เมื่อผมโดนหมอปลูกผมฟ้อง!
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ผมได้รับโฆษณาโปรโมชั่นผ่าตัดปลูกผมผ่าน Facebook โดยนําเสนอโปรโมชั่นโควิด ราคา 55,555บาท ผมเห็นว่าราคาถูกกว่าครั้งก่อน ท่ีเคยไปปรึกษา เลยติดต่อไปทาง inbox เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วง Covid 19 ที่ทางคลินิกยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้
วันที่ 11 เมษายน - ได้โอนมัดจํา
วันท่ี 12 เมษายน - รับใบเสร็จ
23 ธันวาคม - ทางคลินิกส่งรูปให้ตัดผมขาวสามด้านเหมือนทรงทหาร แต่ทางผมบอกว่าเดี่ยวจะพาช่างไปตัดให้ที่คลินิกซึ่งอยากให้ตัดผมตรงไหนก็ให้ตัดเพิ่ม โดยท่ีทางคลินิกยืนยันว่า ให้ตัดให้สั้นตามรูปที่ส่งไป โดยผมพยายามแจ้งทางคลินิกว่า ขอเข้าไปตรวจหนังศรีษะก่อนได้ไหม ทางคลินิกแจ้งว่า ให้ตัดผมเพิ่มไปเรื่อยๆ และให้ ไปพบอีกทีวันผ่าตัด
25 ธันวาคม - เข้าไปพบหมอที่คลินิกตอนเวลา 07.30น หมอแจ้งว่า “หนังศรีษะอักเสบ” ไม่ สามารถปลูกผมได้ เพราะจะทําให้ผมขึ้นไม่ดี ทางผมก็ได้สอบถามในห้องว่าทายาประมาณ กี่วันหาย หมอแจ้งว่า 3-4 วัน แต่หลังจากออกจากห้องตรวจมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทํานัดแจ้งว่า ไม่สามารถลงวันนัดให้ได้ต้องรักษาให้หนังศรีษะอักเสบหายให้เรียบร้อยก่อน โดยให้กลับไปทายา และมาใหม่อีกที แต่ตัวผมได้ตัดผมเรียบร้อยแล้วจึงสอบถามไปว่า ขอนัดคิวผ่าก่อนได้ไหม ก่อนวันตรวจ หากตรวจแล้วสามารถทําได้ เจ้าหน้าที่ก็คอนเฟิมนัดได้เลย
แต่ทางคลินิกก็ปฏิเสธ
ผมจึงถามถึงความรับผิดชอบที่ให้ตัดผมสั้นจนเห็นรอยแผลเป็น ด้านหลัง ซึ่งทําให้ต้องเสียเวลาหยุดงาน และทําให้เกิดความไม่สะดวกในการไปทํางาน และพบ เจอผู้คน
หลังจากร้องทางคลินิกไป ทางคลินิกก็เงียบไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด
26 ธันวาคม - ทางผมจึงได้โพสในรีวิวของเฟสบุค และ google review เพื่อแสดงความคิด เห็นในเรื่องของการบริการ เพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้นในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด พร้อม ใส่ข้อคิดเห็นการบริการแนบท้าย
26 ธันวาคม - ทางคลินิกโพสแจ้งรายละเอียดทางหน้าเพจตนเอง และไม่มีการติดต่อผมกลับเลย
25 มกราคา - คลินิกยื่นเรื่องฟ้องผม ในคดีหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
อ่านไม่ผิดครับผมโดนคลินิกยื่นฟ้อง โดยไม่มีการติดต่อกลับมา เจรจาต่อรองใดๆ ตอนรับหมายศาล ก็ตกใจ และก็รู้สึกอับอาย เพราะหน้าซองเป็นตราครุฑจากศาลอาญาพระโขนง
ในสำนวนฟ้อง ทางคลินิกเรียกร้องค่าเสียหาย 1 ล้านบาท และฟ้องอาญาหมิ่นประมาท โทษจำคุก 2 ปี ซึ่งตัวผมไม่ได้โพสข้อความที่รุนแรงเลย และให้ความคิดตามข้อเท็จจริง และอยากให้ทางคลินิกรู้สึกผิด ไม่ควรทำกับคนไข้คนไหนแบบนี้ เพราะนอกจากไม่ได้ผ่าตัดแล้ว ต้องอยู่ในทรงทหาร และมีรอยแผลเป็นจากการปลูกให้เห็นอีก
ภาค 2
หลังจากได้รับวันนัดและหมายศาลเพื่อไกล่เกลิ่ยที่ศาลอาญาพระโขนง ซึ่งผมก็ได้พาเติ่ยไปด้วย (คุณพ่อ) เติ่ยบอกว่าเราไม่ได้ทำผิด เราไม่ต้องกลัว และเราจะต้องยึดหลักความถูกต้องไม่ให้ใครมารังแกเรา
ผมจึงได้ไปตามนัด ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไป ก็เจอทนายฝั่งโจทย์นั่งอยู่ และมีตัวแทนผู้พิพากษานั่งอยู่หัวโต๊ะ ซึ่งท่านก็พยายามที่จะไกล่เกลิ่ยคดีมโนสาเร่ ซึ่งถือเป็นคดีชาวบ้านเล็กน้อย ผมก็เลยอธิบายให้ท่านฟังว่า “ตัวเราเป็นลูกค้า และถูกกระทำโดยให้เราตัดผมทรงทหาร แล้วให้เรากลับบ้าน โดยไม่ตรวจสภาพหนังศรีษะของเราก่อนวันนัดผ่าตัด” (ซึ่งหมออ้างว่า การตรวจสภาพหนังศรีษะจะให้เห็น seb derm ต้องส่องกล้อง และการส่องกล้องต้องตัดผมมา)
ตัวแทนท่านผู้พิพากษาก็ได้หันไปถามทนายโจทย์ ว่าทำไหมฟ้องเขาตั้งล้านหนึ่ง และผมก็ถามทนายโจทย์ว่าทำไมทำกับลูกค้าแบบนี้ ตัวเราเป็นผู้เสียหาย คลินิกไม่คิดจะเยียวยา และยังมาฟ้องร้องเรากลับอีก
ซึ่งทนายก็ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้เลย ตอบไม่ได้ มีหน้าที่มาส่งสารแทนหมอ
ทางท่านตัวแทนผู้พิพากษาก็ไกล่เกลิ่ยจนมาถึงตรงกลางของปัญหาคือ ใครผมลบโพส และก็จบเรื่องกันไป
ซึ่งทางทนายฝ่ายโจทย์โทรหาหมอ และบอกให้ผมชำระค่าเสียหายให้ หนึ่งแสนบาท พร้อมโพสขอโทษ
เติ่ยผมเลยบอกว่า “ไม่ต้องไปคุยแล้ว ทำกันแบบนี้” ซึ่งทางท่านตัวแทน ผพพษ ก็บอกให้ลบโพส แล้วจบๆกันไป
ซึ่งผมก็โอเคแล้วยอมจบ โดยการลบโพสทุกโพส แต่….ทางหมอไม่ยอม และเขาต้องการให้ทางผมโพสขอโทษตามข้อความที่เขาร่างมา
โดยที่ฝั่งผมก็ยืนยัน นั่งยัน ไม่ยอม และจะสู้ถึงที่สุด ถ้าจะให้ขอโทษโดยที่เราโดนกระทำมันก็มากเกินไปแล้ว
ซึ่งภายหลังจากไกล่เกลิ่ยร่วม 2 ชม ทาง ตัวแทนผู้พิพากษาก็ เรียนเชิญท่า ผพพษ ตัวจริงมาไกล่เกลิ่ยแทน โดยพอท่านมานั่งและอ่านเอกสาร ท่านก็ให้ผมออกนอกห้องไป และคุยกับทนายฝ่ายโจทย์
และก็เรียกผมกับเข้าห้องว่าโจทย์ไม่ยอมยังไงก็จะฟ้อง ถ้าผมไม่โพสขอโทษ ฝั่งเติ่ยผมกับผมก็ไม่ยอม ฟ้องก็ฟ้องเราไปสู้กันในศาล
เรื่องก็ถึงศาลชั้นต้นโดยทางเราส่งเอกสาร Chat ที่คุยกันทั้งหมด โดยที่มีทนายฝ่ายผม และฝ่ายโจทย์ และมีเติ่ยผมไปร่วมด้วย ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง (ส่วนตัวผมไม่ได้ไป) เพราะว่าคดีอาญาทนาย ไม่แนะนำให้ไปครับ
พรุ่งนี้ผมมาต่อภาค 3 นะครับ พอดีผมไม่ได้เข้าไปฟังด้วย ผมลืมเนื้อหาในศาลแล้วครับ ขอไปถามจากเติ่ยอีกทีมาเล่าครับ
เมื่อผมถูกหมอปลูกผมฟ้อง
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ผมได้รับโฆษณาโปรโมชั่นผ่าตัดปลูกผมผ่าน Facebook โดยนําเสนอโปรโมชั่นโควิด ราคา 55,555บาท ผมเห็นว่าราคาถูกกว่าครั้งก่อน ท่ีเคยไปปรึกษา เลยติดต่อไปทาง inbox เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วง Covid 19 ที่ทางคลินิกยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้
วันที่ 11 เมษายน - ได้โอนมัดจํา
วันท่ี 12 เมษายน - รับใบเสร็จ
23 ธันวาคม - ทางคลินิกส่งรูปให้ตัดผมขาวสามด้านเหมือนทรงทหาร แต่ทางผมบอกว่าเดี่ยวจะพาช่างไปตัดให้ที่คลินิกซึ่งอยากให้ตัดผมตรงไหนก็ให้ตัดเพิ่ม โดยท่ีทางคลินิกยืนยันว่า ให้ตัดให้สั้นตามรูปที่ส่งไป โดยผมพยายามแจ้งทางคลินิกว่า ขอเข้าไปตรวจหนังศรีษะก่อนได้ไหม ทางคลินิกแจ้งว่า ให้ตัดผมเพิ่มไปเรื่อยๆ และให้ ไปพบอีกทีวันผ่าตัด
25 ธันวาคม - เข้าไปพบหมอที่คลินิกตอนเวลา 07.30น หมอแจ้งว่า “หนังศรีษะอักเสบ” ไม่ สามารถปลูกผมได้ เพราะจะทําให้ผมขึ้นไม่ดี ทางผมก็ได้สอบถามในห้องว่าทายาประมาณ กี่วันหาย หมอแจ้งว่า 3-4 วัน แต่หลังจากออกจากห้องตรวจมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทํานัดแจ้งว่า ไม่สามารถลงวันนัดให้ได้ต้องรักษาให้หนังศรีษะอักเสบหายให้เรียบร้อยก่อน โดยให้กลับไปทายา และมาใหม่อีกที แต่ตัวผมได้ตัดผมเรียบร้อยแล้วจึงสอบถามไปว่า ขอนัดคิวผ่าก่อนได้ไหม ก่อนวันตรวจ หากตรวจแล้วสามารถทําได้ เจ้าหน้าที่ก็คอนเฟิมนัดได้เลย
แต่ทางคลินิกก็ปฏิเสธ
ผมจึงถามถึงความรับผิดชอบที่ให้ตัดผมสั้นจนเห็นรอยแผลเป็น ด้านหลัง ซึ่งทําให้ต้องเสียเวลาหยุดงาน และทําให้เกิดความไม่สะดวกในการไปทํางาน และพบ เจอผู้คน
หลังจากร้องทางคลินิกไป ทางคลินิกก็เงียบไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด
26 ธันวาคม - ทางผมจึงได้โพสในรีวิวของเฟสบุค และ google review เพื่อแสดงความคิด เห็นในเรื่องของการบริการ เพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้นในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด พร้อม ใส่ข้อคิดเห็นการบริการแนบท้าย
26 ธันวาคม - ทางคลินิกโพสแจ้งรายละเอียดทางหน้าเพจตนเอง และไม่มีการติดต่อผมกลับเลย
25 มกราคา - คลินิกยื่นเรื่องฟ้องผม ในคดีหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
อ่านไม่ผิดครับผมโดนคลินิกยื่นฟ้อง โดยไม่มีการติดต่อกลับมา เจรจาต่อรองใดๆ ตอนรับหมายศาล ก็ตกใจ และก็รู้สึกอับอาย เพราะหน้าซองเป็นตราครุฑจากศาลอาญาพระโขนง
ในสำนวนฟ้อง ทางคลินิกเรียกร้องค่าเสียหาย 1 ล้านบาท และฟ้องอาญาหมิ่นประมาท โทษจำคุก 2 ปี ซึ่งตัวผมไม่ได้โพสข้อความที่รุนแรงเลย และให้ความคิดตามข้อเท็จจริง และอยากให้ทางคลินิกรู้สึกผิด ไม่ควรทำกับคนไข้คนไหนแบบนี้ เพราะนอกจากไม่ได้ผ่าตัดแล้ว ต้องอยู่ในทรงทหาร และมีรอยแผลเป็นจากการปลูกให้เห็นอีก
ภาค 2
หลังจากได้รับวันนัดและหมายศาลเพื่อไกล่เกลิ่ยที่ศาลอาญาพระโขนง ซึ่งผมก็ได้พาเติ่ยไปด้วย (คุณพ่อ) เติ่ยบอกว่าเราไม่ได้ทำผิด เราไม่ต้องกลัว และเราจะต้องยึดหลักความถูกต้องไม่ให้ใครมารังแกเรา
ผมจึงได้ไปตามนัด ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไป ก็เจอทนายฝั่งโจทย์นั่งอยู่ และมีตัวแทนผู้พิพากษานั่งอยู่หัวโต๊ะ ซึ่งท่านก็พยายามที่จะไกล่เกลิ่ยคดีมโนสาเร่ ซึ่งถือเป็นคดีชาวบ้านเล็กน้อย ผมก็เลยอธิบายให้ท่านฟังว่า “ตัวเราเป็นลูกค้า และถูกกระทำโดยให้เราตัดผมทรงทหาร แล้วให้เรากลับบ้าน โดยไม่ตรวจสภาพหนังศรีษะของเราก่อนวันนัดผ่าตัด” (ซึ่งหมออ้างว่า การตรวจสภาพหนังศรีษะจะให้เห็น seb derm ต้องส่องกล้อง และการส่องกล้องต้องตัดผมมา)
ตัวแทนท่านผู้พิพากษาก็ได้หันไปถามทนายโจทย์ ว่าทำไหมฟ้องเขาตั้งล้านหนึ่ง และผมก็ถามทนายโจทย์ว่าทำไมทำกับลูกค้าแบบนี้ ตัวเราเป็นผู้เสียหาย คลินิกไม่คิดจะเยียวยา และยังมาฟ้องร้องเรากลับอีก
ซึ่งทนายก็ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้เลย ตอบไม่ได้ มีหน้าที่มาส่งสารแทนหมอ
ทางท่านตัวแทนผู้พิพากษาก็ไกล่เกลิ่ยจนมาถึงตรงกลางของปัญหาคือ ใครผมลบโพส และก็จบเรื่องกันไป
ซึ่งทางทนายฝ่ายโจทย์โทรหาหมอ และบอกให้ผมชำระค่าเสียหายให้ หนึ่งแสนบาท พร้อมโพสขอโทษ
เติ่ยผมเลยบอกว่า “ไม่ต้องไปคุยแล้ว ทำกันแบบนี้” ซึ่งทางท่านตัวแทน ผพพษ ก็บอกให้ลบโพส แล้วจบๆกันไป
ซึ่งผมก็โอเคแล้วยอมจบ โดยการลบโพสทุกโพส แต่….ทางหมอไม่ยอม และเขาต้องการให้ทางผมโพสขอโทษตามข้อความที่เขาร่างมา
โดยที่ฝั่งผมก็ยืนยัน นั่งยัน ไม่ยอม และจะสู้ถึงที่สุด ถ้าจะให้ขอโทษโดยที่เราโดนกระทำมันก็มากเกินไปแล้ว
ซึ่งภายหลังจากไกล่เกลิ่ยร่วม 2 ชม ทาง ตัวแทนผู้พิพากษาก็ เรียนเชิญท่า ผพพษ ตัวจริงมาไกล่เกลิ่ยแทน โดยพอท่านมานั่งและอ่านเอกสาร ท่านก็ให้ผมออกนอกห้องไป และคุยกับทนายฝ่ายโจทย์
และก็เรียกผมกับเข้าห้องว่าโจทย์ไม่ยอมยังไงก็จะฟ้อง ถ้าผมไม่โพสขอโทษ ฝั่งเติ่ยผมกับผมก็ไม่ยอม ฟ้องก็ฟ้องเราไปสู้กันในศาล
เรื่องก็ถึงศาลชั้นต้นโดยทางเราส่งเอกสาร Chat ที่คุยกันทั้งหมด โดยที่มีทนายฝ่ายผม และฝ่ายโจทย์ และมีเติ่ยผมไปร่วมด้วย ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง (ส่วนตัวผมไม่ได้ไป) เพราะว่าคดีอาญาทนาย ไม่แนะนำให้ไปครับ
พรุ่งนี้ผมมาต่อภาค 3 นะครับ พอดีผมไม่ได้เข้าไปฟังด้วย ผมลืมเนื้อหาในศาลแล้วครับ ขอไปถามจากเติ่ยอีกทีมาเล่าครับ