เล่าประสบการณ์ขอวีซ่าอังกฤษด้วยตัวเอง

กระทู้สนทนา
สืบเนื่องจากการอินกับซีรีย์อย่าง The Crown และ Downton Abbey ไม่เลิกซะที เลยคิดว่าอยากจะหาโอกาสไปเยือนแถบนั้นของโลกสักครั้งในชีวิต 

ปกติเวลาไปเที่ยว จขกท จะอาศัยไปกับทัวร์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งพวกเขาก็จะจัดการเรื่องวีซ่าให้ด้วย แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยมีทัวร์ต่างประเทศได้ออกนัก ทัวร์อังกฤษก็ยิ่งไม่มี ก็เลยลองเข้าไปดูเพจของทางสถานฑูตบนเฟซบุ๊ก แล้วก็อยากลองลองงมดู เผื่อจับพลัดจับผลูเปิดประเทศเรา ประเทศเขา จังหวะเหมาะ วีซ่าพร้อม หนังสือเดินทางพร้อมอาจจะสมหวัง

จริงๆ ชำระเงินไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คือ 4335 บาท แต่ไม่ได้ทำนัดเข้าไปเก็บไบโอเมตริกซ์ซักกะที เพราะมัวไปเที่ยวอย่างที่เล่าไปในกระทู้ก่อนหน้า เพิ่งมาหาคิวว่างเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา 

ตอนเข้าไปกรอกข้อมูลบนเว็บ จำได้ว่าเขาไม่ถามอะไรมากมาย เราไม่ได้แนบกำหนดการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน การจองที่พักอะไรเลย เพราะยังไม่มี แล้วได้รับอีเมลล์แบบนี้มา

 ตอนเลือกวันที่จะเข้าไปที่ศูนย์ฯ เพื่อเก็บไบโอ เราก็กดลิงค์ในเมล์ เห็นว่ามีสาขาที่สยามพารากอนด้วย หูยดี แต่พอคลิกแล้วมีค่าใข้จ่ายเพิ่มเยอะเลย ก็เลยผ่าน แหะ แหะ เอาใหม่ๆ เฟ้นเลือกหาคิวว่างอันที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม ไม่ได้เลือกเลานจ์อะไรใดๆ 

พอเลือกได้แล้ว เว็บมีการขายบริการเสริมเยอะ ค่อยๆ อ่านไป แล้วคิดว่าควรเลือกบริการแสกนเอกสาร ที่ราคา 460 บาท เพราะจากการที่ลองอัพโหลดเอกสารเองเข้าไปในโปรไฟล์แล้วมันไม่ผ่านซักที 

ว่าแล้วก็กดจ่ายค่าบริการ แล้วก็เลือกวันนัดที่สะดวก ทาง VFS ก็ส่งอีเมลล์มาคอนเฟิร์มแบบนี้ 

อันนี้เขาเน้นด้วยว่า ต้องพิมพ์ใบนัดไป นอกจากนี้เราพิมพ์ใบที่เขียนว่า Document Checklist (7 หน้า) ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆ ของเราไปด้วย เอกสารอื่นๆ เราเตรียมไปเท่าที่ขอ คือ หนังสือเดินทางเล่มจริง และ หนังสือรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร อันแรกนี้เขาเขียนว่า mandatory คือบังคับ ส่วนชิ้นที่สองเขาขอ Evidence of Funds 

เอกสารอื่นๆ เรายื่นสำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองการทำงาน หน้าบัญชีออมทรัพย์ ใบฉีดวัคซีนหมอพร้อม แค่นั้น

ศูนย์ที่เราไปอยู่ที่อาคารเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แนะนำให้นั่งรถไฟฟ้า ลงสถานีนานา เดินตามทางออกที่ชี้ไปซอยสุขุมวิท 8 และ โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่ หาไม่ยากค่ะ

เดินเข้าซอยประมาณร้อยเมตร ตึกเทรนดี้อยู่ฝั่งขวามือ สามารถวัดอุณหภูมิแล้วเดินเข้าลอบบีตึกได้เลย ต้องขึ้นลิฟต์ไปชั้น 28 ซึ่งจัดไว้เฉพาะ ลิฟต์จอดแค่สองชั้นเท่านั้น ตอนไปเห็นคนรอในลอบบีเยอะ แต่จริงๆ เวลาขึ้นไปคือ ไม่ได้แออัดเพราะ เราไม่สามารถขึ้นไปรอก่อนเวลาได้ 

พี่รปภ หน้าศูนย์วีซ่า เขาจะไล่ลงแบบไม่ใยดีเท่าไหร่ เวลาพักเที่ยง ด้านบนคือปิดสนิท ไม่ต้องไปรอ คุณแม่ที่ไปเป็นเพื่อนลูกหลาน หรือ เอเยนต์อะไรที่ไปก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในด้วยได้

ตอนเข้าไป รปภ ขอดูใบนัดและถามว่ายื่นวีซ่าประเทศอังกฤษหรือออสเตรเลีย แล้วก็ชี้ให้เราไปต่อแถวให้ จนท เขาตรวจเอกสาร


ณ ตรงนี้ เรารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่เขาไม่ได้ตรวจความเรียบร้อยใดๆ ของเอกสารให้ค่ะ เราให้อะไรไปปึกน้อยใหญ่แค่ไหน เขาเรียงให้ไม่กลับหัวแล้วแสกนทั้งหมด แล้วก็คืนให้ทั้งหมดเช่นกัน

แล้วก็ให้เราเซ็นชื่อบนหน้า 6 ของ checklist ต่อหน้าเขา แล้วแจกบัตรคิวให้เข้าไปนั่งรอ
ด้านในคนไม่เยอะ เดาว่าเขาคงจำกัดจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามา ไม่ให้มาแออัดข้างใน จะมีเสียงประกาศเรียกคิวให้ไปที่ช่องนั้นช่องนี้ ตรงนี้เจ้าหน้าที่ถามเราว่า เราจะไปอังกฤษทำไมคะ เราก็ตอบว่าไปเที่ยวค่ะ จบ เขาบอกว่าดช่วงนี้กระบวนการพิจารณาวีซ่าของทางสถานฑูตใช้เวลานานมาก อาจจะนานถึงสองเดือน รีบเดืนทางไหม 

เราคิดว่าถ้าตอบว่ารีบ เขาก็จะมีเสนอบริการเร่งด่วนให้ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีบริการส่งหนังสือเดินทางคืนให้ทางไปรษณีย์ บริการขอรับข้อมูลทาง SMS ด้วย ซึ่งเราไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเลย เขาก็ยื่นใบเสร็จเย็บติดมากับหน้าสำเนาหนังสือเดินทางให้เรา รอเก็บไบโอเมตริกซ์ตรงห้องใกล้ๆ

ในห้องจะเก็บลายนิ้วมือ และต้องถอดหน้ากากอนามัยเพื่อถ่ายรูป ต้องเอาผมทัดหูด้วย แนะนำให้สาวๆ แต่งหน้าไปให้แจ่มนะคะ

กลับมาบ้าน เราได้อีเมล์แบบนี้ค่ะ ว่าทางศูนย์เขาส่งเรื่องไปที่สถานฑูตในวันเดียวกันแล้วนะ เราก็กะว่าคงต้องรอสองเดือนแบบที่เขาว่า 
ทีนี้มันก็มีเรื่องตื่นเต้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้อีเมล์ตัวนี้ อ่านแล้วก็งงว่าตกลงว่าเสร็จแล้วหรือเปล่า วีซ่าอนุมัติหรือไม่อย่างไร

เลยได้ความรู้ใหม่ว่า ถ้าทางสถานฑูตไม่อนุมัติวีซ่า จะมีเอกสารแนบมาด้วยค่ะ ว่าเพราะอะไรยังไง ของเราไม่มีอะไรแนบมา แต่เราก็งงว่า ตกลงเราไปรับได้เลยไหม ยังไง สักครู่ต่อมาก็มีเมล์นี้ค่ะ
 
ความว่าให้ไปรับเล่มคืนได้เวลาบ่ายสองถึงสี่โมง พอดีว่าไม่ไกลบ้านมาก ก็เลยนั่งรถไฟฟ้าไปรับที่อาคารเดิม แต่คราวนี้ไปที่ชั้น 8 รับบัตรคิวจากพี่ รปภ แล้วรอเรียก เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ไปรับหนังสือเดินทางคืนที่หน้าต่าง ซึ่งจะมาในซองพลาสติก ปิดผนึกแน่นหนา 

แปลว่าเจ้าหน้าที่ของ VFS จะไม่ทราบการพิจารณาขั้นสุดท้ายของสถานฑูตจริงๆ ค่ะ พอรับซองมาแกะ ก็รีบเปิดลุ้นกัน 


สรุปคือ จขกท ได้วีซ่า 6 เดือนตามที่ขอและให้มีผลตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม รวมขั้นตอนต่างๆ คือสองสัปดาห์นิดๆ ไม่ถึงสองเดือนค่ะ

เอามาเล่าสู่กันฟังนะคะ จขกท เพิ่งเคยขอวีซ่าสหราชอาณาจักรเองครั้งแรกค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่