ผีห่วงน้อง
ล. วิลิศมาหรา
วันนี้อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนเหมือนทุกวัน แม้จะย่างเข้าสู่หน้าร้อนแล้วก็ตาม ไม่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง มีเพียงสายลมพัดพลิ้ว กระทบใบไม้ดั่งเสียงพิณ ผสมผสานกับเสียงนกกางเขนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้นอกตัวบ้าน ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี ทำให้บรรยากาศในยามนี้ดั่งต้องมนต์สะกด สิ่งมีชีวิตที่เร่าร้อนทั้งหลายสามารถเยือกเย็นลงได้อย่างน่าประหลาดใจ
หลิ่งหันมามองหน้าฮุ่ยน้องชายฝาแฝดของตน พวกเธอเกิดวันเดียวกัน เวลาต่างกันไปสิบสี่นาที เธอยิ้มให้น้อง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาให้กับน้องชายฝาแฝดของเธอ พวกเธอทั้งสองราวถูกฟ้ากำหนดมาให้เกิดพร้อมกัน อยู่ด้วยกัน รูปร่างหน้าตาก็คล้ายกัน ความสูงไม่ต่างกันเท่าไหร่ สิ่งที่ต่างออกไปก็คือหลิ่งเป็นเพศหญิง อีกอย่างคงเป็นสภาพจิตใจและสติปัญญาที่ล่าช้ากว่าวัยของน้องชายเธอ ที่นับวันมีแต่จะถดถอยลง น้องของหลิ่งไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เขาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แม้ว่าวัยของฮุ่ยจะล่วงพ้นนิติภาวะมาแล้วเช่นเดียวกับเธอ คงไว้เพียงกิจวัตรประจำวันของตัวเองเท่านั้น ที่เขาพอจะทำเองได้
กี่ปีแล้วนะที่เธอกับน้องชายมาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วยกัน หลังจากพ่อกับแม่มาด่วนตายไปจากอุบัติเหตุรถชน ทิ้งน้องชายผู้ซึ่งโตแต่ตัวเอาไว้กับเธอให้เลี้ยงดู ห้าปีเข้ามานี่แล้ว...
ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก กับการแค่หาข้าวปลามาให้น้องกิน เธออยู่กันตามประสาพี่น้อง เก็บผักเก็บหญ้ากินกันไปตามเรื่อง พอหาเนื้อหาปลามาเป็นอาหารได้บ้าง ถ้าหามาได้พี่ก็เอาให้น้องกิน ส่วนพี่ก็กินเพียงข้าวเปล่า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถึงยังไงมันก็ช่วยให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน ดังนั้นเรื่องหาข้าวปลามากินจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญของเธอ ขยันทำงานเข้าหน่อย ไม่นานก็พอมีค่าเช่าบ้าน มีเงินเอาไปซื้อข้าวสารมากิน เรื่องใหญ่สำหรับเธอก็คือ ไอ้พวกอันธพาลในหมู่บ้านสองคนนั้นต่างหาก ที่ชอบมารังควานเธอกับน้องเป็นประจำ
"พี่หลิ่ง...พี่หลิ่ง...ช่วยฮุ่ยด้วย ช่วยด้วย!!"
(มีต่อ)
ผีห่วงน้อง
วันนี้อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนเหมือนทุกวัน แม้จะย่างเข้าสู่หน้าร้อนแล้วก็ตาม ไม่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง มีเพียงสายลมพัดพลิ้ว กระทบใบไม้ดั่งเสียงพิณ ผสมผสานกับเสียงนกกางเขนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้นอกตัวบ้าน ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี ทำให้บรรยากาศในยามนี้ดั่งต้องมนต์สะกด สิ่งมีชีวิตที่เร่าร้อนทั้งหลายสามารถเยือกเย็นลงได้อย่างน่าประหลาดใจ
หลิ่งหันมามองหน้าฮุ่ยน้องชายฝาแฝดของตน พวกเธอเกิดวันเดียวกัน เวลาต่างกันไปสิบสี่นาที เธอยิ้มให้น้อง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาให้กับน้องชายฝาแฝดของเธอ พวกเธอทั้งสองราวถูกฟ้ากำหนดมาให้เกิดพร้อมกัน อยู่ด้วยกัน รูปร่างหน้าตาก็คล้ายกัน ความสูงไม่ต่างกันเท่าไหร่ สิ่งที่ต่างออกไปก็คือหลิ่งเป็นเพศหญิง อีกอย่างคงเป็นสภาพจิตใจและสติปัญญาที่ล่าช้ากว่าวัยของน้องชายเธอ ที่นับวันมีแต่จะถดถอยลง น้องของหลิ่งไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เขาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แม้ว่าวัยของฮุ่ยจะล่วงพ้นนิติภาวะมาแล้วเช่นเดียวกับเธอ คงไว้เพียงกิจวัตรประจำวันของตัวเองเท่านั้น ที่เขาพอจะทำเองได้
กี่ปีแล้วนะที่เธอกับน้องชายมาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วยกัน หลังจากพ่อกับแม่มาด่วนตายไปจากอุบัติเหตุรถชน ทิ้งน้องชายผู้ซึ่งโตแต่ตัวเอาไว้กับเธอให้เลี้ยงดู ห้าปีเข้ามานี่แล้ว...
ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก กับการแค่หาข้าวปลามาให้น้องกิน เธออยู่กันตามประสาพี่น้อง เก็บผักเก็บหญ้ากินกันไปตามเรื่อง พอหาเนื้อหาปลามาเป็นอาหารได้บ้าง ถ้าหามาได้พี่ก็เอาให้น้องกิน ส่วนพี่ก็กินเพียงข้าวเปล่า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถึงยังไงมันก็ช่วยให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน ดังนั้นเรื่องหาข้าวปลามากินจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญของเธอ ขยันทำงานเข้าหน่อย ไม่นานก็พอมีค่าเช่าบ้าน มีเงินเอาไปซื้อข้าวสารมากิน เรื่องใหญ่สำหรับเธอก็คือ ไอ้พวกอันธพาลในหมู่บ้านสองคนนั้นต่างหาก ที่ชอบมารังควานเธอกับน้องเป็นประจำ
"พี่หลิ่ง...พี่หลิ่ง...ช่วยฮุ่ยด้วย ช่วยด้วย!!"
(มีต่อ)