สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
คุณตัดสินใจพลาดหลายเรื่อง
1. ผ่อนบ้าน ให้ที่บ้านโดยที่คุณไม่ได้อยู่ และคุณจะต้องผ่อนแบบนี้ไปจนจบ ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายสิบปี และพึ่งผ่อนไปได้แค่ 2 ปี
2. บอกให้ผู้หญิงผ่อนบ้าน ดีกว่าเช่า ซึ่งผ่อนบ้านมันมีค่าใช้จ่าย อย่างอื่นอีก ค่าใช้จ่ายก็ตามที่คุณพิมพ์มา ปัญหาทีนี้คือ เงินไม่พอใช้ ผ่อนบ้านไม่เหมือนเช่าบ้าน ไหวไม่ไหวก็ต้องผ่อนเหมือนเดิม เช่า รายได้ลด ก็หาห้องเช่า ลดค่าใช้จ่าย
3. เค้ามีลูกติดด้วย คุณต้องดูแล 2 คน แฟนกับ ลูกติด จะเลือกแฟนอย่างเดียวไม่ได้ อีกหน่อยลูกค้าเข้ามหาลัย ต้องใช้เงิน หากแฟนคุณมีปัญหาการเงิน คุณก็จะต้องช่วยเหลือ
เงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น หามาจ่ายไม่ทัน ปัญหาครอบครัวจะเกิดทันที
ก่อนหน้าเค้าอยู่กับพ่อแม่เค้า ค่าเช่าบ้านไม่มี พอมาอยู่กับคุณมีค่าเช่าบ้าน และตอนนี้เป็นค่าผ่อนบ้าน โดยที่เค้าผ่อนคนเดียว
1. ผ่อนบ้าน ให้ที่บ้านโดยที่คุณไม่ได้อยู่ และคุณจะต้องผ่อนแบบนี้ไปจนจบ ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายสิบปี และพึ่งผ่อนไปได้แค่ 2 ปี
2. บอกให้ผู้หญิงผ่อนบ้าน ดีกว่าเช่า ซึ่งผ่อนบ้านมันมีค่าใช้จ่าย อย่างอื่นอีก ค่าใช้จ่ายก็ตามที่คุณพิมพ์มา ปัญหาทีนี้คือ เงินไม่พอใช้ ผ่อนบ้านไม่เหมือนเช่าบ้าน ไหวไม่ไหวก็ต้องผ่อนเหมือนเดิม เช่า รายได้ลด ก็หาห้องเช่า ลดค่าใช้จ่าย
3. เค้ามีลูกติดด้วย คุณต้องดูแล 2 คน แฟนกับ ลูกติด จะเลือกแฟนอย่างเดียวไม่ได้ อีกหน่อยลูกค้าเข้ามหาลัย ต้องใช้เงิน หากแฟนคุณมีปัญหาการเงิน คุณก็จะต้องช่วยเหลือ
เงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น หามาจ่ายไม่ทัน ปัญหาครอบครัวจะเกิดทันที
ก่อนหน้าเค้าอยู่กับพ่อแม่เค้า ค่าเช่าบ้านไม่มี พอมาอยู่กับคุณมีค่าเช่าบ้าน และตอนนี้เป็นค่าผ่อนบ้าน โดยที่เค้าผ่อนคนเดียว
ความคิดเห็นที่ 24
คุณไปแนะนำให้เค้าซื้อบ้าน พอเค้าซื้อ ก็ช่วยแค่ค่าน้ำค่าไฟ แล้วไปอยู่ฟรีๆไม่จ่ายค่าเช่า อันนี้ก็เอาเปรียบไปหน่อยเนอะ แถมไปแนะนำให้คนอื่นเป็นหนี้อีก ถ้าเรามองในแง่ศีลธรรมเราว่าก็สีเทาๆ
ถ้าคิดเป็นครอบครัว ก็ช่วยเค้าผ่อนบ้าน แล้วทำให้บ้านเป็นทรัพย์สินร่วมซะ ถ้าไม่ ก็แยกย้าย เพราะเราว่าไปอยู่ฟรีๆ ช่วยจ่ายโน่นนี่นิดหน่อย มันก็เอาเปรียบไปหน่อย ค่าซ่อมบ้านหรืออะไรๆมันจ่ายเป็นครั้งๆนานๆที ค่าน้ำค่าไฟก็นิดเดียว ปกติคนเช่าบ้านใน กทม หลังนึงต่อเดือน ชานเมืองก็มีสามหมื่นอัพนะ แต่ถ้าทาวเฮ้าอาจจะถูกกว่านี้
ถ้าคิดเป็นครอบครัว ก็ช่วยเค้าผ่อนบ้าน แล้วทำให้บ้านเป็นทรัพย์สินร่วมซะ ถ้าไม่ ก็แยกย้าย เพราะเราว่าไปอยู่ฟรีๆ ช่วยจ่ายโน่นนี่นิดหน่อย มันก็เอาเปรียบไปหน่อย ค่าซ่อมบ้านหรืออะไรๆมันจ่ายเป็นครั้งๆนานๆที ค่าน้ำค่าไฟก็นิดเดียว ปกติคนเช่าบ้านใน กทม หลังนึงต่อเดือน ชานเมืองก็มีสามหมื่นอัพนะ แต่ถ้าทาวเฮ้าอาจจะถูกกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 25
อะไรใดๆ ที่ไม่ใช่ชื่อเรา เราไม่จ่ายค่ะ
กรณีคุณถ้าเป็นการตกลงไว้ก่อนแล้ว ว่าถ้าเขาซื้อบ้าน คุณจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านก็เป็นไปตามนั้น
มาถึงตอนนี้ ถ้าแฟนอยากให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากขึ้น แล้วคุณไม่ไหว มันก็ไม่ใช่ความผิดคุณนะ เพราะคุณก็บอกข้อจำกัดไว้แต่แรก ถ้าแฟนคุณไม่โอเค ก็ไม่น่าจะซื้อบ้านแต่แรก
และหากอยากให้มีการการช่วยมากกว่านี้ เราก็ต้องมีสิทธิเป็นเจ้าของบ้านด้วย ไม่ใช่ผ่อนแทบตาย กลายเป็นสมบัติของลูกแฟนฝ่ายเดียว
สำหรับกรณีคุณ ถ้าตกลงไม่ได้ คุณไม่มีเงินมากพอ คุณลองเปิดใจคุยดู ถ้ายังจะไปกันต่อก็หาทางจัดการอะไรให้เรียบร้อยอย่างจดทะเบียน ไปคุยกับธนาคารเรื่องสัญญา คือทำอะไรให้มันชัดเจนไปเลย ไม่แน่ใจคุณรีไฟแนนซ์รึยัง ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้าน จากเดิมที่คุณรับผิดชอบก็ให้แฟนคุณหารรับไปด้วย เงินไม่พอก็ช่วยกันหาเพิ่ม
ซึ่งถ้าเป็นเราแล้วแฟนมาบังคับทีหลัง เราคงไม่ขายบ้านเราหรอก
คุณลองถามใจตัวเอง มันตึงมือไปหมดแบบนี้ แฟนมาใช้คำว่าครอบครัวให้คุณจ่ายเพิ่ม คุณจะขายบ้านตัวเอง ไปช่วยคนอื่นผ่อนบ้านที่ตัวเองไม่มีสิทธิ แบบนี้ไม่ตลกเหรอ
ปล. มันจะตลกมากเลยนะ ถ้าคุณขายบ้านตัวเองที่ครอบครัวช่วยจ่าย แล้วพาครอบครัวมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ถูกกัน บ้านไม่ใช่ของคุณ ต่อให้คุณกับแฟนรักกันจริง วันหนึ่งเกิดแฟนเป็นอะไรไป ลูกติดกับครอบครัวคุณไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ไล่คุณออกไปอยู่ที่อื่นน่ะสิเรื่องแปลก
กรณีคุณถ้าเป็นการตกลงไว้ก่อนแล้ว ว่าถ้าเขาซื้อบ้าน คุณจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านก็เป็นไปตามนั้น
มาถึงตอนนี้ ถ้าแฟนอยากให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากขึ้น แล้วคุณไม่ไหว มันก็ไม่ใช่ความผิดคุณนะ เพราะคุณก็บอกข้อจำกัดไว้แต่แรก ถ้าแฟนคุณไม่โอเค ก็ไม่น่าจะซื้อบ้านแต่แรก
และหากอยากให้มีการการช่วยมากกว่านี้ เราก็ต้องมีสิทธิเป็นเจ้าของบ้านด้วย ไม่ใช่ผ่อนแทบตาย กลายเป็นสมบัติของลูกแฟนฝ่ายเดียว
สำหรับกรณีคุณ ถ้าตกลงไม่ได้ คุณไม่มีเงินมากพอ คุณลองเปิดใจคุยดู ถ้ายังจะไปกันต่อก็หาทางจัดการอะไรให้เรียบร้อยอย่างจดทะเบียน ไปคุยกับธนาคารเรื่องสัญญา คือทำอะไรให้มันชัดเจนไปเลย ไม่แน่ใจคุณรีไฟแนนซ์รึยัง ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้าน จากเดิมที่คุณรับผิดชอบก็ให้แฟนคุณหารรับไปด้วย เงินไม่พอก็ช่วยกันหาเพิ่ม
ซึ่งถ้าเป็นเราแล้วแฟนมาบังคับทีหลัง เราคงไม่ขายบ้านเราหรอก
คุณลองถามใจตัวเอง มันตึงมือไปหมดแบบนี้ แฟนมาใช้คำว่าครอบครัวให้คุณจ่ายเพิ่ม คุณจะขายบ้านตัวเอง ไปช่วยคนอื่นผ่อนบ้านที่ตัวเองไม่มีสิทธิ แบบนี้ไม่ตลกเหรอ
ปล. มันจะตลกมากเลยนะ ถ้าคุณขายบ้านตัวเองที่ครอบครัวช่วยจ่าย แล้วพาครอบครัวมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ถูกกัน บ้านไม่ใช่ของคุณ ต่อให้คุณกับแฟนรักกันจริง วันหนึ่งเกิดแฟนเป็นอะไรไป ลูกติดกับครอบครัวคุณไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ไล่คุณออกไปอยู่ที่อื่นน่ะสิเรื่องแปลก
แสดงความคิดเห็น
มีแฟนแต่แฟนอยากให้ช่วยผ่อนบ้าน เพราะอยากจะสร้างครอบครัวกับผม
แฟนผมก็มีบ้านพ่อบ้านแม่เค้านะครับจากปกติ ที่เค้ายังไม่คบกับผมเค้าก็อยู่กับพ่อแม่เค้า พ่อแม่ก็ชวนผมไปอยู่แต่แฟนผม อยากเป็นส่วนตัว เลยตัดสินใจ คุยกันว่าจะซื้อบ้านตกลงกัน ว่า เธอซื้อผ่อนบ้าน เดี๋ยวปมช่วยจ่ายค่าน่ำค่าไฟ ค่าวายฟายของใช้ ของกิน ในบ้าน เค้าก็ตกลง พอเริ่มเค้าปีที่ 3 ที่คบกับ เค้ากับถามกับผมว่า คำว่าครอบครัวคืออะไร สาเหตุคือ ตอนซื้อบ้านก็จะมีพวกต่อเติมบ้าน ครัว หลังคาหน้าบ้าน อะไรที่ผมพอที่จะช่วยจ่ายได้ ผมก็ข่วยนะครับ รวมๆแล้วก็เป็นแสนได้ เพราะต่อเติมหลังบ้าน หลังคาหน้าบ้านก็ 4 หมื่น ผมออก 25,000 เค้าออก 15,000 นอกนั้นบอกอย่างผมไม่ได้ตำหรอก เพราะผมข่วยไม่ได้คิดอะไร คิดว่าอยู่ด้วยกัน แต่เค้าอยากจะใช้คำว่าครอบครัวกับผมคืออยากให้ผมช่วยผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายผมมันตึงไปหมดเลย แล้วผมผิดไหมครับ ผมผิดอะๆร ให้คำนิยามของครอบครัวไม่ได้ ถามผมว่าคิดถึงอนาคตลูกเค้าไม๊ ไหนคำว่าครอบครัวช่วยกันสร้าง แล้วจะให้ผมขายบ้านที่เปนชื่อผม แล้วมาสร้าวครอบครัวกับเค้าแบบนี้ถูกหรือป่าวครับ ผมสับสนจริงๆ ถ้าผมขายบ้านแล้วคนที่บ้านผมจะอยู่ที่ไหน ผมเลยบอกว่าให้ทางบ้านผมมาอยู่ที่บ้านด้วยได้ไหม เค้าบอกว่าถ้าไม่กลัวมีปัญหากันก็มาได้ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง แล้วข้าวของบ้านโน้นจะเอาไปไว้ไหน แล้วครอบครัวผมเค้าตะคิดยังไง ช่วยบอกผมที่ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เป็นกระทู้แรกของผมเลยนะครับ