่ใช่คุณแล้ว
ทิด : เอ้า แล้วใครต้องห่วง
วีระ : เอ้า ใครที่เสียภาษีมากก็ห่วงมากสิ
ทิด : ก็ผมก็พูดในนามผู้เสียภาษี
วีระ : ไม่ๆ คุณพูดในนามคนอื่นไม่ได้เลย พูดในนามไม่ได้เลย
ทิด : เอ้า ทำไม
วีระ : เอ้า คุณไปพูดในนามอะไรเล่า คุณเป็นตัวแทนของคนเสียภาษีเหรอ
ทิด : ไม่ พูดเฉพาะตัวผมคนเดียวเนี่ยแหละที่เสียภาษีด้วย
วีระ : เอ้า เอาตัวคุณคนเดียว คุณเสียภาษีปีละเท่าไหร่ เอ้าพูดถึงตัวผม เป็นห่วงมากเลย
ทิด : ไม่มีเหมือนคนอื่นหรอก แต่ว่าภาษีที่ว่าไปซื้อของก็เสียอยู่ครับ
วีระ : เอาอย่างนี้ ตัวคุณคนเดียว ผมถึงบอกไงว่า ใครที่ควรห่วง ถ้าถามว่า คนที่เสียภาษี มันเป็นเงินภาษีเรานะ ใครที่ควรห่วงที่สุด คนที่เสียภาษีมากที่สุด ควรเป็นคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเอาเงินกูไปใช้เยอะไง คราวนี้ผมเลยถามคุณไงว่า คุณเสียภาษีปีละเท่าไหร่
ทิด : มัน...ไม่ได้เสียเลยครับ
วีระ : เอ้า ไม่ได้เสียเลย ภาษีเงินได้เสียไหม
ทิด : ไม่เสียครับ
วีระ : ไม่เสียเลย เอ้า คุณเสียภาษีอะไรตอนนี้
ทิด : ก็ซื้อของในเซเว่นฯ ซื้อของ ซื้อยาสีฟันที่นี่ครับ
วีระ : ซื้อของในเซเว่นฯ คุณเคยนั่งคำนวณดูไหมว่าเสียภาษีปีละเท่าไหร่
ทิด : ไม่รู้เลย
วีระ : เออ ไปลองคำนวณดู แล้วมาคุยกันใหม่ไป
ทิด : โห ถ้าผมไม่เสียเนี่ยก็คุยเรื่องอย่างนี้ไม่ได้เหรอครับ
วีระ : ก็คุณพูดเรื่องภาษีไง ผมถึงบอกว่า ถ้าคุณคุยเรื่องภาษี ผมต้องถามว่าคุณเสียภาษีเท่าไหร่
ทิด : ไม่ มากน้อยมันเป็นห่วง คือตอนที่ขอน่ะขอจังเลย..
วีระ : คนละเรื่องกัน เสียน้อยก็ห่วงน้อย เสียมากก็ห่วงมาก ถ้าถามผม ผมคิดอย่างนี้ คุณคิดต่าง ผมไม่ว่านะ เสียน้อยก็จะห่วงน้อย เสียมากควรจะห่วงมาก ถูกไหม เสียน้อยมาห่วงมาก เฮ้ย! มันก็ยิ่งตลก มันก็ขัดกันสิ หรือไม่เสียเลยแล้วมาพูดในฐานะผู้เสียภาษี เอ้า!
ทิด : เอาครับ เรื่องนี้รอให้มันเกิดขึ้นอีกที เดี๋ยวโทรมาถามอีกทีอาจารย์
วีระ : เออ เรื่องนี้รอให้มันเกิดขึ้นก่อน อภิปรายไม่ไว้วางใจก็นั่งฟังไปก็แล้วกัน
ทิด : ขอบคุณมากครับอาจารย์ครับ
…
นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมอาจจะพูดตรงเกิน (หัวเราะ) คือคำว่า ประชาชนผู้เสียภาษีในความหมายของคนทั่วไปของโลกนี้เข้าใจ เขาถือว่า "ภาษีทางตรง" คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อันนี้ส่วนใหญ่ในความหมายของคนทั่วไป ถึงจะเรียกว่า เป็นผู้เสียภาษี แต่การเสียภาษีทางอ้อม เช่น เติมน้ำมันเสียภาษีสรรพสามิต ซื้อของเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างนี้เขาจะไม่ได้เรียกผู้เสียภาษี คือเกณฑ์มาตรฐานจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าจะบอกว่า เสียภาษีเหมือนกัน ผมก็ซื้อของในตลาด เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เสียภาษี แต่มันเป็นภาษีทางอ้อม แต่ถ้าพูดถึงหลักใหญ่ๆ ก็คือ คนเสียภาษีเงินได้ ถึงจะได้รับการยกเว้น แต่มีการยื่นแบบภาษีก็ยังเป็นผู้เสียภาษีเงินได้ ต้อง Definition (นิยาม) ให้ตรงกัน
.
"บางทีพูดรวมๆ เมื่อก่อนผมก็ไม่ว่าอะไรนะ คือถ้าเกิดจะเอาแบบขวางๆ คำว่า ผู้เสียภาษีไม่รู้อะ กูซื้ออะไรไปบาทหนึ่ง เสียภาษี เก็บตังค์ กูก็ต้องถือว่า กูเป็นผู้เสียภาษี ก็คิดอย่างนั้นได้ ไม่ได้ว่านะ แล้วบางอาชีพไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นไปเลย ไม่ต้องเสีย ถูกไหม หรือมีออกกฤษฎีกายกเว้นไม่ต้องเสียภาษีไปเลยก็ได้ ถูกไหม (หัวเราะ) คือต้องแยกแยะ ไม่งั้นจะเข้าใจผิด แต่ผมเข้าใจว่า พี่เขาอ่านข่าว มันมี ส.ส. คนหนึ่งมาพูดเรื่องนี้ คราวนี้คนที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจคือ กองทัพเรือ" นายวีระกล่าว
.
นายวีระกล่าวว่า เรื่องนี้มันอยู่ที่ว่า ตอนนั้นมันพูดถึงเรื่องอะไร แต่มันก็จะโยงไปที่ความไม่พอใจต่อรัฐบาล เวลาอย่างนี้จะซื้อไปทำอะไร คนจะอดตายไปซื้อทำไม เขาก็มีเหตุที่จะบ่นได้ แต่ถ้าจะบ่น หรือวิจารณ์ให้สมเหตุสมผล ต้องระบุว่า เป็นความผิดพลาด เช่น สมมติว่า ซื้อมาแล้วไม่ได้ของ ผิดพลาด มันก็มีประเด็นการเมืองเข้ามาเป็นตัวสอดแทรกด้วย มันก็ต้องมองอย่างนั้น อยู่ดีๆ จะมาบอกว่า ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี มันต้องเกิดความไม่พอใจอะไรสักอย่างหนึ่งก่อน แต่ต้องอ้างก่อนเพื่อความชอบธรรมในการนำเสนอเรื่องนี้ ในฐานะประชาชน ประชาชนก็บอกว่า ทุกคนก็เป็นประชาชนทุกคน แม้แต่คนที่ไปด่าก็เป็นประชาชน
.
อนึ่ง รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคนที่เปิดประเด็นเรื่องเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ คือ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่อมา พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี่แจงว่า ในการทำข้อตกลงกับบริษัทไชน่า ชิปบิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CSOC) กำหนดให้เรือดำน้ำแบบ S26T มีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จากเยอรมนี 3 เครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชัดเจน แต่ภายหลังเยอรมนี มีนโยบายการระงับการส่งออก ส่งผลให้การจำหน่ายเครื่องยนต์ อะไหล่ หรือเครื่องยนต์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเยอรมนีต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมนี ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางจีนต้องดำเนินการแก้ไข เนื่องจากกองทัพเรือได้ยืนยันความต้องการตามข้อตกลงไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ทางจีนจะต้องทำตามข้อตกลง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกัน
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000026369
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision