"ผึ้งหยาดอำพันภูจอง" ผึ้งสายพันธุ์ใหม่ของโลกในประเทศไทย




นักวิจัยไทยร่วมค้นพบ "ผึ้งหยาดอำพันภูจอง" ผึ้งเฉพาะถิ่นชนิดใหม่ของโลก ที่พบแห่งเดียวในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
ในโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพอุบลราชธานี เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของไทยและโลก


มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะจัดแถลงข่าวการค้นพบผึ้งชนิดใหม่ของโลกจากอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่  24 มีนาคม 2565 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี

งานวิจัยชิ้นนี้นำโดย ดร. ประพันธ์ ไตรยสุทธิ์ (Prapun Traiyasut) จากสาขาวิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี และนายภากร นลินรชตกัณฑ์ (Pakorn Nalinrachatakan) จากภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพพื้นถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับการสนับสนุนจาก สวทช คุณรังสิมา ตัณฑเลขา (Rungsima Tanthalakha) ในการพัฒนาพื้นที่อุทยานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ecotourism) ที่สำคัญของประเทศและของโลก

โดยในเดือนตุลาคมปี 2561 ในระหว่างการเดินทางไปเก็บตัวอย่างภาคสนามที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย (PCNYNP) จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย  
นักวิจัยพบรังผึ้งกลุ่มเล็กๆ 7 รังบนตลิ่งดินแนวดิ่ง จึงทำการขุดค้นรังทั้งหมด และนำกลับมายังห้องทดลองของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีเพื่อทำ
การตรวจ (รวมอีกหนึ่งรังจากปี 2562) หลังจากเลี้ยงจนผึ้งโตเต็มวัย ในที่สุดก็สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์ชนิดใหม่ของ Ranthidiellum และตั้งชื่อว่า
" ผึ้งหยาดอำพันภูจอง "
 

อวัยวะต่างๆ ในเพศเมียของ Antidiellum phuchongensis sp. 
 A  ลักษณะทั่วไป/ B ขากรรไกรล่าง/ C ใบหน้า/ D จุดปลายสุดของร่างกาย/ E ส่วนหลังของร่างกายฝ F ส่วนท้อง/ G มุมมองด้านข้าง 


"ผึ้งหยาดอำพันภูจอง" (Phujong resin bee) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anthidiellum (Ranthidiellum) phujongensis n. sp. เป็นผึ้งเฉพาะถิ่นในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย และพบได้เพียงที่เดียวเท่านั้นบนโลก โดยอาศัยอยู่ในรังบนผาดินมีการใช้ยางไม้ (เรซิน) ในการสร้างรังและปากทางเข้ารัง ภายในรังจะมีผึ้งตัวเมียเพียงตัวเดียวที่ทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่สร้างรัง วางไข่ และ ออกหาอาหารให้กับลูก
 
นอกจากนี้ ภายในรังของผึ้งหยาดอำพันภูจอง ทางทีมผู้วิจัยยังค้นพบผึ้งปรสิตชนิดใหม่ของโลก (จากรังในปี 2562) ซึ่งมีชีวิตในรูปแบบ Cleptoparasite  โดยนักวิจัยได้ตั้งชื่อว่า "ผึ้งบุษราคัม" (Topaz cuckoo bee) หรือ Stelis (Malanthidium) flavofuscinular n. sp. โดยผึ้งชนิดนี้จะแอบวางไข่ในรังของ
ผึ้งหยาดอำพันและแย่งอาหารของลูกผึ้งหยาดอำพันกิน 

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า ผึ้งเรซินของสกุลย่อย Ranthidiellum นั้น หายากและเป็นพันธุ์เฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผึ้งเหล่านี้
จะสร้างท่อเป็นทางเข้ารัง โดยรังของมันจะสร้างขึ้นในโพรงที่มีอยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่มาจากรังที่ถูกทิ้งร้างของแมงมุม mygalomorph ที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ที่เป็นดินทรายติดกับลำธาร และตรงทางเข้าจะทำเป็นท่อเรซินโปร่งแสงยื่นออกมาและโค้งลงด้านล่าง


แหล่งศึกษาที่ลำธารแก่งกะเลาใน PCNYNP จังหวัดอุบลราชธานี (ประเทศไทย)
 


ถิ่นอาศัยของ Antidiellum phuchongensis sp. nov. ที่ PCNYNP จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
โดย A  ขั้นตอนการขุดรัง B ขั้นตอนการขุดรังและพื้นที่ C ท่อทางเข้าเรซิน D,E ตำแหน่งรังของ A. phuchongensis บนฝั่งดินแนวตั้ง
(เน้นด้วยจุดสีเหลือง) Cr.https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8062381/
 

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ผึ้ง มด และแมลงอื่นๆ เก็บเกี่ยวเรซินเพื่อต้านจุลชีพจากพืช และใช้วัสดุนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย แต่การนำมาสร้างรังไปจนถึงการป้องกันตัวจากผู้ล่าและเชื้อโรคนั้น นักวิจัยเชื่อว่าการใช้เรซินช่วยส่งเสริมวิวัฒนาการของสังคมในผึ้งที่ไม่มีเหล็กใน และในปัจจุบัน การใช้เรซินยังคงมีความสำคัญขั้นพื้นฐานสำหรับการทำงานของฝูงผึ้งที่ไม่มีเหล็กใน

สปีชีส์ส่วนใหญ่ใช้เรซินเพื่อสร้างหลอดสำหรับดักแด้ในรัง (brood comb) โถเก็บน้ำผึ้งและละอองเกสร และโครงสร้างป้องกันต่างๆ ภายในรัง หลายพันธ์ยังใช้เรซินเพื่อปกป้องรังของพวกมันจากผู้ล่า รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทางเข้ารังด้วยแผงกั้นของละอองเรซินที่เหนียวเหนอะหนะ หรือใช้เรซินโดยตรงกับผู้บุกรุก และกับผึ้งบางชนิด การมีอยู่ของเรซินในพื้นที่รังอาจส่งผลต่อคุณสมบัติทางกายภาพของผึ้ง โดยเสริมสร้างองค์ประกอบทางเคมีของชั้นนอกสุดของโครงกระดูกภายนอกด้วย

ในขณะที่ รังผึ้งเต็มไปด้วยแหล่งอาหารที่น่าดึงดูดสำหรับปรสิตและผู้ล่า ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารจากเกสรดอกไม้และน้ำหวาน และยังเป็นบ้านของผึ้งตัวอ่อนและผึ้งที่ยังไม่โตเต็มที่  "ผึ้งปรสิต" (parasitic bee) จึงได้เรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้เพื่อการสืบพันธุ์ของพวกมันเอง อย่างเช่นผึ้ง ปรสิต Cleptoparasite และ Psithyrus  ผึ้งเหล่านี้จะไม่สร้างรังพวกมันเองแต่จะอาศัยอยู่ในอาณานิคมของผึ้งสายพันธุ์อื่นๆ โดยจะเข้าไปวางไข่ภายในรัง และกินอาหารของตัวอ่อนในรังนั้นบางครั้งก็กินผึ้งที่กำลังพัฒนาด้วย แม้จะไม่ฆ่าตัวอ่อนในทันที แต่ตัวอ่อนของผึ้งจะอดตายเพราะอาหารของพวกมันถูกขโมยไป




หากเปรียบเทียบ Cleptoparasite มันคือกลยุทธ์ความสัมพันธ์คล้ายกับ "นกกาเหว่า" บางครั้งจึงถูกเรียกว่า "ผึ้งกาเหว่า"  ซึ่งอัตราการเติบโตของมันในรังเจ้าบ้านอาจสูงมาก หากเจ้าบ้านทำรังอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลเกี่ยวกับผึ้งปรสิต Cleptoparasite ยังขาดอยู่มาก แต่นักวิจัยกล่าวว่า ผึ้งปรสิตก็มีบทบาทสำคัญทางนิเวศวิทยาในการควบคุมประชากรในธรรมชาติ โดยการเพิ่มจำนวนของตัวมันเองในพื้นที่ทำรังใหม่ของผึ้งสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มของประชากรเพิ่มขึ้น 

สำหรับอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย (Phu Chong Na Yoi National Park) อยู่ในอ.นาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศไทย ด้วยพื้นที่ที่ติดต่อกับประเทศลาว และประเทศกัมพูชา จึงมีการขนานนามที่แห่งนี้ว่า “สามเหลี่ยมมรกต” นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งอยู่ในแนวเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งมีป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังที่หนาแน่นสมบูรณ์ และเป็นอุทยานฯ ที่มีสภาพธรรมชาติที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย

ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย เพราะมีถนนลาดยางเข้าถึงอุทยานฯ และน้ำตกห้วยหลวงหรือน้ำตกถ้ำบักเตว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นที่สุด จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนน้ำตกนี้อย่างไม่ขาดสาย นอกจากน้ำตกแล้ว ที่นี่ยังมีอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาว จึงมีนักนิยมไพรมากางเต็นท์พักแรมบนภูสูงอีกด้วย
จุดพักผ่อนเล่นน้ำที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ "แก่งกะเลา" ซึ่งมีลักษณะเป็นลำธารหินไหลแยกเป็น 2 สาย ทำให้เกิดเป็นเกาะเล็กๆ กลางลำธาร ซึ่งทาง
อุทยานฯ ได้จัดสถานที่เป็นจุดนั่งพักผ่อน เหมาะกับการปิกนิกริมน้ำ จากแก่งกะเลามีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ชมพรรณไม้ไปจนถึงบริเวณ "แก่งสนสามพันปี" จุดที่สามารถล่องแพไม้ไผ่ชมแมกไม้ริมคลองได้ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง

 
"ผึ้งบุษราคัม" (Topaz cuckoo bee) หรือ Stelis (Malanthidium) flavofuscinular n. sp. 
(D คือส่วนรักแร้ โดยมีขอเกี่ยวข้างหลังที่เน้นด้วยสีเขียว)


น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย




(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่