ตายแล้วไปไหน ฉบับสรุปสั้นจากอาจารย์เจ

ตายแล้วไปไหน

จากที่เราเคยอ่านหนังสือมามากมาย เราเคยอ่านเจอว่า"ความตาย" ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านจากชาตินี้ไปสู่ชาติหน้า ในเมื่อความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต ความตายจึงไม่สำคัญเท่ากับการเตรียมตัวตาย เพื่อให้พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งแวดล้อมใหม่ของชีวิต หนึ่งในวิธีเตรียมตัวตายที่พุทธศาสนาเน้นมากก็คือ มรณสติ อันเป็นวิธีคิดที่สอนให้พิจารณาว่า ความตายเกิดขึ้นได้เสมอ และเกิดได้กับทุกคน คนที่เตรียมตัวตายมาดีแล้วด้วยหลักมรณสติ เมื่อความตายกระโจนเข้าใส่ก็ย่อมจะมีสติควบคุมตัวเองได้ เราทุกคนจะต้องตายแล้วก็เกิดใหม่ ก่อนเกิดก็เคยตายมาแล้วกันทั้งสิ้น



สิ่งแรก คือ เราต้องเข้าใจก่อนว่าดวงวิญญาณจะอยู่ตั้งแต่วันแรกที่ตายไปอีกจนครบ 100 วัน 

วันที่ 1 วันที่เราตาย
วันแรกๆ จะยังไม่รู้ตัว คุยกับใครก็ไม่มีใครสนใจ เหมือนคนที่โดนคนในบ้านงอน ไม่มีใครมองไม่มีใครคุยด้วย ข้าวปลาหิวก็ต้องหาข้าวกินเอง ประมาณนั้น

3 วันแรกหลังจากที่ตายไป 
เราจะเริ่มรู้ว่าเราตายแล้วนะเพราะเราจะเห็นสิ่งต่างๆที่ครอบครัวหรือคนรักของเราที่เราตามอยู่ เช่น การแต่งกายของญาติพี่น้อง การที่เราได้ติดตามไปดูว่าคนไปไหนกัน ตามดูไปเรื่อยๆ จนมาเห็นงานศพตัวเอง

7 วันหลังจากตายไป
ดวงวิญญาณจะยังวนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์ ถ้าการตายเรามีคดีความที่ต้องรอการพิสูจน์ เราจะยังรอดูความจริงบนโลก ในช่วงนี้คือช่วง 7-15 วันหลังความตาย จะเห็นหมดว่าใครทำอะไรกับเรา ใครฆ่าเรา เราตายอย่างไร เราจะเห็นหมด ถ้าเราตายปกติ จะได้ใช้ช่วงเวลานี้ไปเดินทางพบญาติพี่น้อง เดินทางเก็บกลิ่นเก็บรอยเท้าตัวเอง โดยเมื่อถึงเวลาพักวิญญานเราจะไปพักอาศัยจะอยู่ที่บ้านเล็กบ้านน้อยที่ญาติๆเขาทำทานไว้ให้ ถ้าไม่มีบ้านเล็กที่คนทำให้ ถ้าไม่มีก็จะกลับไปพักที่บ้านเดิมในโลกมนุษย์ของตนเอง แต่ถ้าเราตายไม่ปกติ เราจะคอยดูความเป็นไปในทุกวันอยู่ในพื้นที่ๆตาย จะนั่งร้องไห้อยู่พื้นที่ๆตายทุกวันจนกว่าจะมีทางออก

15-50 วัน หลังจากตาย
วิญญานมีเทวทูตมารับและจะต้องผ่าน "ป่าแห่งความสงบ"



ป่าแห่งนี้สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่เรียงราย มีใบไม้เต็มต้น ทางเดินเป็นลูกรัง และเราจะเดินแบบไม่มีรองเท้า ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ดวงจิตของเราจะได้ห่มด้วยผ้าห่อศพสีขาวผืนเดียวเท่านั้น ระหว่างทางที่เดินไป เพื่อให้เราได้ไตร่ตรองความดีความชั่ว หากเราพอมีบุญเราจะใช้กิ่งไม้ ใบไม้เขียนความดีความชั่วของเราเอง โปรยลงพื้นไปเรื่อยๆ แล้วท่านเทวทูตหมาป่าและเทวทูตหน้าวัวคอยตามดูตามอ่าน แล้วก็บันทึกลงไปให้ แต่ถ้าเราไม่ได้ทำบุญเราจะไม่เขียนอะไรเลย และเดินแบบไม่มีจุดหมาย



เมื่อเดินมาเรื่อยๆ เราจะเห็นกระท่อม แต่คนในกระท่อมเขาจะไม่ออกมาทักทายเรา เขาเหล่านั้น คือ ดวงวิญญานที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม
จึงไปฟังการพิพากษาไม่ได้ อยู่ไปนานๆ หากไม่มีบุญในการเก็บสะสม ก็จะกลายเป็นอาหารของหมาป่า และเสือสมิง กลายเป็นผีโพง ผีปอป 
เมื่อเราเดินทางผ่านไปเรื่อยๆ เราจะเจอประตูทางออกของวิญญาน เมื่อออกไป เราจะเจอเทวบาลพาเราไปกระท่อมของตนเอง

เราจะได้ที่พัก 1 กระท่อม 1 ดวงวิญญาน
กระท่อมที่นี่ วิญญานเราจะยังมีการไปและกลับโลกมนุษย์ได้  โดยทวารบาล จะพาเราไปที่กระท่อมของตนเอง และเมื่อถึงเวลาทีท่านเทวทูตจไปโปรดสัตว์ตอนตี 4 - ตี 5 เราจะได้ติดตามไปดูคดี และไปดูญาติ ไปหาของรัก หรือไปดลใจให้ญาติทำบุญให้กับเรา 

แวะบอกในส่วนของเวลา เวลาภพเขาและเวลาภพเรามันต่างกัน เช้าของโลกวิญญาณคือ 19.00น. โลกมนุษย์ = 07.00น. โลกวิญญาณ นั่นคือ 19.00-23.30 

วิญญานก็ยังมาหาญาติ หาเพื่อน หาคนรักได้ในระหว่างพักที่กระท่อม โดยเราสามารถมาขอให้คนบนโลกมนุษย์ ช่วยให้ชีวิตเราสะอาดจากทางโลกพ้นมลทินทั้งหลาย และช่วยทำบุญให้ได้ เราไปพยายามดลจิตให้เขาทำบุญให้ และสะสมแต้มไว้ได้ จนกว่าจะครบ 100 วัน
(บุญ 1 หมื่นคน ทำบุญให้เรา 1 หมื่นครั้งและอีกวิธีคือกรรมฐานแล้วกรวดน้ำจะได้ตรงถึงวิญญานไวกว่าถึง 10 เท่า ก็คือเรานั่งภาวนาแล้วเข้าสมาธิแล้วภาวนาให้เขา)

และเมื่อครบ 100 วันที่เราตาย
ทวารบาลจะนำวิญญานเราไปส่งแดนพิพากษา และเราจะถูกพิพากษาอยู่ 3-7 วันต่อ 1 ดวงวิญญาน
โดยการเริ่มอ่านบุญบาปจะเริ่มอ่านตั้งแต่เราปฏิสนธิในท้องแม่ จนลมหายใจสุดท้าย เมื่อฟังแล้วจบแล้ว วิญญานเราจะตกสู่ขุมนรก ยกเว้นพระโพธิสัตว์ที่จะได้เที่ยวดูนรก 36 ขุม และโลกมนุษย์ แล้วก็ได้ไปสวรรค์บำเพ็ญต่อและโปรดเวไนยสัตว์ต่อไป 

ตกสู่ขุมนรกเพื่อชำระกรรม
วิญญานเราจะโดนพาไปทรมานตามกรรมที่เราก่อ กรรมเล็ก กรรมใหญ่ คือ ถ้าเราทำผิดศีล 5 มันตกนรกอยู่แล้ว ทำไปกี่ครั้งก็ต้องโดนลงโทษตามจำนวน
ที่ทำไป และเมื่อชำระจนจบหมดสิ้นให้เราดวงจิตสะอาด จะมีเทวบาลดูบัญชีบุญและจึงจะไปสู่ประตูสวรรค์ จะมีเทวดาพาไปอยู่ตามชั้นที่ควรอยู่
ส่วนของการคิดบุญ คือ คิดเป็นครั้ง และ อยู่เป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหม ตามภพภูมินั้นต่อไป แต่จะยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ยกเว้น จะเป็นพระโพธิสัตว์

จะทำอย่างไรเพื่อสะสมบุญให้ได้มากๆ
1.นั่งกรรมฐานทุกวัน 
2.ถือศีล 5 
3.ถ้ากินเนื้อสัตว์อยู่ ให้ระลึกก่อนกิน ขออโหสิกรรม เราขอบคุณที่เป็นอาหารให้เรา ขอให้ท่านเป็นประโยชน์แก่เรา และได้อานิสงค์ผลบุญกับเราเวลาเราสร้างบุญนะ
 

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เราก็สรุปจากที่ฟังอาจารย์เจมาอีกครั้ง เราไม่ได้ขอให้ทุกคนเชื่อทั้งหมด แต่ถ้าเราอ่านแล้ว เชื่อแล้ว
มันทำให้เราเป็นคนดี ไม่กล้าทำบาป เราก็จงเชื่อเถอะค่ะ เพื่อเตรียมพร้อมที่สุดสำหรับเดินทางไกลหลังจากตายไปนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่