นิทานชีวิตคู่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
ผู้หญิงผู้ชาย 2 คนใช้ชีวิตด้วยกันมาลำบากด้วยกันมาตลอดเกือบ 10 ปี ไม่มีครอบครัวฝ่ายไหนยื่นมือเข้ามาช่วย
จนมาวันหนึ่งลืมตาอ้าปากได้ฝ่ายชายเงินเดือนมากขึ้น เริ่มดึงครอบครัวเข้ามาสบายด้วย
ฝ่ายหญิงหากจะดึงครอบครัวมาสบายด้วย
หากจะให้เงินพ่อแม่
ฝ่ายชายพูดว่าให้ดูเงินเดือนตัวเองด้วย
อยากให้พ่อแม่ต้องหาอาชีพเสริม
ไม่สามารถใช้เงินตรงนี้ไปให้พ่อแม่ได้
ตนเองให้แม่ของตนเองได้ เพราะตนเองเงินเดือนมากกว่า มีความสามารถที่จะเลี้ยงแม่ได้
จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งที่ลำบากด้วยกันมาก็มีแต่ฝ่ายหญิงที่ลำบากมาด้วยตลอด
เงินทั้งหมดของฝ่ายหญิงก็ใช้หมดไปกับตน
เพราะฝ่ายช่ายเงินเดือนน้อยกว่า
ฝ่ายหญิงยินดีเสมอที่จะจ่ายทุกอย่างก่อน
ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ของใช้อื่น ๆ อีกมากมาย ฝ่ายหญิงคิดว่าเหมือนคนคนเดียวกัน
จ่ายไปก่อนเ งินหมดก็ไปใช้กับผู้ชายได้
เป็นแบบนี้มาตลอด
ณ ตอนนั้น ฝ่ายหญิงยินดีช่วยเหลือสนับสนุนกันทุกๆอย่าง
จนแต่งงานมีชีวิตคู่เงินทุกบาททุกสตางค์เงินเดือนฝ่ายหญิงก็รวมอยู่ ก็ใช้ด้วยกัน กับฝ่ายชาย
แต่กลายเป็นฝ่ายหญิงไม่สามารถให้เงินพอแม่ตนเองได้ เพราะเงินเดือนฝ่ายหญิงน้อยกว่าฝ่ายชาย
กลายเป็นเงินในชีวิตคู่มันคนละกระเป๋า
แบ่งเงินกันไปไม่ใช่เงินของคู่ชีวิตร่วมกัน
กลายเป็นเธอใช้เงินฉันได้ ลูกใช้เงินฉันได้
ฉันให้เงินแม่ญาติพี่น้องฉันได้
แต่เธอให้ครอบครัวเธอไม่ได้
เพราะนี่มันเงินฉันทั้งนั้นที่หามาได้มากกว่า
คงลืมไปจริง ๆ ลืมไปว่า
กว่าจะมีวันนี้กันได้ฝ่ายหญิงสนับสนุนทุกอย่างมาตลอด
ไม่เคยหายไปช่วงลำบากและกลับมาช่วงสบาย
ไม่ได้หวังอะไรจากฝ่ายชาย
หากได้รู้ว่าวันหนึ่งที่ฝ่ายชายสบายแล้ว
ฝ่ายชายจะเลือกพ่อแม่ครอบครัวของตนเองมากกว่า
หากรู้แบบนี้ในวันที่ลำบากฝ่ายหญิงก็คงจะเก็บเงินของตนเองไว้เพื่อมีใช้ในวันนี้ ไม่จ่ายอะไรมากไป
ไม่จริงจัง ไม่เสียสละ ไม่ทุ่มเทเต็มที่
คงเลิกไปเสียแต่ตอนนั้น
กลับกันวันนี้หากฝ่ายหญิงเงินเดือนมากกว่าฝ่ายชายเธอก็ยังทำตัวเหมือนเก่าใช้เงินทั้งหมดไปกับผู้ชายเหมือนเดิมที่เธอเคยทำมาในช่วงลำบาก
นิทานชีวิตคู่เรื่องนี้ไม่ได้สอนให้รู้ว่าอะไร
แต่สอนให้อย่าลืมวันที่ลำบากอยู่ด้วยกัน
เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น
นิทานชีวิตคู่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
ผู้หญิงผู้ชาย 2 คนใช้ชีวิตด้วยกันมาลำบากด้วยกันมาตลอดเกือบ 10 ปี ไม่มีครอบครัวฝ่ายไหนยื่นมือเข้ามาช่วย
จนมาวันหนึ่งลืมตาอ้าปากได้ฝ่ายชายเงินเดือนมากขึ้น เริ่มดึงครอบครัวเข้ามาสบายด้วย
ฝ่ายหญิงหากจะดึงครอบครัวมาสบายด้วย
หากจะให้เงินพ่อแม่
ฝ่ายชายพูดว่าให้ดูเงินเดือนตัวเองด้วย
อยากให้พ่อแม่ต้องหาอาชีพเสริม
ไม่สามารถใช้เงินตรงนี้ไปให้พ่อแม่ได้
ตนเองให้แม่ของตนเองได้ เพราะตนเองเงินเดือนมากกว่า มีความสามารถที่จะเลี้ยงแม่ได้
จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งที่ลำบากด้วยกันมาก็มีแต่ฝ่ายหญิงที่ลำบากมาด้วยตลอด
เงินทั้งหมดของฝ่ายหญิงก็ใช้หมดไปกับตน
เพราะฝ่ายช่ายเงินเดือนน้อยกว่า
ฝ่ายหญิงยินดีเสมอที่จะจ่ายทุกอย่างก่อน
ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ของใช้อื่น ๆ อีกมากมาย ฝ่ายหญิงคิดว่าเหมือนคนคนเดียวกัน
จ่ายไปก่อนเ งินหมดก็ไปใช้กับผู้ชายได้
เป็นแบบนี้มาตลอด
ณ ตอนนั้น ฝ่ายหญิงยินดีช่วยเหลือสนับสนุนกันทุกๆอย่าง
จนแต่งงานมีชีวิตคู่เงินทุกบาททุกสตางค์เงินเดือนฝ่ายหญิงก็รวมอยู่ ก็ใช้ด้วยกัน กับฝ่ายชาย
แต่กลายเป็นฝ่ายหญิงไม่สามารถให้เงินพอแม่ตนเองได้ เพราะเงินเดือนฝ่ายหญิงน้อยกว่าฝ่ายชาย
กลายเป็นเงินในชีวิตคู่มันคนละกระเป๋า
แบ่งเงินกันไปไม่ใช่เงินของคู่ชีวิตร่วมกัน
กลายเป็นเธอใช้เงินฉันได้ ลูกใช้เงินฉันได้
ฉันให้เงินแม่ญาติพี่น้องฉันได้
แต่เธอให้ครอบครัวเธอไม่ได้
เพราะนี่มันเงินฉันทั้งนั้นที่หามาได้มากกว่า
คงลืมไปจริง ๆ ลืมไปว่า
กว่าจะมีวันนี้กันได้ฝ่ายหญิงสนับสนุนทุกอย่างมาตลอด
ไม่เคยหายไปช่วงลำบากและกลับมาช่วงสบาย
ไม่ได้หวังอะไรจากฝ่ายชาย
หากได้รู้ว่าวันหนึ่งที่ฝ่ายชายสบายแล้ว
ฝ่ายชายจะเลือกพ่อแม่ครอบครัวของตนเองมากกว่า
หากรู้แบบนี้ในวันที่ลำบากฝ่ายหญิงก็คงจะเก็บเงินของตนเองไว้เพื่อมีใช้ในวันนี้ ไม่จ่ายอะไรมากไป
ไม่จริงจัง ไม่เสียสละ ไม่ทุ่มเทเต็มที่
คงเลิกไปเสียแต่ตอนนั้น
กลับกันวันนี้หากฝ่ายหญิงเงินเดือนมากกว่าฝ่ายชายเธอก็ยังทำตัวเหมือนเก่าใช้เงินทั้งหมดไปกับผู้ชายเหมือนเดิมที่เธอเคยทำมาในช่วงลำบาก
นิทานชีวิตคู่เรื่องนี้ไม่ได้สอนให้รู้ว่าอะไร
แต่สอนให้อย่าลืมวันที่ลำบากอยู่ด้วยกัน
เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น