JJNY : หมอนิธิพัฒน์ห่วงผู้ป่วยหนักติดโควิด│หมออุดมลั่นเล็งยกเลิกรักษาฟรี│ราคากุหลาบปากคลองตลาดพุ่ง│นัดเคาะลต.ผู้ว่าฯกทม.

หมอนิธิพัฒน์ ห่วงผู้ป่วยหนักติดโควิดร่วม ยอดพุ่งเตียงใกล้ล้น กทม.ส่อวุ่นอีกรอบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6885385
 
 
หมอนิธิพัฒน์ ห่วงผู้ป่วยหนักติดโควิดร่วม ยอดพุ่งเตียงใกล้ล้น เกิดปัญหาตกค้างนอก รพ. ชี้ระบบบริหารจัดการ กทม.พิกลพิการ ส่อวุ่นอีกรอบ
 
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2565 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า 
 
“ในการฝึกฝนวิชาชีพเฉพาะเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ผู้พิพากษา วิศวกร ทหาร และอีกหลายสาขา การฝึกฝนทำงานควบคู่ไปกับการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญกว่า ยังเป็นวัตรปฏิบัติที่มีมาช้านานและยังไม่มีวิธีการอื่นทดแทนได้ เวลาผมสอนแพทย์รุ่นหลัง เมื่อถึงจุดหนึ่งในการวินิจฉัยโรคที่ยากหรือซับซ้อนเพื่อให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม”
 
“ผมต้องใช้ “medical intuition” หรือผมมักแปลให้พวกเขาฟังเป็น เวชญาณ หรือ การหยั่งรู้ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ถ่ายทอดเป็นคำพูดไม่ได้ พวกเขาต้องสังเกต จดจำ และวิเคราะห์แยกแยะเอาเอง เพื่อไปสังเคราะห์เป็นแนวทางของตนเองในวิชาชีพที่มีเอกลักษณ์จำเพาะ (professional identity)”
 
“สิ่งนี้ผมเชื่อว่าทำให้มนุษย์เหนือกว่าสมองกลทุกชนิด เพราะสิ่งนี้แม้สมองกลจะเรียนรู้ได้และอาจทำได้ดีกว่าคนส่วนหนึ่งหรือคนส่วนใหญ่ แต่ไม่สามารถทำได้ดีกว่าสมองคนส่วนหนึ่ง ซึ่งนับวันอาจจะน้อยลงๆ เมื่อเทียบกับสมองกลที่ฉลาดขึ้นๆ แต่เชื่อว่ามันไม่มีทางชนะเรา เพราะอย่างน้อยมนุษย์เป็นผู้สร้างสมองกล”
 
“หลายคนอาจยังชิวๆ กับสถานการณ์โควิดในเมืองหลวงตามที่ภาครัฐให้ข้อมูล สามวันติดกันแล้วที่ยอดพุ่งเป็นสองเท่าตัวของยอดเฉลี่ยเมื่อสัปดาห์ก่อน นี่ยังไม่นับรวมยอด ATK อีกไม่รู้เท่าไร อย่างที่บอกกล่าวไปแล้วว่าผู้ป่วยอาการรุนแรงจากโควิดในเมืองหลวงเราเพิ่มขึ้นช้าๆ มากว่าสองสัปดาห์”
 
“แต่ที่มากขึ้นเร็วคือผู้ป่วยหนักจากโรคอื่น แต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วยแบบไม่มีอาการหรืออาการน้อย ไม่ว่าจะเป็นไตวายเรื้อรัง สมองขาดเลือด หรือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากสะสมจนใกล้ล้นเกินศักยภาพเตียงโควิดที่จัดเตรียมกันไว้ในขั้นต้น เริ่มมีปัญหาการตกค้างของผู้ป่วยกลุ่มนี้นอกโรงพยาบาลในระบบการส่งต่อผู้ป่วย ระบบการบริหารจัดการโควิดในเมืองหลวงที่พิกลพิการกำลังถูกท้าทายอีกครั้ง”
  
“งวดนี้ปัจจัยหลายอย่างต่างจากกาลก่อนที่เดลต้ามาแรง ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารพ.หลักไม่ได้รุนแรงจากโควิดโดยตรง เตียงในรพ.หลักถูกผันไปใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิดเกือบเต็มศักยภาพเดิมแล้ว บุคลากรทางการแพทย์เริ่มเหนื่อยล้ากับโควิดแถมป่วยจากโควิดเพิ่มขึ้นด้วย และประชาชนเริ่มชินชาและละเลยการควบคุมการระบาด”
 
“ผมหวังว่า “เวชญาณ” ครั้งนี้จะไม่ถูกต้อง ที่มองเห็นเค้าลางความวุ่นวายของผู้ป่วยโควิดในใจกลางประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์สูงสุด พวกเรายังสามารถช่วยกันเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ได้ #เดินหน้าต่อไปไม่หวั่นไหวโควิด“
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4495436880561960&id=100002870789106
 


‘หมออุดม’ลั่นยอดโควิดพุ่งรัฐใช้งบเยอะ เล็งยกเลิกรักษาฟรีทั้งหมด
https://www.dailynews.co.th/news/757484/
 
นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. เผย ทาง ศบค.คาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดอาจพุ่งสูงถึง 18,000 ราย หวังจะไม่สูงถึง 2 หมื่นราย โอดรัฐบาลไม่ไหว ใช้เงินเยอะมากทุ่มรักษาโควิดฟรี คาด 1-2 เดือน อาจยกเลิกการรักษาฟรีเหมือนประเทศสวีเดน แต่ต้องเตรียมตัวประชาชนให้พร้อมก่อน

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะแตะ 2-3 หมื่นหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าอยู่ในสิ่งที่เราได้คาดการณ์ตามกราฟของกระทรวงสาธารณสุข และวันเดียวกันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ15,000 ราย  และในช่วงปลายเดือนก.พ.คาดการณ์ว่าจะขึ้นไปถึง 17,000-18,000 ราย ซึ่งหวังว่าจะไม่ถึง 20,000 รายในสิ้นเดือนนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนที่ต้องช่วยกัน เพราะทุกคนอึดอัดมา 2 ปี อยากผ่อนคลาย
 
ขณะนี้ผู้ที่เจ็บป่วยรุนแรงน้อยลงถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยหนักลดลงถึง 10 เท่า ซึ่งถือเป็นข้อดีที่เรายังสู้ไหว แม้จะไม่รุนแรง จึงขอให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ที่ขนาดนี้วัคซีนเหลือเยอะมาก แต่มีผู้ไปฉีดน้อย ซึ่งเข็ม 3 มีข้อมูลชัดเจนว่าช่วยป้องกันได้ ทั้งนี้ไม่อยากให้ประชาชนตระหนกที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องบอกว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่อยากให้สูงถึง 20,000 ราย เพราะสัดส่วนตัวเลขผู้ป่วยหนักจะสูงขึ้น ยืนยันถ้าไม่สูงเกิน 20,000 รายเราสู้ไหวแบบสบายๆ กำลังด้านสาธารณสุขมีเพียงพอทุกอย่าง ระบบได้ทำไว้ดีหมดแล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.วันเดียวกันนี้ จะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งกังวลว่าประชาชนจะไม่เข้าใจว่า เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำไม ศบค. ถึงผ่อนคลาย 
 
ผมก็คิดว่ารัฐบาลก็ไม่ไหว คือต้องยอมรับว่าเราใช้เงินเยอะมาก รัฐบาลทุ่มเงินให้ฟรีหมดไม่มีประเทศไหนให้ฟรีได้มากเท่าประเทศเรา ถ้าพูดกันตรงๆ ผมคิดว่าตอนนี้เราต้องช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตอนนี้ต้องทำใจ ผมคิดว่าเราต้องเตรียมใจในช่วงที่จะต้องเปลี่ยนผ่านกับโรคระบาดทั่วโลก ซึ่งต้องฝากให้ทำความเข้าใจกับประชาชนเราอาจเหมือนยุโรปกับอเมริกา เพียงแต่เราจะไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เราต้องเตรียมตัว อย่างที่ประชุมสาธารณสุขช่วงเช้าผมบอกว่า อีกซัก 1-2 เดือน เราอาจต้องประกาศเหมือนประเทศสวีเดน ที่ยกเลิกการดูแลรักษาฟรีทั้งหมด แต่ต้องเตรียมตัวประชาชนให้พร้อมก่อน” นพ.อุดม กล่าว

นพ.อุดม กล่าวอีกว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็ก ตั้งแต่ 5-11 ปี ยังมีการฉีดน้อยมาก เนื่องจากผู้ปกครองมีความกังวลซึ่งขณะนี้หากไม่ต้องการฉีดไฟเซอร์ ก็มีซิโนแวคและชิโนฟาร์มเป็นอีกทางเลือก ขณะที่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุขจะให้ใช้สูตรไขว้ได้ เพื่อให้ภูมิขึ้นเร็ว ทั้งนี้ขอให้เด็กไปรับการฉีดวัคซีน เพราะมีการระบาดในเด็ก และเมื่อเด็กป่วย เชื้อก็จะกระจายไปทั่วร่างกาย ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าผู้ใหญ่ที่เชื้อลงปอดเท่านั้น
 


ราคากุหลาบปากคลองตลาดพุ่งรับวาเลนไทน์
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_290706/

กุหลาบปากคลองตลาดราคาพุ่ง รับวาเลนไทน์ ผู้ขายชี้ปีนี้ไม่คึกคัก เศรษฐกิจแย่คนรัดเข็มขัด
 
จากการลงพื้นที่สำรวจราคาดอกไม้ ก่อนเทศกาลเทศกาลวาเลนไทน์ ที่ปากคลองตลาด พบหลายร้านได้นำดอกกุหลาบ สีแดง สีส้ม ชมพู ขาว ทั้งแบบจัดช่อสวยงาม แบบช่อ 1 ดอก มาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่ 150-2,000 บาท แล้วแต่แบบและจำนวนของดอกไม้ เช่นช่อใหญ่สีแดง 9-12 ดอกราคา 1500บาท ช่อขนาดกลาง 7 ดอกราคา1000บาทช่อขนาดเล็ก 5 ดอก ราคา 800 บาท ช่อกุหลาบสีแดง 1 ดอกใหญ่ราคา 150-200 บาท ตามรูปแบบ
 
ส่วนราคาขายส่งกุหลาบสีแดงจำนวน 50 ดอกราคา 400-450 บาท สีชมพู 150 บาท สีขาว200-250บาท โดยดอกกุหลาบแต่ละสีราคาจะไม่เท่ากันซึ่งดอกกุหลาบในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นของไทยที่มาจาก จ.เชียงใหม่ จะมีบางร้านที่นำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น

ทั้งนี้จากการสอบถามร้านค้าบอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตลาดดอกไม้ปีนี้ถือว่าดีมาก ราคาดอกไม้ ดอกกุหลาบ ราคาสูงขึ้นแต่ถือว่าถูกกว่าปีที่แล้วที่ราคาพุ่งสูงกว่าเท่าตัว แต่ปีนี้ราคาปรับขึ้นตามกลไกตลาดและความต้องการ ของผู้ซื้อ โดยก่อนช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ราคาจะปรับขึ้น 100-150 บาท เช่นกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่ 20-25ดอกราคาเดิม 350บาท เป็น 500-550 บาท แบบมัด 50 ดอกเดิม 200-250 เป็น 400-450 บาท

นอกจากนี้ร้านค้ามองว่า ปีนี้ประชาชน มาเดินเลือกซื้อดอกกุหลาบไม่มากนัก เนื่องจากอาจจะปรับเปลี่ยนการมอบของขวัญให้กับคนรักเป็นอย่างอื่นแทนมากกว่าการมอบดอกไม้ แต่ยังมีผู้ที่นิยมในเรื่องของการมอบดอกไม้เป็นของขวัญแทนความรักให้กันในช่วงวันวาเลนไทน์ที่มาเลือกซื้อ ทำให้บรรยากาศการซื้อขายจึงยังไม่คึกคักมาบวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวประชาชนจึงใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้นเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่