JJNY : เพื่อไทยเตือนงบปี’66 สอบตก│ร้านอาหารอัพราคาเพิ่ม 5-10บ.│'ไบเดน' นัดคุย 'สี จิ้นผิง'│สะเทือนทั้งสภา! นิกร ติดโควิด

เพื่อไทย ส่งสัญญานเตือน งบปี’66 สอบตก ตีบตัน ตึงตัวสุดขีด และส่อวิกฤต
https://www.matichon.co.th/politics/news_3239485
 
 
“เผ่าภูมิ” ชงแนวคิด F.U.N.D. ประเมินงบปี 66 ชี้ สอบตก – ส่อวิกฤต – ตึงตัวสุดขีด
 
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการ และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ประชุม ครม. เห็นชอบรายละเอียดงบปี 66 ว่า ขอเสนอแนวคิด F.U.N.D. เพื่อประเมินงบประมาณ ซึ่งจะพบว่างบปี 66 นั้นสอบตก ตีบตัน  ตึงตัว และส่อวิกฤต ดังนี้ 
 
1. Flexible หรือ งบประมาณต้องยืดหยุ่น เผื่อเหลือเผื่อขาด แต่งบปี 66 กลับตึงตัวมาก ขาดดุลสูงชนเพดาน สำหรับงบปี 66 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะให้ขาดดุลได้ 7.17 แสนล้านบาท งบปี 66 ก็ตั้งขาดดุลถึง 6.95 แสนล้านบาท นั่นคือเหลือช่องว่างเพียง 22,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งตึงตัวมาก หากเก็บภาษีไม่เข้าเป้าก็ชนเพดาน ถึงทางตันทันที นอกจากนั้น งบลงทุนก็ยังต่ำสุดติดพื้น ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง งบลงทุนต้องไม่น้อยกว่างบขาดดุล งบปี 66 ตั้งงบลงทุน 6.95 แสนล้านบาท เท่ากับงบขาดดุลที่ 6.95 แสนล้านบาทพอดี คือต่ำสุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าเก็บภาษีไม่เข้าเป้าแม้แต่บาทเดียว ก็จะขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังทันที 

2. Up to Date หรือ งบประมาณที่ทันต่อสถานการณ์ เข้ากับสภาวะปัจจุบัน งบ 66 ถูกตั้งไว้ที่ 3.185 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่างบ 64 ซึ่งอยู่ที่ 3.285 ล้านบาท ที่เป็นช่วงก่อนโควิด งบในช่วงวิกฤตกลับน้อยกว่างบในช่วงปกติ ทั้งๆที่ประเทศเสียหายและต้องซ่อมครั้งใหญ่จากโควิด แต่งบที่มีกลับลดลง เกิดจากการบริหารผิดพลาด ศก.หดตัว รายได้จากภาษีทรุดหนัก จึงตั้งงบประมาณได้น้อย นอกจากนั้น งบ 66 ถูกตั้งภายใต้สมมติฐานว่า GDP จะโตที่ 3.7% ซึ่งตัวเลขเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และโอไมครอนที่ยืดเยื้อ ตัวเลข GDP นี้จึงไม่เป็นปัจจุบัน เมื่อ GDP น้อยกว่าคาด รายได้ภาษีก็จะต่ำกว่าคาด นั่นคือขาดดุลเพิ่ม ปัญหาคือขาดดุลเพิ่มไม่ได้แล้ว จะชนเพดานอยู่แล้ว และยังมีเรื่องงบลงทุนน้อยกว่าที่ขาดดุลไม่ได้อีก
 
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 

3. No Boundary หรืองบประมาณต้องไร้พรมแดน ไม่ถูกตีกรอบ ซึ่งประเด็นนี้งบ 66 ก็เป็นปัญหาอีก เพราะกรอบยุทธศาสตร์งบประมาณถูกตีกรอบไว้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รธน.เขียนไว้ว่าต้องปฏิบัติตาม ไม่ทำก็ผิด ทั้งๆที่ในวันที่เขียนยุทธศาสตร์ชาติ โลกยังไม่รู้จักคำว่าโควิด ยังไม่ได้คิดเผื่อว่างบประมาณต้องออกแบบอย่างไรในวันที่ประเทศเสียหายหนัก งบ 66 จึงเป็นงบที่ถูกตีกรอบ เดินตามโลกไม่ทัน และ 

4. Debt Concern หรือ งบที่รับผิดชอบต่อความมั่นคงทางการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ขาดดุลลดลงต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 4 แสนล้าน เป็น 3 แสนล้าน และ 2.5 แสนล้าน และจะเป็นงบประมาณสมดุลในปี 60 แต่จากแผนการคลังระยะปานกลางของรัฐบาลปัจจุบันตั้งเป้าขาดดุลพุ่งขึ้นทุกปีจากนี้ ปี 66 ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท ปี 67 ขาดดุล 7.1 แสนล้านบาท ปี 68 ขาดดุล 7.23 แสนล้านบาท และปี 69 ขาดดุล 7.36 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นภาพที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง และนี่ยังไม่นับการก่อหนี้จากเงินกู้นอกงบประมาณของรัฐบาลปัจจุบันอีกด้วย พรรคพท.จึงเห็นว่า งบปี 66 นั้นสอบตกทั้ง 4 เกณฑ์ ตึงตัว ล้าหลัง ถูกตีกรอบ และไม่รับผิดชอบต่อภาระทางการคลังของประเทศ



ร้านอาหาร เปลี่ยนเมนูอัพราคาเพิ่ม 5-10 บาทสู้ต้นทุนแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3239565
 
ร้านอาหาร เปลี่ยนเมนูอัพราคาเพิ่ม 5-10 บาทสู้ต้นทุนแพง
 
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า การที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)คลายล็อกให้ดื่มแอลกอฮอล์ ในห้าง งานสัมมนา โรงแรม งานจัดเลี้ยงได้ถึง 23.00 น.จะมีผลทางจิตวิทยาอยากให้คนอยากจัดกิจกรรมและช่วยให้บรรยากาศร้านอาหารคึกคักมากขึ้น จากเดิมให้ดื่มในร้านอาหารได้อยู่แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการจัดเลี้ยงในร้านอาหารหลังเลิกงานหรือการประชุมในช่วงเย็น ทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้มากกว่าช่วงกลางวัน เพราะลูกค้ามาทานอาหารส่วนใหญ่เป็นองค์กรหรือบริษัทมีกำลังซื้อมากกกว่า
 
รัฐคลายล็อกบรรยากาศเริ่มคึก

“หลังรัฐคลายล็อกธุรกิจร้านอาหารเริ่มฟื้นตัว มีผู้ประกอบการกลับมาเปิด 60-70% จากเดิมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาผลกระทบจากโควิดทำให้ธุรกิจร้านอาหารซบเซายอดขายหายไปกว่า 50%”

นางฐนิวรรณกล่าวว่า สมาคมมีข้อเสนอต่อภาครัฐกรณีคลายล็อกเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เพื่อให้เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางการระบาดโควิด อยากให้รัฐมีการตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยและทำมาตรการสำหรับร้านอาหารภายในสถานที่ดังกล่าว เหมือนที่สมาคมทำมาตรฐานSHAและSHA Plus เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยคลัสเตอร์ทองหล่อ เพราะสถานบันเทิงส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่อับ การแพร่ระบาดจะง่าย จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อสูง ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยจะให้เลิกขายแอลกอฮอล์ในบางช่วงเวลา เพราะเป็นเรื่องมีการผลักดันกันมานานกว่าจะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ และปัจจุบันช่องทางการซื้อขายง่ายกว่าสมัยก่อนมาก
 
ราคาขยับ5-10 บาท/เมนู

นางฐนิวรรณกล่าวว่า จากต้นทุนการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมัน อาหารสัตว์เลี้ยง ค่าขนส่ง ค่าก๊าซที่รัฐจะเลิกตรึ่งราคา กระทบต่อวัตถุดิบอารหารปรับตัวสูงขึ้นตามนั้น ล่าสุดจากการสำรวจผู้ประกอบการร้านอาหารพบว่าไม่ได้ปรับราคาขึ้นโดยตรง แต่มีการออกเมนูใหม่เป็นเมนูพิเศษและปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเมนูละ 5-10% เพื่อบาลานซ์ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เดิมขายชามละ 50 บาท จะเพิ่มเมนูพิเศษเป็นเย็นตาโฟทะเลหรือเย็นตาโฟพิโรธ ขายราคาชามละ 60-70 บาท
 
ขอรัฐตรึงค่าก๊าซ-ต่อคนละครึ่ง
 
นอกจากนี้สมาคมจะยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร ในเรื่องบรรเทาภาระต้นทุน ซึ่งปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นทุกอย่าง ทั้งของสด ผัก หมู ไก่ น้ำมันพืช โดยเฉพาะก๊าซหุงต้ม จะขอให้รัฐตรึ่งราคา 318 บาทต่อถังต่อ จากเดิมจะปรับขึ้น 15 บาทต่อถังวันที่ 1 เมษายนนี้ หรือหากตรึ่งไม่ได้ก็ขอให้ทยอยปรับ ไม่ใช่ขึ้นพรวดเดียว รวมถึงจะขอให้มีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 วงเงิน 1,500 บาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพราะที่ผ่านมาได้ผลจริงๆ
  
กระเบื้องปูพื้น-มุงหลังคาปรับยกแผง
 
นายสุทิน ยุทธนาวราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือUMI ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องดูราเกรสและเซอเกรส เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีทยอยแจ้งผู้ค้าและตัวแทนจำหน่าย จะปรับราคาขายกระเบื้องให้สอดรับกับต้นทุนที่สูงขึ้น 5% จากปัจจัยภายนอกเหนือการควบคุมทั้งค่าพลังงาน ค่าขนส่ง วัตถุดิบนำเข้า และอัตราแลกเปลี่ยน โดยกระเบื้องผลิตในประเทศปรับขึ้นเฉลี่ย 3-5% กระเบื้องนำเข้าปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% หลังไม่ได้ปรับราคามา 5 ปี
 
“กระเบื้องนำเข้าปรับราคาสูง เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติหรือLNG ที่ใช้ผลิต ปรับสูงขึ้น 30-50% ตามราคาน้ำมันโลก ซึ่งต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใน 6 เดือนนี้ต้องกลับมาพิจารณาราคาขายกันอีกครั้ง ที่ผ่านมาเราพยายามลดต้นทุนโดยลดความซ้ำซ้อนด้านการผลิตและลดการใช้ก๊าซ และผลิตกระเบื้องไซซ์ใหญ่ออกสู่ตลาดมากขึ้นแทนการปรับราคา”
 
นายสุทินกล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางตลาดในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน 6-7% มียอดขายอยู่ที่ 17-18 ล้านตารางเมตรหรือประมาณ 2,500 ล้านบาท แต่เป็นการคาดการณ์ก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่หลังเกิดสงครามคงต้องรอดูปัจจัยบวกจะมาหนุน
 
นายอุฬาร เกรียวสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องมุงหลังคาตราลูกโลก เปิดเผยว่า จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น 10-20% เมื่อกุมภาพันธ์ได้แจ้งผู้ค้าปรับราคาขายกระเบื้องมุงหลังคาลอนคู่ชนิดสี 5-10% จาก 40 บาทต่อแผ่น เป็น 45 บาทต่อแผ่น เพราะเคมีสีนำเข้าปรับขึ้นทุกรายการ บางรายการขึ้น 300% ก่อนหน้านี้บริษัทมีสต๊อกวัตถุดิบเก่าทำให้ราคายังไม่ปรับราคา ซึ่งขณะนี้สต๊อกเริ่มหมดและขาด ต้องซื้อเพิ่มจึงต้องปรับราคาขึ้นตามต้นทุนใหม่ ขณะที่กระเบื้องมุงหลังคาซีเมนต์ลอนคู่ชนิดขาว ยังตรึงราคาอยู่ที่ 28-29 บาทต่อแผ่น เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวและกำลังซิ้อซบเซา



 
'ไบเดน' นัดคุย 'สี จิ้นผิง' เตือนจีนต้องรับผิดชอบ หากหนุนรัสเซียรุกยูเครน
https://ch3plus.com/news/international/ch3onlinenews/283305

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เตรียมหารือร่วมกันผ่านระบบออนไลน์กับ ประธาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในคืนวันศุกร์นี้ (18 มี.ค.65) ตามเวลาที่จีน โดยมีประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับการบุกยูเครนของรัสเซีย
 
หลังมีกระแสข่าวว่าจีนให้การสนับสนุนยุทโธปกรณ์และทางเศรษฐกิจแก่รัสเซีย โดยเป็นการหารือครั้งแรกของปีของจีนและสหรัฐฯ หลังเคยร่วมครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ย.2564
 
โดยมีรายงานว่า การหารือครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณจากทางสหรัฐฯ เตือนปักกิ่ง ถึงผลร้ายแรงหากพวกเขาช่วยรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน
 
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “ไบเดนต้องการความชัดเจน จีนจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ หากมีการสนับสนุนการรุกรานของรัสเซีย และหวังว่าจีนจะใช้ทุกวิถีทาง เพื่อบังคับมอสโกให้ยุติสงครามครั้งนี้”
 
ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า "นี่เป็นโอกาสของไบเดน ที่จะการประเมินว่าประธานาธิบดีสี ยืนอยู่ข้างไหน?
 
นอกจากนี้ การหารือครั้งนี้จะมีการพูดคุยถึงประเด็นเศรษฐกิจ ระหว่างระหว่างอเมริกาเเละจีนด้วยเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่