สัญญารองเท้าบาสจะเเบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ:
ประเภทที่ 1: Signature Shoe Deal
มีผู้เล่นเเค่ 17 คนที่มีสัญญาประเภทนี้ซึ่งหมายถึงพวกเขาจะมีเเบรนด์รองเท้าเป็นของตัวเองเลย กระบวนการเจรจา signature shoe deal จะค่อนข้างยุ่งยากเเละกินเวลายาวนานถึง 16-24 เดือนโดยจะมี:
• เงินค่าจ้าง (base salary) อยู่ที่ปีละ $5-15 ล้าน
• เงินโบนัสพิเศษเวลามีชื่อติดได้รางวัลต่างๆ เช่น MVP, All-NBA โดยตัวเลขจะอยู่ที่หลักเเสนถึงหลักล้าน
• ค่า royalty ส่วนเเบ่งยอดขายสินค้าอีกราวๆ 5-8%
• ได้สินค้ามาใช้ฟรีเช่นเสื้อผ้า, รองเท้าที่สามารถเอามาใช้เองหรือเอาไปเเจกจ่ายให้กับคนข้างเคียงก็ได้
ระหว่างที่มีการรอรองเท้าผลิตออกมา ผู้เล่นก็ต้องติดต่อกับบริษัทเป็นระยะๆ เพื่อออกความเห็นในเรื่องของดีไซน์, สีรองเท้าเเละต้องยอมสละเวลามาเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ตามที่บริษัทกําหนดด้วย
LeBron James มีรองเท้า Nike ที่ผลิตออกมาปีละหลายรุ่นทําให้เขาได้รับทั้ง base salary, bonus เเละค่า royalty มูลค่ามหาศาลทุกปี
มีผู้เล่นในลีก NBA ราวๆ 65% ที่ใส่ signature shoe ลงสนามโดยรองเท้ารุ่น Kyrie หรือ Kobe จะได้รับความนิยมมากที่สุดเเละอีกราวๆ 20 คนจะใส่รองเท้า Adidas รุ่น Dame 4s ของ Damian Lillard
ประเภทที่ 2: Cash Deal
มีผู้เล่นในลีกราวๆ 70-100 คนที่มีสัญญาประเภทนี้โดยพวกเขาจะได้รับ:
• เงินสดราว $200,000-$2 ล้าน
• ได้ตัวอย่างสินค้ามาใช้ฟรี
คนที่จะได้รับ cash deal มักจะไม่ใช่ superstar เเต่ก็ยังถึอว่าดังในระดับนึงเช่น Bradley Beal พวกนี้จะไม่มี signature shoe เป็นของตัวเองเเต่บริษัทอาจตอบเเทนบางคนด้วยการผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษมาให้ซึ่งจะเรียกว่ารุ่น PE หรือ Player Exclusive
การที่จะมีรองเท้า PE เป็นของตัวเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเเละเเต่ละเเบรนด์ก็มีข้อกําหนดในการให้ไม่เหมือนกันเช่นยี่ห้อ Jordan จะผลิด PE ให้กับคนมี cash deal ที่เคยได้เเชมป์ลีก
ส่วน Nike จะให้ PE กับคนที่เป็น top picks หรือเคยมีชื่อติดทีม All-Star เช่น Ben Simmons
คนที่มีสัญญาเเบบ cash deal ส่วนใหญ่จะไม่ต้องทําอะไรมากนอกจากใส่รองเท้ายี่ห้อนั้นลงเล่นบาสเเละห้ามใส่ยี่ห้ออื่น พวกเขาไม่จําเป็นต้องมาร่วมทําโฆษณาหรือโชว์ตัวอะไรนอกจากจะมีข้อตกลงกําหนดในสัญญา
ประเภทที่ 3: Merch Deal
สัญญาประเภทนี้จะเจอบ่อยที่สุด ผู้เล่นจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างเเต่จะได้สินค้าตัวอย่างเเละเครดิตในการซื้อสินค้าของบริษัทมาใช้ได้ฟรีโดยมูลค่าของเครดิตจะไม่เกินปีละ $25,000
คนที่ได้ merch deal มักจะเป็นพวก big man หรือตัวสํารองธรรมดาเนื่องจากเป็นที่เชื่อกันว่า big man ขายสินค้าไม่ได้
มีกฏบังคับไว้ว่าผู้เล่นต้องใช้เครดิตสินค้าของบริษัทให้หมดภายในวันที่ 30 กันยาทําให้มักจะมีการเเห่ไป shopping ส่งท้าย summer ทุกปีก่อนที่เครดิตจะหมดอายุเเละเอาสินค้าที่ได้มาไปเเจกจ่ายหรือบริจาคให้กับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเก่าของตัวเอง
บริษัทรองเท้ามักจะเริ่มว่าจ้างรุกกี้หลังจบงานดราฟต์เพราะพวกเขาอยากจะรอดูก่อนว่านักบาสคนนั้นจะเซ็นกับทีมไหนเเละมักจะเซ็นกันยาว 4-5 ปี ถ้าใครได้เซ็นกับตลาดใหญ่อย่าง New York หรือเเอลเอเเละได้เป็น top pick ก็จะได้เงินเยอะหน่อย
“ผมเคยเห็น top pick บางคนได้ cash deal ปีละ $2 ล้านเเต่พอบริษัทเห็นว่าพวกเขาเล่นไม่ค่อยดีหรือไม่น่าจะดังมากก็จะลดระดับสัญญามาเป็น merch deal ในฉบับถัดมา”ผู้เชี่ยวชาญตลาดรองเท้ารายนึงกล่าว
Puma เคยกว้านเซ็นสัญญากับ Marvin Bagley III, Deandre Ayton, Michael Porter Jr., Kevin Knox เเละ Zhaire Smith ในปี 2018 ซึ่งถือว่าทําพลาดเพราะพวกเขาไม่ได้ทุ่มเอาตัว Luka Doncic หรือ Trae Young มาเลยถูกบริษัทอื่นคาบไปกินเเละผลตอบเเทนจากตัวที่ได้มาก็ดูไม่ค่อยคุ้มค่ามากนัก
Credit: Hoopshype
🏀 ตลาดรองเท้าบาส: Sneaker Free Agency
ประเภทที่ 1: Signature Shoe Deal
มีผู้เล่นเเค่ 17 คนที่มีสัญญาประเภทนี้ซึ่งหมายถึงพวกเขาจะมีเเบรนด์รองเท้าเป็นของตัวเองเลย กระบวนการเจรจา signature shoe deal จะค่อนข้างยุ่งยากเเละกินเวลายาวนานถึง 16-24 เดือนโดยจะมี:
• เงินค่าจ้าง (base salary) อยู่ที่ปีละ $5-15 ล้าน
• เงินโบนัสพิเศษเวลามีชื่อติดได้รางวัลต่างๆ เช่น MVP, All-NBA โดยตัวเลขจะอยู่ที่หลักเเสนถึงหลักล้าน
• ค่า royalty ส่วนเเบ่งยอดขายสินค้าอีกราวๆ 5-8%
• ได้สินค้ามาใช้ฟรีเช่นเสื้อผ้า, รองเท้าที่สามารถเอามาใช้เองหรือเอาไปเเจกจ่ายให้กับคนข้างเคียงก็ได้
ระหว่างที่มีการรอรองเท้าผลิตออกมา ผู้เล่นก็ต้องติดต่อกับบริษัทเป็นระยะๆ เพื่อออกความเห็นในเรื่องของดีไซน์, สีรองเท้าเเละต้องยอมสละเวลามาเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ตามที่บริษัทกําหนดด้วย
LeBron James มีรองเท้า Nike ที่ผลิตออกมาปีละหลายรุ่นทําให้เขาได้รับทั้ง base salary, bonus เเละค่า royalty มูลค่ามหาศาลทุกปี
มีผู้เล่นในลีก NBA ราวๆ 65% ที่ใส่ signature shoe ลงสนามโดยรองเท้ารุ่น Kyrie หรือ Kobe จะได้รับความนิยมมากที่สุดเเละอีกราวๆ 20 คนจะใส่รองเท้า Adidas รุ่น Dame 4s ของ Damian Lillard
ประเภทที่ 2: Cash Deal
มีผู้เล่นในลีกราวๆ 70-100 คนที่มีสัญญาประเภทนี้โดยพวกเขาจะได้รับ:
• เงินสดราว $200,000-$2 ล้าน
• ได้ตัวอย่างสินค้ามาใช้ฟรี
คนที่จะได้รับ cash deal มักจะไม่ใช่ superstar เเต่ก็ยังถึอว่าดังในระดับนึงเช่น Bradley Beal พวกนี้จะไม่มี signature shoe เป็นของตัวเองเเต่บริษัทอาจตอบเเทนบางคนด้วยการผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษมาให้ซึ่งจะเรียกว่ารุ่น PE หรือ Player Exclusive
การที่จะมีรองเท้า PE เป็นของตัวเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเเละเเต่ละเเบรนด์ก็มีข้อกําหนดในการให้ไม่เหมือนกันเช่นยี่ห้อ Jordan จะผลิด PE ให้กับคนมี cash deal ที่เคยได้เเชมป์ลีก
ส่วน Nike จะให้ PE กับคนที่เป็น top picks หรือเคยมีชื่อติดทีม All-Star เช่น Ben Simmons
คนที่มีสัญญาเเบบ cash deal ส่วนใหญ่จะไม่ต้องทําอะไรมากนอกจากใส่รองเท้ายี่ห้อนั้นลงเล่นบาสเเละห้ามใส่ยี่ห้ออื่น พวกเขาไม่จําเป็นต้องมาร่วมทําโฆษณาหรือโชว์ตัวอะไรนอกจากจะมีข้อตกลงกําหนดในสัญญา
ประเภทที่ 3: Merch Deal
สัญญาประเภทนี้จะเจอบ่อยที่สุด ผู้เล่นจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างเเต่จะได้สินค้าตัวอย่างเเละเครดิตในการซื้อสินค้าของบริษัทมาใช้ได้ฟรีโดยมูลค่าของเครดิตจะไม่เกินปีละ $25,000
คนที่ได้ merch deal มักจะเป็นพวก big man หรือตัวสํารองธรรมดาเนื่องจากเป็นที่เชื่อกันว่า big man ขายสินค้าไม่ได้
มีกฏบังคับไว้ว่าผู้เล่นต้องใช้เครดิตสินค้าของบริษัทให้หมดภายในวันที่ 30 กันยาทําให้มักจะมีการเเห่ไป shopping ส่งท้าย summer ทุกปีก่อนที่เครดิตจะหมดอายุเเละเอาสินค้าที่ได้มาไปเเจกจ่ายหรือบริจาคให้กับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเก่าของตัวเอง
บริษัทรองเท้ามักจะเริ่มว่าจ้างรุกกี้หลังจบงานดราฟต์เพราะพวกเขาอยากจะรอดูก่อนว่านักบาสคนนั้นจะเซ็นกับทีมไหนเเละมักจะเซ็นกันยาว 4-5 ปี ถ้าใครได้เซ็นกับตลาดใหญ่อย่าง New York หรือเเอลเอเเละได้เป็น top pick ก็จะได้เงินเยอะหน่อย
“ผมเคยเห็น top pick บางคนได้ cash deal ปีละ $2 ล้านเเต่พอบริษัทเห็นว่าพวกเขาเล่นไม่ค่อยดีหรือไม่น่าจะดังมากก็จะลดระดับสัญญามาเป็น merch deal ในฉบับถัดมา”ผู้เชี่ยวชาญตลาดรองเท้ารายนึงกล่าว
Puma เคยกว้านเซ็นสัญญากับ Marvin Bagley III, Deandre Ayton, Michael Porter Jr., Kevin Knox เเละ Zhaire Smith ในปี 2018 ซึ่งถือว่าทําพลาดเพราะพวกเขาไม่ได้ทุ่มเอาตัว Luka Doncic หรือ Trae Young มาเลยถูกบริษัทอื่นคาบไปกินเเละผลตอบเเทนจากตัวที่ได้มาก็ดูไม่ค่อยคุ้มค่ามากนัก
Credit: Hoopshype