รถถั่วเหลืองทดลองของ Henry Ford / Cr.ภาพThe Henry Ford/Ford Motor Company
สำหรับ Henry Ford และ T-model ยอดนิยมของเขา นอกจากจะจุดประกายความหลงใหลในรถยนต์ให้กับเราและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่ง Ford เคยพยายามสร้างรถยนต์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
Henry Ford เกิดในฟาร์มและใช้เวลาในวัยเด็กทำงานในฟาร์มของพ่อของเขา แม้ว่าเขาจะดูถูกงานในฟาร์มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ในวัยกลางคน เขากลับรู้สึกทึ่งกับแนวคิดที่จะผสมผสานการทำฟาร์มเข้ากับอุตสาหกรรม และมีความสนใจมาอย่างยาวนานในพลาสติกที่พัฒนาจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะถั่วเหลืองที่ Ford พยายามค้นหาการใช้ถั่วเหลืองในการผลิต แต่ก็ประสบความสำเร็จอย่างจำกัด
เขาปลูกฝังความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์เกษตรชาวอเมริกัน George Washington Carver และสร้างห้องปฏิบัติการถั่วเหลืองในหมู่บ้าน Greenfield Village ในมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งเขาได้ทดลองกับน้ำมันและพลาสติกจากถั่วเหลือง โดยเริ่มนำมาใช้ในยานพาหนะของเขาเช่น ในหัวเกียร์ แต่ Ford มีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ เขาต้องการสร้างรถยนต์จากพลาสติกเกือบทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่เรียกว่า "รถถั่วเหลือง" (soybean car) ที่เปิดตัวในปี 1941
soybean car ของ Ford ได้รับการตั้งชื่อนี้ เนื่องจากมีการกล่าวกันว่า โครงตัวถังทำด้วยพลาสติกจากถั่วเหลืองที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ Greenfield Village ในเมือง Dearborn, มิชิแกน (ตัวอาคารที่เป็นโครงสร้างสีเทา) แม้ว่าโครงสร้างไม่อยู่ให้เห็นแล้ว แต่ Lowell Overly พนักงาน Ford ที่ดูแลโครง การกล่าวว่า วัสดุตัวรถเป็น "เส้นใยถั่วเหลืองใน phenolic resin (โพลีเมอร์สังเคราะห์) กับ formaldehyde (สารประกอบอินทรีย์ที่มีตามธรรมชาติ) ที่ใช้ในการทำให้ชุ่ม"
โครงเหล็กของรถถั่วเหลือง ซึ่งจะมีแผงตัวถังสิบสี่แผงติดตั้งกับเฟรมนี้
แต่วิศวกรด้านพลาสติกในวันนี้ให้ความเห็นว่า พลาสติกอาจจะมีส่วนประกอบของถั่วเหลืองที่สำคัญอยู่ แต่แผงตัวถังน่าจะเป็นพลาสติกฟีนอลทั่วไปที่คล้ายกับสิ่งที่เรารู้จักกันในชื่อ Bakelite อย่างไรก็ตาม พลาสติกโครงสร้างจากถั่วเหลืองไม่เคยได้รับการพิสูจน์มาจนถึงทุกวันนี้
"รถถั่วเหลือง" นั้นยังมีความน่าสนใจในด้านอื่นๆ มากมาย เริ่มจากสถาปัตยกรรมของมัน เดิมทีได้รับการออกแบบโดย Bob Gregorie หัวหน้านักออกแบบของ Ford และด้วยความช่วยเหลือจาก John Najjar แชสซีและโครงสร้างส่วนบนของตัวถังแบบบูรณาการถูกสร้างขึ้นจากท่อเหล็กผนังบาง แผงตัวถังแบบหล่อทั้ง 14 แผงที่ประกอบเป็นผิวรถจะถูกแขวนไว้บนโครงสร้างรองรับนี้ ซึ่งแผ่นพลาสติกถั่วเหลืองจำนวน 14 แผ่นนี้ จะหนาประมาณหนึ่งในสี่ของนิ้วเท่านั้น
ส่วนหน้าต่างทำด้วยแผ่นอะครีลิคน้ำหนักเบา และระบบขับเคลื่อน 136 CID Ford V8-60 แรงม้า ส่งผลให้น้ำหนักโดยรวมลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรายงานว่ามีน.น.เพียง 2,000 ปอนด์ ทั้งยังทำให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ รถยังได้รับการออกแบบให้วิ่งโดยใช้น้ำมันกัญชาได้ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
Ford เชื่อว่า "แผงพลาสติกทำให้รถปลอดภัยกว่ารถเหล็กทั่วไป และรถสามารถพลิกคว่ำได้โดยไม่ถูกบดขยี้" โดยมีวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นว่า Ford ใช้ขวานฟันไปที่ส่วนท้ายของรถที่ติดตั้งพลาสติกจากถั่วเหลืองเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันไม่บุบ รวมทั้งในตอนนั้น การเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปเกิดการขาดแคลนโลหะ จึงมีการระงับการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ซึ่ง Ford คาดการณ์ว่า ถ้าใช้วัสดุใหม่นี้แทนเหล็กเพื่อสร้างรถยนต์จะลดการใช้โลหะลง
10 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกา
ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 Henry Ford ได้ทดลองทำชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับรถยนต์ การทดลองเหล่านี้ส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า
"รถพลาสติกที่ทำจากถั่วเหลือง" แม้ว่ารถคันนี้ไม่ได้เป็นคอลเล็กชั่นของพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีของการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่
โดยรถคันนี้ถูกจัดแสดงที่ Dearborn ในปี 1941 และที่งาน Michigan State Fair Grounds ในปลายปีนั้น
แม้ว่า Ford จะทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาพลาสติกสำหรับรถยนต์ โดยประกาศว่าเขาจะ "ปลูกรถยนต์จากดิน" (grow automobiles from the soil) และให้การรับรองและความมั่นใจในอนาคตของพลาสติกจากพืช แต่โครงการก็ล้มเหลว ในที่สุด รถถั่วเหลืองก็ไม่มีให้เราสำรวจความลึกลับอีกต่อไปโดยแบบจำลองเดียวที่เคยสร้างได้ถูกทำลายและแผนการผลิตหน่วยที่สองถูกระงับ เมื่อสิ้นสุดสงคราม แนวคิดเรื่องรถยนต์พลาสติกได้พับไปอันเนื่องมาจากพลังงานที่มุ่งไปสู่ความพยายามในการฟื้นฟูสงคราม
ปัจจุบันเมื่อพูดถึง "รถถั่วเหลือง" มักจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แหล่งข่าวรายหนึ่งอ้างว่าพวกมันทำมาจากสูตรทางเคมีที่รวม ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ป่านหรือฝ้าย flax (linseed ทำผ้าลินินและสิ่งทอ) และสมุนไพร ramie โดยในวัสดุพลาสติก จะมีเส้นใยเซลลูโลสคิดเป็น 70% ในขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นสารยึดเกาะเรซิน
สำหรับวัสดุจากถั่วเหลืองที่ถูกนำมาใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แทนวัสดุโลหะที่ขาดแคลน หนึ่งในนั้นที่นิยมใช้หลายรัฐของอเมริกาคือป้ายทะเบียนรถ ที่ทำจากถั่วเหลืองอัด แต่วัสดุที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกระดาษแข็งซึ่งบอบบางมากจนมีน้อยอันที่จะอยู่รอดโดยไม่เสียหาย เช่นเกษตรกรคนหนึ่งเล่าว่าหลังจากสัตว์เลี้ยงของเขารู้ว่าป้ายทะเบียนรถกินได้ มันก็จะเข้ามากินทันทีที่รถจอด
วัสดุจากถั่วเหลืองยังทำให้นึกไปถึง Duroplast พลาสติกเส้นใยฝ้ายที่ใช้ทำโครงร่างหรือตัวถังด้านนอกสำหรับรถยนต์ Trabant ของเยอรมันตะวันออก (1957- 2534) ที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในรถยนต์ IFA F8 ต่อมาคือ AWZ P70 Zwickau รวมทั้งยังใช้ทำฝารองนั่งชักโครกและกระเป๋าเดินทางด้วย แม้จะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกทั้งการเผายังทำให้เกิดควันพิษ แต่ส่วนประกอบของ Duroplast ก็มีเรื่องราวของหมู แกะ หรือสัตว์เลี้ยงในฟาร์มอื่นๆ ที่กินมันเช่นกัน (อย่างเช่นในภาพยนตร์ Black Cat, White Cat)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมการขนส่งที่คิดค้นขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นี้ หนึ่งร้อยกว่าปีต่อมา จะมีส่วนเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เป็นก๊าซหลักทำให้เกิดภาวะโลกร้อน แต่ก็ถือว่า Ford นั้นเป็นผู้บุกเบิกด้านนิเวศวิทยา เพราะในช่วงทศวรรษที่ 1930 Ford เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่ผลิตและใช้สิ่งที่เราเรียกว่า "พลาสติกชีวภาพ" ในปัจจุบัน ซึ่งทำจากพืชที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ Ford ไม่เพียงผลิตพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เขายังเป็นคนแรกที่สร้างรถยนต์ด้วยวัสดุนี้ และนำเสนอต่อสาธารณชนด้วย
ในขณะที่ กระบวนการเพื่อค้นหาวัสดุพลาสติก "ใหม่" นี้ยังคงดำเนินต่อไปในปัจจุบัน ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ได้จากข้าวโพด หญ้าสวิตช์ และเห็ดอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัฐอิลลินอยส์ รัฐและรัฐมิชิแกน แต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือการใช้วัสดุจากถั่วเหลืองในความพยายามของ Ford ดังนั้น นักวิจัยในปัจจุบันจึงกลับมาเน้นที่พลาสติกจากถั่วเหลืองอีกครั้ง โดยเฉพาะการใช้โปรตีนจากถั่วเหลือง "truly green" สำหรับเป็นสารยึดเกาะเส้นใย lignocellulosic ในทางกลับกัน ฟางถั่วเหลืองยังคงเป็นทางเลือกที่มีจุดอ่อนสำหรับใช้ในแผ่นใยไม้อัด โดยมีการต้านทานน้ำค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเส้นใยไม้เนื้ออ่อนที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมันอาจจะดีสำหรับป้ายทะเบียน แต่ยังไม่พร้อมสำหรับวัสดุก่อสร้าง
ป้ายทะเบียนถั่วเหลืองของรัฐ Cascade County คอลเลคชันพลาสติกของมหาวิทยาลัย Syracuse ในปี 1943-1944 [2018.024.2]
ห้องปฏิบัติการทดลองถั่วเหลืองในหมู่บ้าน Greenfield Village ประมาณปี 1940
Ford เชื่อว่าอุตสาหกรรมและการเกษตรควรส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยในช่วงทศวรรษที่ 1930 เขาใช้ถั่วเหลือง พืชผลที่อาจรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน และสร้างห้องปฏิบัติการถั่วเหลืองใน Greenfield Village ทำการการทดลองพวกมัน นำไปสู่การใช้น้ำมันจากถั่วเหลืองและพลาสติกบางชนิด
ในรถยนต์ของ Ford Motor Company / Cr.ภาพ thehenryford.org/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
รถยนต์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพของ Henry Ford ในปี 1941
Henry Ford เกิดในฟาร์มและใช้เวลาในวัยเด็กทำงานในฟาร์มของพ่อของเขา แม้ว่าเขาจะดูถูกงานในฟาร์มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ในวัยกลางคน เขากลับรู้สึกทึ่งกับแนวคิดที่จะผสมผสานการทำฟาร์มเข้ากับอุตสาหกรรม และมีความสนใจมาอย่างยาวนานในพลาสติกที่พัฒนาจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะถั่วเหลืองที่ Ford พยายามค้นหาการใช้ถั่วเหลืองในการผลิต แต่ก็ประสบความสำเร็จอย่างจำกัด
เขาปลูกฝังความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์เกษตรชาวอเมริกัน George Washington Carver และสร้างห้องปฏิบัติการถั่วเหลืองในหมู่บ้าน Greenfield Village ในมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งเขาได้ทดลองกับน้ำมันและพลาสติกจากถั่วเหลือง โดยเริ่มนำมาใช้ในยานพาหนะของเขาเช่น ในหัวเกียร์ แต่ Ford มีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ เขาต้องการสร้างรถยนต์จากพลาสติกเกือบทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่เรียกว่า "รถถั่วเหลือง" (soybean car) ที่เปิดตัวในปี 1941
soybean car ของ Ford ได้รับการตั้งชื่อนี้ เนื่องจากมีการกล่าวกันว่า โครงตัวถังทำด้วยพลาสติกจากถั่วเหลืองที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ Greenfield Village ในเมือง Dearborn, มิชิแกน (ตัวอาคารที่เป็นโครงสร้างสีเทา) แม้ว่าโครงสร้างไม่อยู่ให้เห็นแล้ว แต่ Lowell Overly พนักงาน Ford ที่ดูแลโครง การกล่าวว่า วัสดุตัวรถเป็น "เส้นใยถั่วเหลืองใน phenolic resin (โพลีเมอร์สังเคราะห์) กับ formaldehyde (สารประกอบอินทรีย์ที่มีตามธรรมชาติ) ที่ใช้ในการทำให้ชุ่ม"
"รถถั่วเหลือง" นั้นยังมีความน่าสนใจในด้านอื่นๆ มากมาย เริ่มจากสถาปัตยกรรมของมัน เดิมทีได้รับการออกแบบโดย Bob Gregorie หัวหน้านักออกแบบของ Ford และด้วยความช่วยเหลือจาก John Najjar แชสซีและโครงสร้างส่วนบนของตัวถังแบบบูรณาการถูกสร้างขึ้นจากท่อเหล็กผนังบาง แผงตัวถังแบบหล่อทั้ง 14 แผงที่ประกอบเป็นผิวรถจะถูกแขวนไว้บนโครงสร้างรองรับนี้ ซึ่งแผ่นพลาสติกถั่วเหลืองจำนวน 14 แผ่นนี้ จะหนาประมาณหนึ่งในสี่ของนิ้วเท่านั้น
ส่วนหน้าต่างทำด้วยแผ่นอะครีลิคน้ำหนักเบา และระบบขับเคลื่อน 136 CID Ford V8-60 แรงม้า ส่งผลให้น้ำหนักโดยรวมลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ โดยมีรายงานว่ามีน.น.เพียง 2,000 ปอนด์ ทั้งยังทำให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ รถยังได้รับการออกแบบให้วิ่งโดยใช้น้ำมันกัญชาได้ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
Ford เชื่อว่า "แผงพลาสติกทำให้รถปลอดภัยกว่ารถเหล็กทั่วไป และรถสามารถพลิกคว่ำได้โดยไม่ถูกบดขยี้" โดยมีวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นว่า Ford ใช้ขวานฟันไปที่ส่วนท้ายของรถที่ติดตั้งพลาสติกจากถั่วเหลืองเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันไม่บุบ รวมทั้งในตอนนั้น การเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปเกิดการขาดแคลนโลหะ จึงมีการระงับการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ซึ่ง Ford คาดการณ์ว่า ถ้าใช้วัสดุใหม่นี้แทนเหล็กเพื่อสร้างรถยนต์จะลดการใช้โลหะลง
10 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันเมื่อพูดถึง "รถถั่วเหลือง" มักจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แหล่งข่าวรายหนึ่งอ้างว่าพวกมันทำมาจากสูตรทางเคมีที่รวม ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ป่านหรือฝ้าย flax (linseed ทำผ้าลินินและสิ่งทอ) และสมุนไพร ramie โดยในวัสดุพลาสติก จะมีเส้นใยเซลลูโลสคิดเป็น 70% ในขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นสารยึดเกาะเรซิน
สำหรับวัสดุจากถั่วเหลืองที่ถูกนำมาใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แทนวัสดุโลหะที่ขาดแคลน หนึ่งในนั้นที่นิยมใช้หลายรัฐของอเมริกาคือป้ายทะเบียนรถ ที่ทำจากถั่วเหลืองอัด แต่วัสดุที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกระดาษแข็งซึ่งบอบบางมากจนมีน้อยอันที่จะอยู่รอดโดยไม่เสียหาย เช่นเกษตรกรคนหนึ่งเล่าว่าหลังจากสัตว์เลี้ยงของเขารู้ว่าป้ายทะเบียนรถกินได้ มันก็จะเข้ามากินทันทีที่รถจอด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมการขนส่งที่คิดค้นขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นี้ หนึ่งร้อยกว่าปีต่อมา จะมีส่วนเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เป็นก๊าซหลักทำให้เกิดภาวะโลกร้อน แต่ก็ถือว่า Ford นั้นเป็นผู้บุกเบิกด้านนิเวศวิทยา เพราะในช่วงทศวรรษที่ 1930 Ford เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่ผลิตและใช้สิ่งที่เราเรียกว่า "พลาสติกชีวภาพ" ในปัจจุบัน ซึ่งทำจากพืชที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ Ford ไม่เพียงผลิตพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เขายังเป็นคนแรกที่สร้างรถยนต์ด้วยวัสดุนี้ และนำเสนอต่อสาธารณชนด้วย
ในขณะที่ กระบวนการเพื่อค้นหาวัสดุพลาสติก "ใหม่" นี้ยังคงดำเนินต่อไปในปัจจุบัน ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ได้จากข้าวโพด หญ้าสวิตช์ และเห็ดอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัฐอิลลินอยส์ รัฐและรัฐมิชิแกน แต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือการใช้วัสดุจากถั่วเหลืองในความพยายามของ Ford ดังนั้น นักวิจัยในปัจจุบันจึงกลับมาเน้นที่พลาสติกจากถั่วเหลืองอีกครั้ง โดยเฉพาะการใช้โปรตีนจากถั่วเหลือง "truly green" สำหรับเป็นสารยึดเกาะเส้นใย lignocellulosic ในทางกลับกัน ฟางถั่วเหลืองยังคงเป็นทางเลือกที่มีจุดอ่อนสำหรับใช้ในแผ่นใยไม้อัด โดยมีการต้านทานน้ำค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเส้นใยไม้เนื้ออ่อนที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมันอาจจะดีสำหรับป้ายทะเบียน แต่ยังไม่พร้อมสำหรับวัสดุก่อสร้าง