ใส่หน้ากากกันต่อ.............................Ranma

กระทู้คำถาม
คำเตือน: อยากจะแปะอะไร ก็ซ่อนข้อความไว้ ทำได้ไม่ใช่เหรอ
              โตๆ กันแล้ว ถ้ายังมีมารยาทหลงเหลืออยู่บ้าง ก็น่าจะเข้าใจ
              หรือจะประจานตัวเอง ว่าไม่มี ก็แล้วแต่

โควิดยังตรวจพบกันอยู่ทุกวัน.....แถม PM2.5 ก็เริ่มมาเยือน
เอาเหอะ ตัดสินใจกันเอาเอง.............
ช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา คนใกล้ๆบ้านรันม่า ติดโควิดกันทั้งบ้าน
จะไม่ติดได้ยังไง พี่แกตั้งวงกินเหล้า ทุกสุดสัปดาห์ ร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน........( เป็นกรรมการหมู่บ้านด้วยนะนั่น ....เจริญ )
หนึ่งในนั้น ต้องนอนโรงพยาบาลใช้เครื่องช่วยหายใจ ..... แต่ยังโชคดี ที่รักษาจนหาย ได้กลับบ้านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
......อนาถใจตรงที่ ได้ยินคนในครอบครัวนั้น ตะโกนคุยกับเพื่อนบ้าน.......................
".....ติดแล้วก็ดี....ต่อไปจะได้เลิกกังวล....ไม่ต้องมาคอยระวัง....."..........(  อ้าวเฮ้ย......คิดแบบนี้เลยนะ  )
คงไม่ใช่มีคนเดียว หรือ ครอบครัวเดียวหรอก ที่คิดแบบนี้......มีอีกปะเล้อะ...............
จมูกหลุดออกมานอกหน้ากาก... ..แออัดยัดทะนาน......เบียดเสียด.............เห็นได้ทุกวัน
....................รันม่าขี้เกียจพูดละ....เรื่องนี้

พูดเรื่องหน้ากากนี่ดีกว่า.......................................
สองสามวันก่อน มีน้องที่เคยมาฝึกงาน เข้ามาขอคำปรึกษา ( อ่อ..น้องคนนี้ มาใหม่ๆนี่ 3 กลีบใช่ย่อย....ตอนนี้รักษาหายแล้ว ติดรันม่าแจเลย )
น้องมาปรึกษา เกี่ยวกับเพื่อนสนิทคนนึง ( จริงๆ คนนี้รันม่าก็รู้จัก )  ที่กำลังจะหาที่กู้เงิน ( น่าจะนอกระบบ ) จำนวน 2 แสน
เพื่อปิดหนี้ Macbook ที่ซื้อมา 8หมื่นกว่าๆ Smart Wristband อีกหมื่นกว่าบาท โน่นนี่นั่น รวมๆยอดหนี้ ที่ไปผ่อนของมา แสนสาม
อยากจะปิดหนี้ แล้วมีเงินเหลือติดบัญชี อีก 6-7 หมื่น.......................
....โดยที่ ( เพื่อนน้อง )คนนี้ให้เหตุผลอย่างหนักแน่นว่า เป็น วิธีที่ดีที่สุดแล้ว.....จะได้มีเจ้าหนี้รายเดียว ผ่อนไปเรื่อยๆ.............
รันม่า ตอบไปว่า.....รู้ไรมั๊ย
เด็กสมัยนี้.......มักจะคิดว่า สิ่งที่ตัวเองนั้นคิด นั่นดีแล้ว ถูกแล้ว...........
.....รู้มั๊ยว่า เรื่องที่บอกมาน่ะ มันเคยเกิดขึ้นแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน กับคนอื่น อีกหลายหมื่นหลายแสนคน ...............ตั้งแต่อดีต มาถึงปัจจุบัน
.................ทุกคน คิดแบบเดียวกันหมด ว่าต้องไปหาเงินกู้ใหม่ มาปิดหนี้เดิม..................สุดท้าย จบไม่สวยซักราย
เพื่อนเธอ ไม่ได้ อยากมีเจ้าหนี้รายเดียวหรอก.....................
........................................ เพื่อนเธอ โดนเจ้าหนี้เก่า ตามจิกทวงหนี้...............จนประสาทเสีย หาทางออกไม่ได้ต่างหาก..............
...........................เพื่อนเธอ เงินเดือน หมื่นกว่าบาท ยอมเป็นหนี้ผ่อนของแพงๆ มาเพื่อ เอาไปตั้งโชว์เวลานั่งอยู่ในร้านกาแฟ
มาที่คอนโดเธอ เอาเสื้อผ้าเธอใส่ ถ่ายรูป สร้างสตอรี่ ลงในไอจี.....รอหนุ่มๆมาฟลอ ไม่ใช่หรือ
...........................เธอควรจะดึงเพื่อนให้กลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง.........................
( น้องเค้าก็ถอนหายใจ )................ทุกวันนี้ คนเรากับเพื่อนกับฝูง ยังต้อง"ใส่หน้ากาก"เข้าหากันตลอดเลยนะคะ
รันม่าก็ยิ้มแล้วตอบไปว่า........" เราใส่หน้ากากได้ 2 แบบ ...ใส่เพื่อปกปิด หรือ ใส่เพื่อป้องกัน.............อยู่ที่ว่า..เราสวมแบบไหนอยู่"

สังคมเราทุกวันนี้.......มักใส่หน้ากากเข้าหากัน
คนฉลาด......ไม่ได้ใส่เพื่อโชว์
คนโง่...........ใส่แบบไม่ยอมถอด
คนที่พลาดตลอด.....คือถอดแล้วลืมใส่

เคยได้ยินคำพูดมาว่า เพื่อนสมัยเรียนมัธยม จะเจอเพื่อนแท้จริงใจ....เข้ามหาลัย เจอแฟนซีครึ่งหน้า...จบออกมา เจอหน้ากากผีตาโขน

เราเจอคำว่าหน้ากากประชาธิปไตย เพื่อคนพูดจะดูดี ทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
เราเจอคนที่ใส่หน้ากากว่ารู้ดี แต่ไม่อยากบอก เพราะกลัวโดนแบน เพื่อปกปิดความกลวง
เราเจอคนที่สวมหน้ากากไม่เอาเผ็ดกลาง ทั้งที่จริงแล้ว ก็ติงพรรคการเมือง หรือ อดีตนายก แต่อายที่จะยอมรับคำว่า "โกง"
เราเจอคนใส่หน้ากากนักบุญ ปิดบัง ความชั่วร้ายในอดีต และความดำมืดในใจ
เราเจอคนใส่หน้ากาก เป็นห่วงความเดือดร้อนประชาชน แต่จะเป็นห่วงเฉพาะ รัฐบาลที่ไม่ได้เชียร์

ว่าแล้ว รันม่าขอใส่หน้ากากไปทำงานต่อ ก่อนนะ.......... วันนี้ไม่ได้ทาลิปมา เห็นแค่ตาก็พอ
.
.
.
.
.
........................................................Ranma

ปล.................จริงๆอยากโพสต์เรื่อง attention-deprived disease ไว้วันหลัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่