ชี้แจงเหตุผลที่ผมกลับมาโพสต์อีกครั้ง

กระทู้สนทนา
ขออภัยที่ผมจำเป็นต้องตั้งกระทู้ที่เหมือนให้ความสำคัญกับตัวเองอีกครั้ง แต่ก็เป็นความจำเป็นที่ผมต้องชี้แจง อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของผมเอง ที่สำคัญก็คือ การกลับมาของผม เท่ากับเป็นการไม่รักษาคำพูด ทำไม่ได้ตามที่พูด ผมจึงคิดว่าผมควรจะชี้แจงว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้
 
ก่อนอื่น ถ้ามีใครถามผมว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมยังคิดที่จะตั้งกระทู้อำลานั้นอยู่หรือไม่? คำตอบคือ ใช่ ผมจะทำแบบเดิมแน่นอน ผมดีใจที่ได้ตั้งกระทู้นั้นขึ้นมา ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ได้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูดแล้ว และเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์อย่างที่ผมต้องการ
 
แต่บอกตามตรงว่า ตอนแรกผมมีความตั้งใจว่า ผมอยากจะตั้งกระทู้สุดท้ายเป็นแบบเปิดท้ายไว้ หมายถึงผมอาจจะเข้ามาแสดงความเห็นเพิ่มเติมเรื่อยๆ เพราะผมคงไม่สามารถเขียนอะไรในความเห็นเดียวได้ครบตามที่ต้องการ โดยเฉพาะการแนะนำครูบาอาจารย์ที่ผมตั้งใจจะแนะนำเป็นการทิ้งท้าย รวมถึงอาจจะมีเพิ่มเติมในอนาคต
 
แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ถ้าเปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็นอาจจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีขึ้น แทนที่กระทู้จะได้ประโยชน์ก็กลายเป็นความวุ่นวาย ต้องไปให้ความสำคัญกับประเด็นอื่น ซึ่งสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ เพียงแต่ไปเกิดขึ้นในส่วนของหลังไมค์ ซึ่งขอไม่พูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
 
กลับมาถึงเหตุที่ผมตัดสินใจกลับมาโพสต์อีกครั้ง ซึ่งมีบุคคลหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญทำให้ผมตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกละอายใจตัวเอง บุคคลนั้นคือ หมอปลา หรือมือปราบสัมภเวสี
 
ก่อนที่จะพูดถึงหมอปลา รวมถึงว่าทำไมผมถึงบอกว่ารู้สึกละอายใจ ผมจะขอท้าวความไปถึงวันแรกที่ผมเข้ามาเว็บพันทิปแห่งนี้เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลของการเข้ามาในครั้งนั้น มาจากพระรูปหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า เตชะภิกขุ หลายคนน่าจะจำได้ (ที่จริงชื่อของพระรูปนั้นไม่มีสระอะ แต่ผมเติมเข้าไปเพราะไม่อยากให้ชื่อซ้ำกับพระที่ท่านใช้ชื่อเดียวกัน)
 
ท่านเตชะภิกขุ ขออภัยที่เอ่ยนาม เป็นพระที่มีความเชื่อเรื่องตายแล้วสูญ รวมถึงความเชื่ออื่นๆ ที่แตกต่างจากพระไตรปิฏก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะพระหรือคนทั่วไปที่มีความเชื่อแบบนี้ก็มีเป็นจำนวนมาก
 
แต่ปัญหาก็คือ กระทรวงศึกษาธิการในยุคนั้น ได้เอาคำสอนของพระรูปนี้ มาทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา ซึ่งผมไม่สามารถยอมรับกับสิ่งนี้ได้
 
โชคดีที่ไม่ใช่ผมคนเดียว ครูที่สอนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนก็รับไม่ได้ จำได้ว่ามีครูท่านหนึ่งทำตำราขึ้นมาสอนเองเลย ไม่เอาตำราของกระทรวงฯ
 
ที่จริงในตอนนั้น ยังมีเรื่องการบังคับครูและนักเรียนไปปฏิบัติธรรมที่วัดธรรมกายด้วย แต่ผมจะขอไม่พูดถึง (มีวันหนึ่งผมนั่งรถแท็กซี่ โชเฟอร์บ่นกับผมว่าลูกสาวถูกโรงเรียนบังคับให้เข้าวัดธรรมกาย ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะ ไม่รู้จักทั้งวัดธรรมกายและคึกฤทธิ์ รวมถึงสันติอโศกก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้อะไรเลย ผมกลับบอกแท็กซี่ว่าดีแล้ว กลายเป็นไปสนับสนุนให้เข้าวัดธรรมกายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์)
 
ต่อมาผมมารู้ภายหลังว่า ตำราที่เขียนโดยท่านเตชะภิกษุ ถูกยกเลิกในปีการศึกษาต่อมา สรุปว่าใช้แค่ปีเดียว หลังจากนั้นก็มีการสนทนาถกเถียงกันจนท่านเตชะภิกษุก็หายไปในที่สุด ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ยังมีความเชื่อแบบเดิมๆ หรือเปล่า
 
เมื่อจบกรณีของท่านเตชะภิกษุ ก็เป็นกรณีของวัดธรรมกายและคึกฤทธิ์ตามลำดับ ผมจะขอข้ามส่วนนี้ไป จนมาถึงทุกวันนี้ หรือก่อนที่ผมจะตั้งกระทู้กล่าวอำลา กระทู้ของวัดธรรมกับคึกฤทธิ์แทบไม่มีเกิดขึ้นอีกเลย มีก็น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกระทู้คึกฤทธิ์ แต่ก็มีแค่พอประมาณ เดือนหนึ่งมีไม่กี่กระทู้
 
แต่หลังจากวันที่ผมตั้งกระทู้อำลา อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ที่กระทู้คึกฤทธิ์เริ่มกลับมาอีกครั้ง เพียงไม่กี่วันมีกระทู้คึกฤทธิ์เกิดขึ้นมากกว่าสมัยที่ผมยังอยู่ทั้งเดือนหรือหลายเดือนรวมกัน บางวันมีเท่ากับทั้งเดือน หรือแม้แต่เพื่อนสมาชิกที่ผมบอกว่าเข้ามาโพสต์กระทู้เพี้ยนๆ หลายกระทู้ติดๆ กันก็ยังกลับมาโพสต์อีกด้วย
 
แค่นั้นยังไม่พอ ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของหมอปลา ผมได้ดูข่าวหมอปลาที่เป็นผู้นำ พาชาวบ้านไปจับเจ้าอาวาสที่เป็นอลัชชี และไม่ใช่แค่วัดเดียว มีเกิดขึ้นหลายวัดด้วย แม้กระทั่งเมื่อวานนี้เอง ผมยังเห็นข่าวหมอปลาไปตามจับพระที่ชาวบ้านไปฟ้องว่าอาจจะเป็นพระปลอม ตั้งเต๊นท์อยู่ในป่า
 
บอกตามตรง วันที่ผมเห็นข่าวอลัชชีเจ้าอาวาสวัดอะไรผมจำไมได้ (ที่เอาที่คาดผมผู้หญิงมาคาดหัวเป็นที่โด่งดัง) ผมรู้สึกชื่นชมและอนุโมทนาบุญกับหมอปลา ไม่รู้จะแสดงความขอบคุณอย่างไรให้สมกับสิ่งที่หมอปลาได้ทำให้กับพระพุทธศาสนา พร้อมกับมานึกถึงตัวผมเองว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมผมถึงไม่ทำอะไรเลย
 
ในที่สุด ผมตัดสินใจว่าจะขอกลับมาแสดงความเห็นอีกครั้ง เพราะผมเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้ ซึ่งผมเชื่อในศักยภาพของเว็บพันทิปน่าจะทำได้ระดับหนึ่ง ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ส่วนอื่นๆ จากคนอื่น เช่นหมอปลา เป็นต้น
 
ตอนนั้นผมคิดอยู่ 2 วิธี คือกลับมาตามปกติ กับการสมัครล็อกอินใหม่ แต่ผมมาคิดว่า ถ้าผมสมัครล็คอินใหม่ สไตล์การเขียนของผมทุกคนน่าจะรู้ และผมก็คงแนะนำครูบาอาจารย์เหมือนเดิม ท่านเดิมๆ สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเป็นคนที่ผิดคำพูด ซึ่งใครจะตำหนิต่อว่าอะไรผมยอมรับ แลกกับการที่ได้ช่วยปกป้องพระพุทธศาสนา
 
ผมก็ขอชี้แจงเพียงเท่านี้ อ้อ…ก่อนที่ผมจะโพสต์แสดงความห็นแรกหลังจากที่ผมกล่าวลา ผมฟังหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเทศน์พอดี ตอนนั้นท่านพูดถึงพระที่ทำตัวไม่ดี บอกว่าเราไม่ต้องไปสนใจ ผมมีสะดุดเหมือนกัน แต่หลวงพ่อท่านพูดต่อว่า แต่พวกอลัชชีที่มาทำลายพระพุทธศาสนาเราต้องช่วนกัน ทำหน้าที่ของพุทธบริษัท คำพูดนั้นทำให้ผมมั่นใจในการตัดสินใจครั้งนี้
 
อย่างไรก็ตาม ผมคงจะไม่โพสต์เหมือนเดิม อาจจะโพสต์นานๆ ครั้งหรือที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ หรือสมมุติว่าต่อไปผมหายไปเลย ไม่โพสต์อะไรสัก 1-2 เดือนหรือหลายเดือน ก็คงไม่มีใครรู้ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการอำลาเว็บ สิ่งสำคัญคือผมได้มีโอกาสพูดในสิ่งที่ผมอยากพูดในกระทู้อำลานั้นแล้ว ตอนนี้ผมจะอยู่หรือไปก็ไม่มีผลอะไร เรียกว่า เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวผมทั้งสิ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่