JJNY : ก้าวไกล-พปชร.ซัดกันแต่เช้า│ชี้หยุดรายงานรายวัน ผิดรธน.│รัสเซีย-ยูเครนปะทะ ฉุดตลาดนทท.│อียูยกระดับคว่ำบาตรรัสเซีย

ก้าวไกล-พปชร.ซัดกันแต่เช้า “ธีรัจชัย”ข้องใจ แค่พูดเปรียบเทียบร่างฯ ถูกจวกไม่มีมารยาท
https://www.matichon.co.th/politics/news_3202163

วุ่นแต่เช้า ก.ก.-พปชร.ซัดกันนัว “ธีรัจชัย ” ข้องใจ ทำไมอภิปรายเปรียบร่างฯกม.พรรคการเมืองแล้วถูกกล่าวหาไม่มีมารยาท ด้าน “อรรถกร” สวน แค่ดูมารยาทไม่ดีเท่าไร
 
เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง(ฉบับที่..) พ.ศ…. จำนวน 6 ฉบับ โดยเป็นการพิจารณาต่อเนื่องวันที่ 2 ซึ่งการประชุมวันแรก ผู้เสนอร่างฯ ได้นำเสนอเหตุผลและหลักการทั้ง 6 ฉบับเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้สมาชิกรัฐสภา อภิปรายแสดงความคิดเห็นไปบางส่วนแล้วนั้น
 
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเข้าสู่วาระการประชุมนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ลุกขึ้นหารือว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 24  กุมภาพันธ์ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้อภิปรายเปรียบเทียบร่างทั้ง 6 ร่าง ทำให้เกิดการประท้วงและมีวิวาทะกันว่าสามารถที่จะอภิปรายเปรียบเทียบร่างอื่นที่ไม่ใช่ร่างของพรรคตัวเองเสนอได้หรือไม่ ซึ่งตนได้ตรวจดูข้อบังคับข้อที่ 87 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น บัญญัติว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาระที่ 1 ให้รัฐสภาพิจารณาและลงมติว่าจะรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ข้อบังคับเขียนไว้กว้างมาก ว่าสามารถพิจารณาได้ทุกร่าง ไม่ใช่เฉพาะร่างที่เฉพาะฝ่ายตนเองเสนอเท่านั้น หรือว่าร่างที่เป็นร่างของกฎหมายเดิมที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งประธานที่ประชุมจะมีแนวทางอย่างไรในการพิจารณา เพราะยังไม่เคยมีประเพณีใดหรือการอภิปรายครั้งใดห้ามไม่ให้อภิปรายร่างใดร่างหนึ่งเปรียบเทียบกัน
 
ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พยายามลุกขึ้นประท้วง แต่นายพรเพชร ขอดำเนินการตามระเบียบวาระ จากนั้นเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม และนายอรรถกร จึงได้อภิปรายว่า ไม่คิดว่าสมาชิกจะนำประเด็นนี้ขึ้นมาพูดในช่วงเช้าวันนี้ แต่ยืนยันว่าเมื่อคืนประธานทำหน้าที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งตนเห็นด้วยที่ว่าสมาชิกไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ เป็นหน้าที่ของประธานที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมการประชุม แต่การนำร่างฯของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเพียง 2 ร่างทั้งที่เราพิจารณาถึง 6 ร่าง ซึ่งพวกตนมองว่ามารยาททางการเมืองดูไม่ดีสักเท่าไร และมารยาทถือเป็นสิ่งสำคัญ
 
นายธีรัจชัย ลุกขึ้นมาตอบโต้และขอให้ถอนเรื่องมารยาททางการเมือง และต้องให้เหตุผลว่าไม่มีมารยาทอย่างไร การทำหน้าที่ส.ส.เพื่อประโยชน์ประชาชนกับข้อบังคับสิ่งใดสำคัญกว่ากัน
 
จึงทำให้นายอรรถกร ลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมแย้งว่า ไม่ได้บอกว่าเสียมารยาท แต่ดูเป็นมารยาทที่ไม่ดี
 
จากนั้นนายพรเพชร วินิจฉัยว่า การไปว่าไม่มีมารยาทเป็นคำพูดที่ไม่รุนแรงมาก เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้การประชุมรัฐสภาราบรื่น ไม่ถึงกับเป็นการกล่าวต่อว่ารุนแรง ส่วนที่นายพิจารณ์ กล่าวถึงร่างของพรรคร่วมรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะพูดได้ แต่เมื่อไปพาดพิงอีกฝ่าย เขาก็ย่อมมีสิทธิ์โต้แย้งโต้เถียง ตนจึงขอหาทางออกว่าท่านไปโต้แย้งกันในชั้นกรรมาธิการไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นเพื่อให้การพิจารณาของรัฐสภาราบรื่น ถ้าไปวิจารณ์เขา เขาก็วิจารณ์ตอบ โต้เถียงกันไปมา อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อว่ากันเลย
 
นายธีรัจชัย ยังลุกขึ้นโต้แย้งต่อว่า ตนยังเข้าใจคาดเคลื่อนกับประธานฯเรื่องการมีมารยาทเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้ามีใครมาต่อว่าประธานฯว่าวินิจฉัยแบบนี้ไม่มีมารยาทบ้าง จะรู้สึกอย่างไร ทำให้นายพรเพชรต้องขอร้องว่า ยุติแค่นี้เถอะ แต่นายธีรัจชัย ยืนยันขอให้ถอนคำพูด
  
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นท้วงติงว่า วันนี้มีกฎหมายเข้ามา 6 ฉบับจะพูดถึงฉบับใดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าพาดพิงบุคคลก็มีสิทธิ์โต้แย้ง ขอให้ประธานยึดหลักให้มั่น
 
ก่อนที่นายพรเพชร พยายามควบคุมการประชุมให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย และเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป



นพ.ธีระ ชี้ หยุดรายงานผู้ติดเชื้อรายวัน ผิดรัฐธรรมนูญ เป็นแนวคิดอันตราย
https://www.nationtv.tv/news/378864861
 
นพ.ธีระ ยก รัฐธรรมนูญ-ประมวลกฎหมายอาญา ระบุ การหยุดรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ผิดกฎหมาย เป็นแนวคิดอันตรายต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในสังคม
 
25 กุมภาพันธ์ 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat " ระบุ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 59 รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะ หลังนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า อาจจะไม่มีการรายงานผลติดเชื้อ (คลิกอ่านรายละเอียดที่นี่) โดยระบุว่า
  
ทะลุ 431 ล้านแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,707,438 คน ตายเพิ่ม 8,709 คน รวมแล้วติดไปรวม 431,594,305 คน เสียชีวิตรวม 5,945,912 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน เกาหลีใต้ รัสเซีย บราซิล และตุรกี จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 97.57 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 98.03
  
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 48.33 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 37.17 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
  
...รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560
 
มาตรา 59 รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐหรือเป็นความลับของทางราชการ ตามที่กฎหมายบัญญัติและต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก
  
...ประมวลกฎหมายอาญา
 
มาตรา 157 บัญญัติว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่1 ปี ถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  
...ในยามวิกฤติที่มีการระบาดของโรค
 
ข้อมูลสถานการณ์การระบาด อันรวมถึงการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ จำนวนคนป่วย จำนวนคนเสียชีวิต ถือเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ประชาชนทุกคนในสังคมรู้เท่าทันสถานการณ์ ตระหนักถึงความสำคัญในการระแวดระวัง ป้องกันตัวอย่างถูกต้องเหมาะสม
  
แต่หากเปิดเท่าที่อยากเปิด ไม่เปิดเผยข้อมูลข้างต้น ย่อมมีโอกาสส่งผลให้คนในสังคมไม่ทราบสถานการณ์จริง เข้าใจผิด ละเลยเพิกเฉย และหากวิกฤติมาก ก่อนที่จะรู้ตัว ก็อาจติดเชื้อ ป่วย หรือเสียชีวิตไป และ/หรือแพร่เชื้อต่อให้สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนอื่นในสังคมไปจำนวนมาก
  
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบหลัก ของหน่วยงานรัฐด้านสาธารณสุข ที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดเพียงพอให้แก่ประชาชน มิใช่ใช้อำนาจหน้าที่ตัดสินใจเปิดสิ่งที่อยากเปิดตามใจชอบ จะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม
  
นี่คือหลักการที่ควรพิจารณา และยังสามารถเห็นได้จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่เปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียด เพราะเน้นการดูแลให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตคนในสังคม
 
...RT-PCR และ ATK 

ต้องทำความเข้าใจให้ดีว่า การรายงานเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยันจาก RT-PCR นั้นถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าสถานการณ์จริงอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันมีการสนับสนุนให้ใช้ ATK เป็นหลัก และหากตรวจเป็นผลบวก ก็มีการนำเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาตามกระบวนการที่กำหนด ทั้งนี้คนที่จะได้รับการตรวจ RT-PCR ในปัจจุบันนั้นมีจำกัด แม้จะมีคนที่ตรวจได้ผลบวกจาก ATK ไปตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ซ้ำ ก็มักเป็นคนที่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน เช่น อาการหนัก หรือคนที่มีเศรษฐานะ ซึ่งแนวโน้มเป็นสัดส่วนที่น้อยในสังคม
  
นอกจากนี้การติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ก็มีข้อมูลทางการแพทย์ชัดเจนว่ารุนแรงน้อยกว่าเดลตา โอกาสที่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการ และมีอาการน้อย มีสัดส่วนที่สูงกว่าครึ่ง ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงที่ตรวจ ATK เป็นบวกแล้ว จะไม่สามารถเข้าถึงบริการ RT-PCR ได้ โอกาส overlap กันจึงมีน้อย
  
หน้าที่ของรัฐจึงจำเป็นต้องรายงานทั้งจำนวนการตรวจและจำนวนผู้ติดเชื้อจากวิธี RT-PCR และจำนวนการตรวจและจำนวนที่ได้ผลบวกจาก ATK ออกมาพร้อมกัน เพื่อให้ประชาชนได้ทราบสถานการณ์และประเมินได้ว่าสถานการณ์จริงมีลักษณะเป็นเช่นไร
 
สรุป...
 
การจะหยุดรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน จึงเป็นแนวคิดที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในสังคม และการรายงานเพียงจำนวนติดเชื้อยืนยันจาก RT-PCR เพียงอย่างเดียว จึงถือเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าสถานการณ์จริง
  
ระบบเก็บข้อมูลและรายงานข้อมูลที่ดี จึงต้องนำเสนอข้อมูลอย่างละเอียด หากเป็นสองระบบ ก็รายงานออกมาให้หมด หน้าที่ที่ต้องทำคือ หากกังวลว่าจะ overlap ก็ต้องพัฒนากระบวนการเก็บข้อมูล ตรวจสอบจากผู้ตรวจ หรือผู้ป่วยว่ามีการตรวจสองวิธีพร้อมกันมากน้อยเพียงใด และรายงานออกมาให้ทราบ ไม่ใช่อ้างว่ามีโอกาส overlap แล้วเลือกรายงานเฉพาะสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าต่ำกว่าความเป็นจริง
 
สถานการณ์วิกฤติ หน้าสิ่วหน้าขวาน ฉายภาพที่สวยงามทั้งที่กำลังแย่ คนจะไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ และไม่สามารถตัดสินใจปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องตามสถานการณ์
...เปิดเท่าที่อยากเปิด ไม่เท่ากับ โปร่งใส...
...เปิดเท่าที่อยากเปิด ไม่เท่ากับ ไม่ปกปิด...
 
สังคมจะอยู่รอดปลอดภัย ต้องทำให้ประชาชนรู้เท่าทันสถานการณ์ เข้าถึงข้อมูลละเอียด ทำความเข้าใจอย่างถูกต้องถี่ถ้วน และนำความรู้ไปใช้ตัดสินใจประพฤติปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ตนเองเผชิญ นี่คือภูมิคุ้มกันระยะยาว และยั่งยืน...

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223943231001119
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่