ลงทุนรอบด้านต้องยกตำแหน่งให้เค้าเลย..ล่าสุด GULF-ไบแนนซ์ จ่อตั้งศูนย์เทรดคริปโต!!

เรื่องการลงทุน ต้องยกตำแหน่งให้ GULF เค้าเลย รอบด้านทุกธรุกิจจริงๆ จากเมื่อปีที่แล้วประกาศ ซื้อหุ้น Advance ไป แถมมีการลงทนุต่อกับ SCBX แว่วๆ มีเรื่องโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่เชียงใหม่ พร้อมทุกบริการ และธุรกิจหลายๆประเภทจริงๆ ล่าสุดเองทาง GULF - ไบแนนซ์ จ่อตั้งศูนย์เทรด “คริปโต”
ทุ่มงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้าน รุกธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 75%

จากข่าววันที่ 3 มีนาคม 2565 นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยความคืบหน้า โครงการลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ว่า ภายหลังจากที่ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้น 100% ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ MOU กับไบแนนซ์ (Binance)



ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะได้ข้อสรุปและสามารถตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ภายในไตรมาส 2 ปี 2565 เบื้องต้นอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ขณะที่ธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัท ประกอบด้วยโครงการลงทุนใน บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) มีเป้าหมายเพื่อกระจายโครงสร้างธุรกิจ จากเดิมที่อยู่ในธุรกิจพลังงาน รวมถึงเป็นการขยายจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานไปยังธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อีกทั้งช่วยเสริมสร้างฐานกำไรของบริษัท โดยคาดว่าจะรับรู้กำไรจาก INTUCH ปีละ 4.5-5 พันล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอปีละ 4 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) มูลค่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 75% หรือ 7.5 หมื่นล้านบาท โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติ 10% หรือ 1 หมื่นล้านบาท ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 10% หรือ 1 หมื่นล้านบาท และธุรกิจดิจิทัล 5% หรือ 5 พันล้านบาท โดยงบลงทุนส่วนใหญ่ที่จะใช้ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของบริษัทที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2573
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ สัดส่วนรายได้ของธุรกิจของบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยธุรกิจไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 80% ธุรกิจดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15% และอีก 5% มาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน จากปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วนสูงสุดที่ 90%

นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ส่งผลให้คาดว่ารายได้ปี 2565 จะเติบโต 60% อยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้ 5.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ ราคาก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบกับบริษัท ซึ่งอยู่กับขนาด ประเภทของโรงไฟฟ้า บริษัทยังสามารถส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปกติ แทบจะไม่มีผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีแผนซื้อขายคาร์บอนเครดิต ส่วนธุรกิจอีวีนั้นไม่มีแผนโดยตรง แต่จะเข้าไปเกี่ยวเนื่องในส่วนของพลังงานสะอาด

เดี่ยวมารอลุ้นกันว่าเป้าหมายที่ทาง GULF ได้วางไว้ จะนำมาสู่กลุ่มฐานลูกค้า บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ด้วยหรือไม่ เพราะอย่างน้อยก็มีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอยู่ด้วยแล้ว ง่ายต่อการสารต่อและสื่อสาร เรื่องการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีฐานลูกค้าที่ใช้งานออนไลน์ด้านมือถือ หรือเน็ตบ้าน ในชีวิตประจำวันอยู่ ว่าจะมีการเสนอหรือนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ประโชยน์ในด้านใดได้บ้างอีกด้วย

ขอบคุณภาพและข่าวจาก 
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-878249
https://www.bangkokbiznews.com/business/983389

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่