ผมพึ่งเสียน้องปั๊ก ไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 65 ก่อนหน้านี้ตอนวันที่ 30 แฟนผมยังอ่าน ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ รพ.นี้อยู่ และได้อ่าน โพสหลายๆกระทู้ด้วย แต่ไม่ได้ทันสังเกตว่าบางโพสเพิ่งเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีมาไม่นาน เลยไม่ได้เอะใจ สุดท้ายพาน้องไป น้องก็เสียจริงๆ มีหลายๆคนเตือนอยู่เกี่ยวกับ รพ.นี้ ตอนแรกจะพาน้องไป รพ. ทองหล่อ แต่คิดว่าไปตรวจที่ รพ ที่มีเครื่องมือพร้อม จะดีกว่า เริ่มแรกหมาปั๊ก ผมอายุ 9 ปี 1 เดือน 20 วัน มีอาการไอเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ เนื่องจากน้องอ้วน นน.18 โล คลีนิคแถวบ้านวินิจฉัยว่า เป็นโรคหลอดลมตีบ (ทางคลีนิคได้เอกซเรย์ดูด้วยนะครับ) พอรมยาและได้ยามากินก็หาย ปกติจะน้องจะเป็นช่วงอากาศเปลี่ยน ช่วงเปลี่ยนฤดู เป็นมาประมาณ 3 ปี ทีนี้เมื่อวันที่ 28 มค.65 น้องเริ่มไอ เพราะช่วงวันที่ 19-22 มค.65 เชียงใหม่ฝนตก และอากาศหนาว น้องเลยมีอาการไอ แต่ยังไม่ได้พาไปหาหมอ พอวันที่ 29 มค.65 น้องมีอาการซึมๆ เรียกไม่ค่อยตอบสนอง วันที่ 30 ม.ต.65 เลยพาน้องไปคลีนิคแถวบ้าน น้องมีไข้สูง หายใจหอบโดยใช้ท้องช่วยหายใจ พอเอ็กซเรย์แล้วหมอบอกว่าน้องหัวใจโต และมีน้ำบริเวณปอดช่วงท้าย สาเหตุที่มีน้ำในปอดอาจจะเกิดจาก หัวใจทำงานผิดปกติ หมอก็ฉีดยาลดไข้ และให้ยาขับน้ำ และให้ไปหาซื้อยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ เนื่องจากทางคลีนิคไม่มียาตัวนี้และทางคลีนิคแนะนำให้ไป รพ. น่าจะมียาตัวนี้อยู่ และนัดมาตรวจอีก 1 อาทิตย์ แต่แฟนผมกลัวน้องจะเป็นหนักเลยพาไปที่ รพ. นี้
พอไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน เขาฉีดยาขับน้ำ 1 เข็ม แล้วพาไปเอ็กซเรย์ เจาะเลือด ผลเอ็กซเรย์ออกมาเหมือนคลีนิคตอนแรก วันนี้ไม่มีไข้ ค่าผลเลือด การทำงานขอตับ ไต อื่น ๆ ปกติ ยกเว้นค่าเม็ดเลือดขาวสูง ซึ่งหมอคาดว่าน่าจะติดเชื้อในปอด เลยแจ้งมาว่าจะต้องฉีดยาฆ่าเชื้อให้ โดยจะต้องฝากน้องไว้ที่ รพ. เนื่องจากจะต้องอัลต้าซาวด์ดูการทำงานหัวใจของน้อง แต่ประเด็นคือทาง รพ.ไม่ชี้แจงความเสี่ยงใดๆ ในการรักษาเลย แล้ววันนี้ซาวด์หัวใจไม่ได้ อ.หมอไม่อยู่เนื่องจากเป็นวันไหว้เจ้า ตอนแรกผมมีลางสังหรณ์แล้วว่าน้องต้องเป็นหนัก เนื่องจากตอนเขาห้องเอ็กซเรย์ อ.หมอ (คงไม่ใช่คนไทยเชื้อสายจีนเลยอยู่เวร และสังเกตจะมี นศพ. 2-3 คนอยู่ในห้อง แกจะสอนไปด้วย) ส่ายหัว แกบอกว่าน้องหนักแล้วนะ หายใจเองไม่ได้ ต้องกระเพื่อมท้องช่วยหายใจ ตอนแรกแกจะ xray รูปเดียวพอ เพราะตอนอยู่ในห้องต้องให้อ๊อกซิเจนน้องไปด้วยตลอด แต่หมอคนตรวจบอกจะเอา 3 ภาพ ซึ่งหมอห้อง xray เองก็ส่ายหัว คงจะสงสารน้อง ต้องจับ ต้องดึง หมอ xray บอกท่าสุดท้ายนี่ไม่อยากทำเพราะต้องคว่ำน้องเอาท้องแนบพื้น ซึ่งน้องหายใจเองลำบาก อาจจะน็อคได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำ หมอทำไปส่ายหัวไป
พอผลออกคิดว่าจะเอาน้องกลับ เพราะถ้าน้องจะไปจริงๆ ก็อยากให้จากไปที่บ้าน แต่หมอที่ตรวจบอกตามข้างต้น แฟนผมก็มีความหวังว่าน้องจะหาย และน้องมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเนื่องจากไข้ไม่มี และอยู่ในตู้ที่มีอ็อซิเจนทำให้หายใจได้ดีขึ้น สรุปฝากน้องไว้ หลังจากออก รพ. เวลา 12.20 มาไม่ถึง 1 ชม. รพ.โทรมาว่าน้องน็อค ผมกับแฟนยังขับรถไม่ถึงบ้าน รีบวกรถกลับไปดูน้อง พอไปถึงเป็นเรื่องที่สุดๆ และสาบานว่าจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก ทั้งที่จบมาจากรั้ว ม. แห่งนี้ หมอบอกว่าไม่ได้สังเกตน้องนึกว่าน้องหลับ พอมาดูอีกทีน้องน็อคไปแล้ว ตอนแรกถามว่าฉีดอะไรไปบ้าง บอกยังไม่ได้ฉีด พูดวนไปวนมา ตอนหลังบอกว่าฉีดยาฆ่าเชื้อไป พูดเสร็จแล้วหมอเดินหายไปเลย คนในห้อง 4-5 คน ของ รพ. ทำเหมือนผมกับแฟนเป็นอากาศ ไม่มีการมาช่วย ผมอุ้มน้องออกจากตู้ มาขึ้นรถ ตอนอุ้มสังเกตว่าน้องเริ่มแข็งแล้ว แน่ใจว่าคงจะน็อคไปนาน แต่ไม่มีคนสนใจ
ก่อนหน้าที่จะมา รพ. น้องยังวิ่งมาขึ้นรถ ระยะทางกว่า 50 m. กระโดดขึ้นรถ น้องแค่มีอาการหอบๆ อาการไอก็ไม่ค่อยมีแล้ว แฟนผมเสียใจมากคิดว่าถ้าไม่พาน้องมาน้องอาจจะไม่ตาย (ในวันนี้) พอผมไปหาดูข้อมูลการใช้ยาฆ่าเชื้อในสุนัข และแมว ในกรณีปอดติดเชื้อ เขาห้ามใช้ร่วมกับการใช้ยาขับน้ำ ผมจึงอนุมานว่าน้องคงน็อคจากยา สุดท้ายคิดในแง่ดีเขาพ้นทุกข์ไปแล้ว หมดกรรมที่จะต้องเป็นเดรัจฉานในชาตินี้แล้ว น้องไปสบายแล้ว
ปล.หมอที่ดูแลน้องน่าจะเป็นหมอจบใหม่
โรงพยาบาลสัตว์เล็กเชียงใหม่ บริการและการรักษาที่แย่มาก
พอไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน เขาฉีดยาขับน้ำ 1 เข็ม แล้วพาไปเอ็กซเรย์ เจาะเลือด ผลเอ็กซเรย์ออกมาเหมือนคลีนิคตอนแรก วันนี้ไม่มีไข้ ค่าผลเลือด การทำงานขอตับ ไต อื่น ๆ ปกติ ยกเว้นค่าเม็ดเลือดขาวสูง ซึ่งหมอคาดว่าน่าจะติดเชื้อในปอด เลยแจ้งมาว่าจะต้องฉีดยาฆ่าเชื้อให้ โดยจะต้องฝากน้องไว้ที่ รพ. เนื่องจากจะต้องอัลต้าซาวด์ดูการทำงานหัวใจของน้อง แต่ประเด็นคือทาง รพ.ไม่ชี้แจงความเสี่ยงใดๆ ในการรักษาเลย แล้ววันนี้ซาวด์หัวใจไม่ได้ อ.หมอไม่อยู่เนื่องจากเป็นวันไหว้เจ้า ตอนแรกผมมีลางสังหรณ์แล้วว่าน้องต้องเป็นหนัก เนื่องจากตอนเขาห้องเอ็กซเรย์ อ.หมอ (คงไม่ใช่คนไทยเชื้อสายจีนเลยอยู่เวร และสังเกตจะมี นศพ. 2-3 คนอยู่ในห้อง แกจะสอนไปด้วย) ส่ายหัว แกบอกว่าน้องหนักแล้วนะ หายใจเองไม่ได้ ต้องกระเพื่อมท้องช่วยหายใจ ตอนแรกแกจะ xray รูปเดียวพอ เพราะตอนอยู่ในห้องต้องให้อ๊อกซิเจนน้องไปด้วยตลอด แต่หมอคนตรวจบอกจะเอา 3 ภาพ ซึ่งหมอห้อง xray เองก็ส่ายหัว คงจะสงสารน้อง ต้องจับ ต้องดึง หมอ xray บอกท่าสุดท้ายนี่ไม่อยากทำเพราะต้องคว่ำน้องเอาท้องแนบพื้น ซึ่งน้องหายใจเองลำบาก อาจจะน็อคได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำ หมอทำไปส่ายหัวไป
พอผลออกคิดว่าจะเอาน้องกลับ เพราะถ้าน้องจะไปจริงๆ ก็อยากให้จากไปที่บ้าน แต่หมอที่ตรวจบอกตามข้างต้น แฟนผมก็มีความหวังว่าน้องจะหาย และน้องมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเนื่องจากไข้ไม่มี และอยู่ในตู้ที่มีอ็อซิเจนทำให้หายใจได้ดีขึ้น สรุปฝากน้องไว้ หลังจากออก รพ. เวลา 12.20 มาไม่ถึง 1 ชม. รพ.โทรมาว่าน้องน็อค ผมกับแฟนยังขับรถไม่ถึงบ้าน รีบวกรถกลับไปดูน้อง พอไปถึงเป็นเรื่องที่สุดๆ และสาบานว่าจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก ทั้งที่จบมาจากรั้ว ม. แห่งนี้ หมอบอกว่าไม่ได้สังเกตน้องนึกว่าน้องหลับ พอมาดูอีกทีน้องน็อคไปแล้ว ตอนแรกถามว่าฉีดอะไรไปบ้าง บอกยังไม่ได้ฉีด พูดวนไปวนมา ตอนหลังบอกว่าฉีดยาฆ่าเชื้อไป พูดเสร็จแล้วหมอเดินหายไปเลย คนในห้อง 4-5 คน ของ รพ. ทำเหมือนผมกับแฟนเป็นอากาศ ไม่มีการมาช่วย ผมอุ้มน้องออกจากตู้ มาขึ้นรถ ตอนอุ้มสังเกตว่าน้องเริ่มแข็งแล้ว แน่ใจว่าคงจะน็อคไปนาน แต่ไม่มีคนสนใจ
ก่อนหน้าที่จะมา รพ. น้องยังวิ่งมาขึ้นรถ ระยะทางกว่า 50 m. กระโดดขึ้นรถ น้องแค่มีอาการหอบๆ อาการไอก็ไม่ค่อยมีแล้ว แฟนผมเสียใจมากคิดว่าถ้าไม่พาน้องมาน้องอาจจะไม่ตาย (ในวันนี้) พอผมไปหาดูข้อมูลการใช้ยาฆ่าเชื้อในสุนัข และแมว ในกรณีปอดติดเชื้อ เขาห้ามใช้ร่วมกับการใช้ยาขับน้ำ ผมจึงอนุมานว่าน้องคงน็อคจากยา สุดท้ายคิดในแง่ดีเขาพ้นทุกข์ไปแล้ว หมดกรรมที่จะต้องเป็นเดรัจฉานในชาตินี้แล้ว น้องไปสบายแล้ว
ปล.หมอที่ดูแลน้องน่าจะเป็นหมอจบใหม่