คือ ต้องขอท้าวความก่อนนะครับ ผมเกิดมาในครอบครัวที่ พ่อกับแม่ แยกทางกัน ในช่วงที่ผมอายุได้ 10 เดือน ซึ่งผมเองอยู่กับทางครอบครัวของแม่ และก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับทางครอบครัวพ่อครับ
ซึ่งฐานะทางแม่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร กลางๆ ครับ ผมได้รู้จักและเห็นหน้าพ่อตัวเองตอนอายุ 13 ครับ ได้เห็นเพราะต้องใช้เอกสารพ่อสมัครเรียน ม.ต้น หลังจากนั้นก็เวลาก็ผ่านไป 3 ปี ผมจึงขอแม่ว่าอยากเรียนต่อที่ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ในชั้น ม.ปลาย แม่ก็บอกโทรไปหาปู่นะ ปู่จะส่งเรียน คือผมก็งงอยู่นะครับว่า ไม่ได้ติดต่อกันสักที ทำไมจู่ๆให้ติดต่อไปหาปู่ ผมก็เล่าเรื่องเรียนต่อให้ปู่ฟัง ปู่ก็ตกลง ผมเองคิดว่าปู่จะส่งเงินให้ผมเรียน จ่ายค่าเทอมไรงี้ให้ แต่จู่ๆแม่ผมก็ประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนเลย ใจตอนนั้นก็อยากออกจจากห้องพิเศษนะ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป พอเจอปัญหานั้น ไม่ใช่พอเจอสิ ปัญหาน่าจะมีมานานแล้วแค่ผมไม่รู้ แม่ผมก็หายไป ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย แต่ก็มีติดต่อมาหายายบ้างแต่ผมไม่ค่อยได้คุย เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ปู่ก็เข้ามาคุยกับยาย ว่าให้ผมไปอยู่กับปู่ จะได้สะดวกในเรื่องการเรียน ยายก็ตกลง ผ่านไปไม่นาน พ่อก็มารับผมที่บ้านยาย ไปอยู่กับปู่ ละนั้นก็เป็นกอดสุดท้ายที่ยายเข้ามากอดผม ยายบอกว่า ถึงไม่ได้อยู่กับยาย ยายก็รักเหมือนเดิมนะ แล้วผมก็เก็บของออกจากบ้านไป มาอยู่ที่บ้านปู่ ด้วยความที่ผมเป็นคนเงียบๆเข้ากับคนยาก ผสมกับไม่ค่อยชอบครอบครัวทางฝั่งพ่ออยู่แล้ว (เป็นอคิตส่วนตัวครับผมก็ไม่รูตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ชอบเขา) ผมจึงไม่ค่อยถูกกับปู่มากนัก และคิดอยู่เสมอว่าจะออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้ จะอยู่เพียง จนจบ ม ปลาย เท่านั้น ผมเองที่อยู่ ม ปลาย ก็เริ่มเตรียมตัวอานหนังสือสอบเข้ามหาลัย แต่ดันโดน ปู่ ด่าว่า อ่านหนังสือไปทำไม มันจะทำให้เป็นบ้า มีด็อกเตอร์กี่คนแล้วที่โดนตึกตาย ผมเองก็น้อยใจแต่ก็ไม่เคยบ่นไม่เคยสวนกลับสักคำ มาอยู่บ้านปู่ ผมต้องทำงานครับ ทั้งงาน ไร่ งานสวน ทำตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก ผมเหนื่อยมาก และระหว่างวันผมก็โดนด่าทอตลอด เพราะผมทำไม่ถูกใจแก"หัดใช้สมองบ้างสิทำงานนะ คิดหน่อย จะมาทำช้าๆมันจะเสร็จมั้ย" ประโยคทำนองนี่แกจะพูดบ่อยมากครับ ผมเองไม่เคยทำงานแบบนี้ยังไม่มีประสบการณ์เลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น นั่นก็เป็นสาเหตุหลักๆที่ผมโดนด่าประจำ ผมก็เก็บมาน้อยใจ มาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีความสุขเลย ไม่เคยได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองเลย วันๆทำแต่งาน ถ้าไม่นับวันที่ไปโรงเรียน คือทำทุกวัน ผมเองก็หาโอกาสไปเยี่ยมยายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน เพราะบ้านก็ไม่ห่างกันมากประมาณ 7-8 กม. โดยจะให้ลุงมาครับแต่ไม่ใช่ที่บ้านปู่นะผมเดินออกมาเอง หนึ่งกิโลนิดๆ และทุกๆครั้งที่ผมกลับบ้าน ปู่ก็โทรตามให้มาทำงานทุกครั้ง บางครั้งก็โทรมาด่าว่าทำไมไปนานจังทำไม ไม่กลับมาทำงานสักที ผมเองแค่อยากหาเวลาพักครับผมเหนื่อย แล้วก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือด้วย และยังมีอีกเรื่องที่ผมน้อยใจ คือ ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายครับ ชอบวิ่ง ถ้าได้วิ่งแล้วผมจะลืมเรื่องราวความทุกข์ใจ ของตัวเองได้ เหมือนเป็นยารักษาโรคทางใจของผมครับ ตามเดิมเลยครับทุกครั้งที่ผมน้อยใจก็มาจากการด่าทอครับ แต่รอบนี้อาจไม่ใช่การด่าหรอกเป็นเพียงแค่คำบอกเล่า ปู่แกจะชอบพูดว่า จะไปวิ่งทำไมเดี่ยวรถก็ชนตาย อยากออกกำลังก็มาทำงานนี่ดีกว่าเยอะ คือมันสุดแล้วจริงๆครับ จะอะไรนักหนา งานมันเป็นอะไรทำไมต้องทำมันขนาดนั้น ชีวิตไม่ได้มีแต่งานสักหน่อย เวลาส่วนตัวผมจะมีแค่เวลานอนแค่นั้นเหรอ ผมทำอะไรได้บ้างนอกจากทำงานเนี่ย ผมเลยหมดความรู้สึกจากที่ไม่ชอบอยู่แล้วก็กลายเป็นเกลียดหนักเข้าไปอีก ถึงแกจะบอกว่าจะยกมรดกให้ที่ดิน 40 ไร่ให้ ผมก็ไม่ดีใจ ผมบอกว่าไม่เอาก็มาด่าผมตามเดิม ตามซ้ำด้วยทั้งตระกูลของปู่ที่เมาในวันสงการณ์ ผมอดทนไม่ไหวแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปคุยกับ คุณอาครับ น้องชายของพ่อ คุยเรื่องต่างๆที่ผมหนักใจเรื่องต่างๆที่ผมน้อยใจ เรื่องงานที่หนักและก็บอกด้วยว่าพอเข้ามหาลัยผมจะหาเงินเรียนเองจะไม่ให้มายุ่ง คุณอาแกก็รับปากว่าเดี่ยวอา จะเป็นตัวแทนค่อยเชื่อมระหว่างผมกับปู่เอง เวลาผ่านไป..................................จนถึงตอนนี้ครับ ผมอยู่ ม 6 แล้วครับกำลังจะจบ ผมรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ผมขึ้นมา ม6 นะครับ ปู่แกพูดน้ำเสียงดูนุ่มขึ้น ไม่กระดาง เหมือนแต่ก่อน งานก็เบาลงเรื่อยๆเปลี่ยนจากงานหนักๆ มาให้ดูคนอื่นทำแทนแล้วแกก็จะเล่าเรื่องการบริหารคนให้ฟังตลอด เหมือนผมจะเริ่มเข้าใจแกแล้วครับ ว่าแกทำไปทำไมแต่ ผมก็ยังยึดมั่นคำเดิมที่จะไปหาเงินเรียนเองไม่ก็สอบทุนให้ได้ ผมจะผิดมั้ยที่ทำแบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนแกจะอยากให้ผมอยู่กับแก เพราะอาน่าจะไปคุยกับปู่เรื่องที่ผมคุยกับอาแล้ว ผมสับสนครับผมไม่รู้จะไปต่อยังไง มันเหมือนจบลงด้วยดีใช่มั้ยละครับ แต่ด้วยความที่ทำแต่งานไม่ค่อยได้อ่านหนังสือสักที มีติวกับโครงการห้องเรียนพิเศษนะ แต่ก็ไม่ได้ติวกับเพื่อนสักทีเพราะออนไลน์เสาร์อาทิตย์ ผมทำงานเลยไม่กล้าขอปู่ไปเรียนกลัวโดนด่า คือตอนนี้อยากว่าแต่สอบทุนเลย สอบเข้าเรียนต่อยังไม่รู้จะติดมั้ย ผมอยากหลุดจากตรงนี้ ขอถามนะครับ ผมจะผ่านตรงนี้ไปได้ยังไงครับ ผมไม่เห็นทางไปนอกจากพึ่งทางครอบครัวพ่อเลย ผมอยากหลุดจากตรงนี้จริงๆครับ ผมไม่อยากรู้สึกเหมือนโดนโซ่ลามอยู่แบบนี้ ผมอาจจะดูเหมือนเด็กอกตัญยูนะครับ
ขอคำปรึกษา เรื่องชีวิตทีครับ ผมสับสนมากไม่รู้จะเอาทางไหนดี
ซึ่งฐานะทางแม่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร กลางๆ ครับ ผมได้รู้จักและเห็นหน้าพ่อตัวเองตอนอายุ 13 ครับ ได้เห็นเพราะต้องใช้เอกสารพ่อสมัครเรียน ม.ต้น หลังจากนั้นก็เวลาก็ผ่านไป 3 ปี ผมจึงขอแม่ว่าอยากเรียนต่อที่ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ในชั้น ม.ปลาย แม่ก็บอกโทรไปหาปู่นะ ปู่จะส่งเรียน คือผมก็งงอยู่นะครับว่า ไม่ได้ติดต่อกันสักที ทำไมจู่ๆให้ติดต่อไปหาปู่ ผมก็เล่าเรื่องเรียนต่อให้ปู่ฟัง ปู่ก็ตกลง ผมเองคิดว่าปู่จะส่งเงินให้ผมเรียน จ่ายค่าเทอมไรงี้ให้ แต่จู่ๆแม่ผมก็ประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนเลย ใจตอนนั้นก็อยากออกจจากห้องพิเศษนะ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป พอเจอปัญหานั้น ไม่ใช่พอเจอสิ ปัญหาน่าจะมีมานานแล้วแค่ผมไม่รู้ แม่ผมก็หายไป ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย แต่ก็มีติดต่อมาหายายบ้างแต่ผมไม่ค่อยได้คุย เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ปู่ก็เข้ามาคุยกับยาย ว่าให้ผมไปอยู่กับปู่ จะได้สะดวกในเรื่องการเรียน ยายก็ตกลง ผ่านไปไม่นาน พ่อก็มารับผมที่บ้านยาย ไปอยู่กับปู่ ละนั้นก็เป็นกอดสุดท้ายที่ยายเข้ามากอดผม ยายบอกว่า ถึงไม่ได้อยู่กับยาย ยายก็รักเหมือนเดิมนะ แล้วผมก็เก็บของออกจากบ้านไป มาอยู่ที่บ้านปู่ ด้วยความที่ผมเป็นคนเงียบๆเข้ากับคนยาก ผสมกับไม่ค่อยชอบครอบครัวทางฝั่งพ่ออยู่แล้ว (เป็นอคิตส่วนตัวครับผมก็ไม่รูตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ชอบเขา) ผมจึงไม่ค่อยถูกกับปู่มากนัก และคิดอยู่เสมอว่าจะออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้ จะอยู่เพียง จนจบ ม ปลาย เท่านั้น ผมเองที่อยู่ ม ปลาย ก็เริ่มเตรียมตัวอานหนังสือสอบเข้ามหาลัย แต่ดันโดน ปู่ ด่าว่า อ่านหนังสือไปทำไม มันจะทำให้เป็นบ้า มีด็อกเตอร์กี่คนแล้วที่โดนตึกตาย ผมเองก็น้อยใจแต่ก็ไม่เคยบ่นไม่เคยสวนกลับสักคำ มาอยู่บ้านปู่ ผมต้องทำงานครับ ทั้งงาน ไร่ งานสวน ทำตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก ผมเหนื่อยมาก และระหว่างวันผมก็โดนด่าทอตลอด เพราะผมทำไม่ถูกใจแก"หัดใช้สมองบ้างสิทำงานนะ คิดหน่อย จะมาทำช้าๆมันจะเสร็จมั้ย" ประโยคทำนองนี่แกจะพูดบ่อยมากครับ ผมเองไม่เคยทำงานแบบนี้ยังไม่มีประสบการณ์เลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น นั่นก็เป็นสาเหตุหลักๆที่ผมโดนด่าประจำ ผมก็เก็บมาน้อยใจ มาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีความสุขเลย ไม่เคยได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองเลย วันๆทำแต่งาน ถ้าไม่นับวันที่ไปโรงเรียน คือทำทุกวัน ผมเองก็หาโอกาสไปเยี่ยมยายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน เพราะบ้านก็ไม่ห่างกันมากประมาณ 7-8 กม. โดยจะให้ลุงมาครับแต่ไม่ใช่ที่บ้านปู่นะผมเดินออกมาเอง หนึ่งกิโลนิดๆ และทุกๆครั้งที่ผมกลับบ้าน ปู่ก็โทรตามให้มาทำงานทุกครั้ง บางครั้งก็โทรมาด่าว่าทำไมไปนานจังทำไม ไม่กลับมาทำงานสักที ผมเองแค่อยากหาเวลาพักครับผมเหนื่อย แล้วก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือด้วย และยังมีอีกเรื่องที่ผมน้อยใจ คือ ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายครับ ชอบวิ่ง ถ้าได้วิ่งแล้วผมจะลืมเรื่องราวความทุกข์ใจ ของตัวเองได้ เหมือนเป็นยารักษาโรคทางใจของผมครับ ตามเดิมเลยครับทุกครั้งที่ผมน้อยใจก็มาจากการด่าทอครับ แต่รอบนี้อาจไม่ใช่การด่าหรอกเป็นเพียงแค่คำบอกเล่า ปู่แกจะชอบพูดว่า จะไปวิ่งทำไมเดี่ยวรถก็ชนตาย อยากออกกำลังก็มาทำงานนี่ดีกว่าเยอะ คือมันสุดแล้วจริงๆครับ จะอะไรนักหนา งานมันเป็นอะไรทำไมต้องทำมันขนาดนั้น ชีวิตไม่ได้มีแต่งานสักหน่อย เวลาส่วนตัวผมจะมีแค่เวลานอนแค่นั้นเหรอ ผมทำอะไรได้บ้างนอกจากทำงานเนี่ย ผมเลยหมดความรู้สึกจากที่ไม่ชอบอยู่แล้วก็กลายเป็นเกลียดหนักเข้าไปอีก ถึงแกจะบอกว่าจะยกมรดกให้ที่ดิน 40 ไร่ให้ ผมก็ไม่ดีใจ ผมบอกว่าไม่เอาก็มาด่าผมตามเดิม ตามซ้ำด้วยทั้งตระกูลของปู่ที่เมาในวันสงการณ์ ผมอดทนไม่ไหวแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปคุยกับ คุณอาครับ น้องชายของพ่อ คุยเรื่องต่างๆที่ผมหนักใจเรื่องต่างๆที่ผมน้อยใจ เรื่องงานที่หนักและก็บอกด้วยว่าพอเข้ามหาลัยผมจะหาเงินเรียนเองจะไม่ให้มายุ่ง คุณอาแกก็รับปากว่าเดี่ยวอา จะเป็นตัวแทนค่อยเชื่อมระหว่างผมกับปู่เอง เวลาผ่านไป..................................จนถึงตอนนี้ครับ ผมอยู่ ม 6 แล้วครับกำลังจะจบ ผมรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ผมขึ้นมา ม6 นะครับ ปู่แกพูดน้ำเสียงดูนุ่มขึ้น ไม่กระดาง เหมือนแต่ก่อน งานก็เบาลงเรื่อยๆเปลี่ยนจากงานหนักๆ มาให้ดูคนอื่นทำแทนแล้วแกก็จะเล่าเรื่องการบริหารคนให้ฟังตลอด เหมือนผมจะเริ่มเข้าใจแกแล้วครับ ว่าแกทำไปทำไมแต่ ผมก็ยังยึดมั่นคำเดิมที่จะไปหาเงินเรียนเองไม่ก็สอบทุนให้ได้ ผมจะผิดมั้ยที่ทำแบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนแกจะอยากให้ผมอยู่กับแก เพราะอาน่าจะไปคุยกับปู่เรื่องที่ผมคุยกับอาแล้ว ผมสับสนครับผมไม่รู้จะไปต่อยังไง มันเหมือนจบลงด้วยดีใช่มั้ยละครับ แต่ด้วยความที่ทำแต่งานไม่ค่อยได้อ่านหนังสือสักที มีติวกับโครงการห้องเรียนพิเศษนะ แต่ก็ไม่ได้ติวกับเพื่อนสักทีเพราะออนไลน์เสาร์อาทิตย์ ผมทำงานเลยไม่กล้าขอปู่ไปเรียนกลัวโดนด่า คือตอนนี้อยากว่าแต่สอบทุนเลย สอบเข้าเรียนต่อยังไม่รู้จะติดมั้ย ผมอยากหลุดจากตรงนี้ ขอถามนะครับ ผมจะผ่านตรงนี้ไปได้ยังไงครับ ผมไม่เห็นทางไปนอกจากพึ่งทางครอบครัวพ่อเลย ผมอยากหลุดจากตรงนี้จริงๆครับ ผมไม่อยากรู้สึกเหมือนโดนโซ่ลามอยู่แบบนี้ ผมอาจจะดูเหมือนเด็กอกตัญยูนะครับ