สวัสดีค่ะ เราตรวจเจอ SLE ตอนอายุ 16 ปี ปัจจุบันอายุ 24 ปี เราจะมาเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มเป็นจนเกือบไม่รอดมาเล่าให้ฟังค่ะ
.
.
วันนั้นเราเป็นประจำเดือนวันแรก เราใส่ผ้าอนามัย 25 ซม. แบบกลางวัน เอ๊ะ! ทำไมผ้าอนามัยเต็มไวภายใน ไม่กี่นาที ( ประมาณ 5 นาทีได้) เราเลยไปซื้อแบบกลางคืนยาว 30 ซม. มาใส่ แต่ทำไมมันยังไหลเยอะออกมาเยอะอยู่ดี เยอะแบบที่ว่าหยิบผ้าอนามัยออกมา เลือดหยดออกจากผ้าอนามัย เราก็ยังสงสัย แต่ไม่มีอาการเจ็บ อาการปวดใดใด ปกติมากเลยรีบไปบอกแม่ ตอนเย็นแม่รีบพาไปหาหมอ สรุปวันนั้นก่อนไปหาหมอหมดผ้าอนามัยแบบกลางคืนไป 8 แผ่น แบบกลางวัน 1 แผ่น ในระยะเวลา 4-5 ชม.
พอมาหาหมอตอนเย็น หมอได้ทำการเจาะเลือดดู ผลเลือดคือเกร็ดเลือดต่ำมาก หมอสงสัยว่าอาจจะเป็นไข้เลือดออกรึเปล่า เลยรีบสั่งให้แอดมินที่ โรงพยาบาลราชบุรีด่วน หลังจากนั้นก็นอนโรงพยาบาลได้ 7 วัน พร้อมได้ให้เกร็ดเลือด เลือดหยุดไหลได้ประมาณวันที่ 3 ที่นอน ร.พ. ในระหว่างรักษาตัวไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เหมือนคนทั่วไปที่มีประจำเดือนแค่นั้น
ก่อนกลับ 1 วัน คุณหมอได้เรียกแม่ไปคุยว่าลูกเป็น SLE นะลงเลือด อีกวันก็กลับบ้าน พร้อมได้ยาสเตรียรอยด์กินวันละ 10 เม็ด และมาหาหมอตามนัด ทุกๆเดือน ในระหว่างกินยาก็มีอาการหน้าบวม จนเพื่อนๆและคนรอบข้างทัก จนหมอก็ค่อยๆลดยาที่ทานลง ใบหน้าก็เริ่มกลับมาเหมือนเดิม จนรักษาได้ 1 ปี ได้เลิกไปหาหมอเอง ..
#ก่อนออกจากโรงพยาบาลคือทางโรงพยาบาลไม่ได้กำชับเรื่องการดูแลตัวเองสำหรับคนเป็น SLE เลย บวกกับตอนนั้นที่ไม่ได้ค้นหาหรือมีใครบอกให้ดูแลตัวเองยังไงด้วย เลยปล่อยๆไปไม่ได้สนใจอะไร เพราะมันปกติมากๆ
หลังจากไม่ได้ไปหาหมอก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป ตากแดด กินอาหารเสริมคลอลาเจน ยาลดความอ้วน จนขึ้นมหาลัยได้มาเรียนใน กทม. เริ่มดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ เที่ยวกลางคืนบ่อย
.
.
จนปี 2 เทอม 2 ตื่นเช้ามามีอาการหน้าบวมตาปิด บวมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอช่วงเย็นๆหน้าก็หายบวม เริ่มรู้สึกของความไม่ปกติในร่างกายละ พออีกวันมีไข้ตัวร้อน เป็นๆหายๆ จนไปเรียนแล้วเพื่อนทักว่าทำไมวันนี้ขาบวมจัง เราก็ก้มลงไปมองคือมันใหญ่มาก ด้วยเราเองที่มีส่วนสูงเพียง 154 ซม. น้ำหนัก 47
กับขาที่ใหญ่เกินตัวมากๆ เพื่อนเลยรีบพาไปโรงพยาบาล ยันฮี คุณหมอให้ตรวจเลือดตรวจปัสสาวะ และกดไปที่ขาประมาณ 10วิ ขามัยบุ๊มลงไปเองละกว่าจะกลับมาสู่สภาพเดิมใช้เวลานาน หมอก็ได้เรียกไปคุย หมอบอกว่าหนูมีปัญหาไตอักเสบนะ เขาก็อธิบาย บลาๆ จนหมอบอกว่าหรืออีกกรณีคือคนไข้อาจเป็น SLE ลงไตได้ เราสดุ้งเลย ความทรงจำเมื่อ 4 ปีที่แล้วมันกำลังจะกลับมาหรอวะเนี่ย (คิดในใจ) หมอบอกว่าถ้ารักษาที่นี้กับโรคนี้ค่าใช้จ่ายมันสูงมาก หมอไม่แนะนำ หนูมีสิทธิเบิกได้ที่ไหนบ้างหมอถาม ตอนนั้นที่ตรวจคือสิทธิยังอยู่ที่ โรงพยาบาลราชบุรี หมอเลยทำหนังสือส่งตัวไปให้ที่โรงพยาบาลราชบุรี แต่ด้วยตอนที่เรียนไม่ได้กลับราชบุรีเลย อีกอย่างแม่ก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เราเลยโทรไปปรึกษาแม่ แม่เลยพาไปหาหมอแมะ (หมอจีน) วันนั้นหมอก็แมะที่ข้อมือ แล้วก็บอกว่าไตมีปัญหา ข้างในร้อนมาก เลยจัดยาต้มยาจีนมาให้หลายชุด หลังจากที่กินขาที่บวมก็ลดลง ลดลงกว่าตอนปกติอีก แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ระหว่างนั้นคือเรางดของที่มีโซเดียมสูง ลดเค็มไปด้วย จนกินยาต้มมาได้ อาทิตย์นึงตอนนั้นมาอยู่หอ พักอยู่กับรูมเมท เพราะยังต้องไปสอบที่มหาลัย ช่วงนั้นคือไม่ไปเรียนเลย ไปสอบอย่างเดียว จนหลังจากสอบเสร็จจะหอ บอกเพื่อนว่า เอ่อเราเหนื่อย แบบเดินละเหมือนจะเป็นลม จนเพื่อนเรียกแท็กซี่ไปส่งที่หอ ละนอนพักที่ห้องจนประมาณหัวค่ำบอกรูมเมทว่าไม่ไหวพาไปโรงพยาบาลที เพื่อนเลยพาไปโรงพยาบาลศิริราชปิยะการุณ ห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นคือเครื่องใช้หายใจเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเต็มตัวไปหมด ทางโรงพยาบาลรีบโทรหาแม่ เพราะมันต้องเซ็นรับรองการรักษาต่อ ซึ่งศิริราชปิยะการุณค่ารักษาก็สูงมากเหมือนกันในการรักษาโรคนี้ ณ ในเวลานั้น ทางร.พ.ปิยะการุณเลยส่งตัวไป ร.พ.ศิริราช รักษาตัวด่วนเพราะตอนนั้นหายใจเองไม่ได้แล้ว พอมาถึงห้องฉุกเฉิน ร.พ ศิริราช หมอจับตรวจเลือด ใส่สายปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ ดูดน้ำในปอด ทรมานมาก กว่าจะได้ขึ้นตึกผู้ป่วยก็อยู่ ห้องฉุกเฉินถึงตอนเช้า รักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.ศิริราช 21 วัน ในระหว่าง 21 วัน ไปนอนห้องไอซียูอยู่ 3 วัน เนื่องจากเจ็บที่หัวใจมาก ได้มอฟิ่นไป 1 เข็มฟินเลย และมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้ำท่วมปอด ไตวายเรื้อรัง หมอได้ทำเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่คอ พอออกมานอนห้องรวมก็ได้ให้ยาสเตรียรอยด์ทางสายน้ำเกลือ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะเหนื่อยง่ายมากๆ ได้ไปเจาะชิ้นเนื้อไตด้วย ไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย ตรวจแอคโครหัวใจ และหมอให้อาบูมีนทางสายน้ำเกลืออีกด้วย ได้เกือบ 10 ถุง ถูกจำกัดน้ำ ให้กินวันละ 500 ML. ต้องบริหารการทานน้ำให้ได้ ทรมานมากหิวน้ำสุดๆ ตอนนั้นที่นอน รพ. หน้าร้อนด้วย โดนยาไปจนหน้าบวมน้ำหนักขึ้ม 60 กิโล แล้วก็ออกจาก รพ.แบบขายังไม่หายบวม และเดินไม่ได้!! คุณพระ นี่เกิดอะไรกับตรูวะเนี่ย ตอนนั้นเสียใจมาก ที่แบบอะไรนักหนา ตายก็ไม่ตาย มาลำบากพ่อแม่อีก โชคดีที่ออกจาก รพ.แม่เราไม่ได้ทำงาน แม่เรามีเวลาดูแลเรา 100 % เวลาเรานั่งกับพื้นจะลุกขึ้นเองยากมาก เหมือนกล้ามเนื้อสะโพกมันหายไป กลับบ้านมาหมอยังให้จำกัดน้ำเหมือนเดิมแล้ว พออยู่บ้านครบ 7 วัน แม่พาไปคาเฟ่เราอยากกินฮันนี่โทสมาก เลยกินไปเกือบหมดจาน ตอนเย็นอยากกินแตงโม เลยให้แม่ซื้อแตงโมมาลูกนึง เชื่อไหม เรากินหมดคนเดียวลูกนึง เราแอบไปกินในครัว จนตกกลางคืนเรานอนราบไม่ได้ เรามีอาการคลื่นไส้ และอ้วกเป็นน้ำแตงโม ตอนแรกตกใจนึกว่าเลือด เช้ามาแม่พาไปศิริราชเลย สรุปแอดมิดอีกรอบ หมอบอกน้ำท่วมปอด รอบบนี้หมอจับรีดน้ำในตัวออกหมด น่าจะยาขับปัสสาวะให้ทางสายน้ำเกลือ จากน้ำหนัก 60 ค่อยๆลดวันละ 5 โล เพราะต้องชั่งน้ำหนักทุกเช้า อยู่ได้ 7 วันก็กลับบ้าน แต่ก็ต้องมาให้เคมีบำบัด 6 ครั้ง ผมแอบร่วงอยู่ แต่ความที่ผมเราเยอะมากเลยเหมือนคนผมน้อยแทน ตอนกลับบ้านน้ำหนักเหลือ 39 เชร๊ดดดดด! ผอมมาก ไม่เคยตะเล็กแบบนี้มาก่อนน แต่ก็ยังเดินได้ไปเต็มที่ เพราะกล้ามเนื้อหายไป เราเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เดินออกกำลังกายรอบบ้าน 3 เดือนที่เราลุกเองไม่ได้ แล้วเราก็กลับมาลุกและเดินได้ เริ่มกลับไปตามเก็บวิชาที่ขาดที่มอเอว ตอนนั้นดีใจมาก เราก็ไปหาหมอตามนัดเรื่อยๆจนตอนนี้ เราเรียนจบและมีงานทำแล้ว เราอายุ 24 แล้ว แต่ในระหว่างหลักจากออกกำลัยก็มีติดเชื้อบ่อยอยู่เหมือนกัน ถ้ารู้ว่าจะเป็นไข้คือจะรีบกินยาพาราเลย จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหนัก ตอนนี้น้ำหนักเรากลับมาปกติแล้วประมาณ 47-48 เพราะค่าไตเราปกติแล้ว กินได้ปกติ แต่เราก็พยายามเลี่ยงพวกของเค็ม ของมัน เราไม่กินน้ำหวานเลย ทานแต่น้ำเปล่า ไม่กินขนมซอง ไม่ค่อยได้ออกกำลังกานสักเท่าไหร่ ไปหาหมอทีไรหมอบอกค่าเลือดต่างๆดีมาก วัคซีนโควิดก็ฉีดได้ปกติ เราแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยนะ ป้องกันการเป็รไข้เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บีด้วย
เราเขียนอาจจะกระโดดไปบ้าง หวังว่าคงเป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่างให้คนที่เข้ามาอ่านนะคะ เกิดเป็นมนุษย์มันสนุกจริงๆ 55555555555.
SLE ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ?!
.
.
วันนั้นเราเป็นประจำเดือนวันแรก เราใส่ผ้าอนามัย 25 ซม. แบบกลางวัน เอ๊ะ! ทำไมผ้าอนามัยเต็มไวภายใน ไม่กี่นาที ( ประมาณ 5 นาทีได้) เราเลยไปซื้อแบบกลางคืนยาว 30 ซม. มาใส่ แต่ทำไมมันยังไหลเยอะออกมาเยอะอยู่ดี เยอะแบบที่ว่าหยิบผ้าอนามัยออกมา เลือดหยดออกจากผ้าอนามัย เราก็ยังสงสัย แต่ไม่มีอาการเจ็บ อาการปวดใดใด ปกติมากเลยรีบไปบอกแม่ ตอนเย็นแม่รีบพาไปหาหมอ สรุปวันนั้นก่อนไปหาหมอหมดผ้าอนามัยแบบกลางคืนไป 8 แผ่น แบบกลางวัน 1 แผ่น ในระยะเวลา 4-5 ชม.
พอมาหาหมอตอนเย็น หมอได้ทำการเจาะเลือดดู ผลเลือดคือเกร็ดเลือดต่ำมาก หมอสงสัยว่าอาจจะเป็นไข้เลือดออกรึเปล่า เลยรีบสั่งให้แอดมินที่ โรงพยาบาลราชบุรีด่วน หลังจากนั้นก็นอนโรงพยาบาลได้ 7 วัน พร้อมได้ให้เกร็ดเลือด เลือดหยุดไหลได้ประมาณวันที่ 3 ที่นอน ร.พ. ในระหว่างรักษาตัวไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เหมือนคนทั่วไปที่มีประจำเดือนแค่นั้น
ก่อนกลับ 1 วัน คุณหมอได้เรียกแม่ไปคุยว่าลูกเป็น SLE นะลงเลือด อีกวันก็กลับบ้าน พร้อมได้ยาสเตรียรอยด์กินวันละ 10 เม็ด และมาหาหมอตามนัด ทุกๆเดือน ในระหว่างกินยาก็มีอาการหน้าบวม จนเพื่อนๆและคนรอบข้างทัก จนหมอก็ค่อยๆลดยาที่ทานลง ใบหน้าก็เริ่มกลับมาเหมือนเดิม จนรักษาได้ 1 ปี ได้เลิกไปหาหมอเอง ..
#ก่อนออกจากโรงพยาบาลคือทางโรงพยาบาลไม่ได้กำชับเรื่องการดูแลตัวเองสำหรับคนเป็น SLE เลย บวกกับตอนนั้นที่ไม่ได้ค้นหาหรือมีใครบอกให้ดูแลตัวเองยังไงด้วย เลยปล่อยๆไปไม่ได้สนใจอะไร เพราะมันปกติมากๆ
หลังจากไม่ได้ไปหาหมอก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป ตากแดด กินอาหารเสริมคลอลาเจน ยาลดความอ้วน จนขึ้นมหาลัยได้มาเรียนใน กทม. เริ่มดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ เที่ยวกลางคืนบ่อย
.
.
จนปี 2 เทอม 2 ตื่นเช้ามามีอาการหน้าบวมตาปิด บวมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอช่วงเย็นๆหน้าก็หายบวม เริ่มรู้สึกของความไม่ปกติในร่างกายละ พออีกวันมีไข้ตัวร้อน เป็นๆหายๆ จนไปเรียนแล้วเพื่อนทักว่าทำไมวันนี้ขาบวมจัง เราก็ก้มลงไปมองคือมันใหญ่มาก ด้วยเราเองที่มีส่วนสูงเพียง 154 ซม. น้ำหนัก 47
กับขาที่ใหญ่เกินตัวมากๆ เพื่อนเลยรีบพาไปโรงพยาบาล ยันฮี คุณหมอให้ตรวจเลือดตรวจปัสสาวะ และกดไปที่ขาประมาณ 10วิ ขามัยบุ๊มลงไปเองละกว่าจะกลับมาสู่สภาพเดิมใช้เวลานาน หมอก็ได้เรียกไปคุย หมอบอกว่าหนูมีปัญหาไตอักเสบนะ เขาก็อธิบาย บลาๆ จนหมอบอกว่าหรืออีกกรณีคือคนไข้อาจเป็น SLE ลงไตได้ เราสดุ้งเลย ความทรงจำเมื่อ 4 ปีที่แล้วมันกำลังจะกลับมาหรอวะเนี่ย (คิดในใจ) หมอบอกว่าถ้ารักษาที่นี้กับโรคนี้ค่าใช้จ่ายมันสูงมาก หมอไม่แนะนำ หนูมีสิทธิเบิกได้ที่ไหนบ้างหมอถาม ตอนนั้นที่ตรวจคือสิทธิยังอยู่ที่ โรงพยาบาลราชบุรี หมอเลยทำหนังสือส่งตัวไปให้ที่โรงพยาบาลราชบุรี แต่ด้วยตอนที่เรียนไม่ได้กลับราชบุรีเลย อีกอย่างแม่ก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เราเลยโทรไปปรึกษาแม่ แม่เลยพาไปหาหมอแมะ (หมอจีน) วันนั้นหมอก็แมะที่ข้อมือ แล้วก็บอกว่าไตมีปัญหา ข้างในร้อนมาก เลยจัดยาต้มยาจีนมาให้หลายชุด หลังจากที่กินขาที่บวมก็ลดลง ลดลงกว่าตอนปกติอีก แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ระหว่างนั้นคือเรางดของที่มีโซเดียมสูง ลดเค็มไปด้วย จนกินยาต้มมาได้ อาทิตย์นึงตอนนั้นมาอยู่หอ พักอยู่กับรูมเมท เพราะยังต้องไปสอบที่มหาลัย ช่วงนั้นคือไม่ไปเรียนเลย ไปสอบอย่างเดียว จนหลังจากสอบเสร็จจะหอ บอกเพื่อนว่า เอ่อเราเหนื่อย แบบเดินละเหมือนจะเป็นลม จนเพื่อนเรียกแท็กซี่ไปส่งที่หอ ละนอนพักที่ห้องจนประมาณหัวค่ำบอกรูมเมทว่าไม่ไหวพาไปโรงพยาบาลที เพื่อนเลยพาไปโรงพยาบาลศิริราชปิยะการุณ ห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นคือเครื่องใช้หายใจเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเต็มตัวไปหมด ทางโรงพยาบาลรีบโทรหาแม่ เพราะมันต้องเซ็นรับรองการรักษาต่อ ซึ่งศิริราชปิยะการุณค่ารักษาก็สูงมากเหมือนกันในการรักษาโรคนี้ ณ ในเวลานั้น ทางร.พ.ปิยะการุณเลยส่งตัวไป ร.พ.ศิริราช รักษาตัวด่วนเพราะตอนนั้นหายใจเองไม่ได้แล้ว พอมาถึงห้องฉุกเฉิน ร.พ ศิริราช หมอจับตรวจเลือด ใส่สายปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ ดูดน้ำในปอด ทรมานมาก กว่าจะได้ขึ้นตึกผู้ป่วยก็อยู่ ห้องฉุกเฉินถึงตอนเช้า รักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.ศิริราช 21 วัน ในระหว่าง 21 วัน ไปนอนห้องไอซียูอยู่ 3 วัน เนื่องจากเจ็บที่หัวใจมาก ได้มอฟิ่นไป 1 เข็มฟินเลย และมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้ำท่วมปอด ไตวายเรื้อรัง หมอได้ทำเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่คอ พอออกมานอนห้องรวมก็ได้ให้ยาสเตรียรอยด์ทางสายน้ำเกลือ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะเหนื่อยง่ายมากๆ ได้ไปเจาะชิ้นเนื้อไตด้วย ไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย ตรวจแอคโครหัวใจ และหมอให้อาบูมีนทางสายน้ำเกลืออีกด้วย ได้เกือบ 10 ถุง ถูกจำกัดน้ำ ให้กินวันละ 500 ML. ต้องบริหารการทานน้ำให้ได้ ทรมานมากหิวน้ำสุดๆ ตอนนั้นที่นอน รพ. หน้าร้อนด้วย โดนยาไปจนหน้าบวมน้ำหนักขึ้ม 60 กิโล แล้วก็ออกจาก รพ.แบบขายังไม่หายบวม และเดินไม่ได้!! คุณพระ นี่เกิดอะไรกับตรูวะเนี่ย ตอนนั้นเสียใจมาก ที่แบบอะไรนักหนา ตายก็ไม่ตาย มาลำบากพ่อแม่อีก โชคดีที่ออกจาก รพ.แม่เราไม่ได้ทำงาน แม่เรามีเวลาดูแลเรา 100 % เวลาเรานั่งกับพื้นจะลุกขึ้นเองยากมาก เหมือนกล้ามเนื้อสะโพกมันหายไป กลับบ้านมาหมอยังให้จำกัดน้ำเหมือนเดิมแล้ว พออยู่บ้านครบ 7 วัน แม่พาไปคาเฟ่เราอยากกินฮันนี่โทสมาก เลยกินไปเกือบหมดจาน ตอนเย็นอยากกินแตงโม เลยให้แม่ซื้อแตงโมมาลูกนึง เชื่อไหม เรากินหมดคนเดียวลูกนึง เราแอบไปกินในครัว จนตกกลางคืนเรานอนราบไม่ได้ เรามีอาการคลื่นไส้ และอ้วกเป็นน้ำแตงโม ตอนแรกตกใจนึกว่าเลือด เช้ามาแม่พาไปศิริราชเลย สรุปแอดมิดอีกรอบ หมอบอกน้ำท่วมปอด รอบบนี้หมอจับรีดน้ำในตัวออกหมด น่าจะยาขับปัสสาวะให้ทางสายน้ำเกลือ จากน้ำหนัก 60 ค่อยๆลดวันละ 5 โล เพราะต้องชั่งน้ำหนักทุกเช้า อยู่ได้ 7 วันก็กลับบ้าน แต่ก็ต้องมาให้เคมีบำบัด 6 ครั้ง ผมแอบร่วงอยู่ แต่ความที่ผมเราเยอะมากเลยเหมือนคนผมน้อยแทน ตอนกลับบ้านน้ำหนักเหลือ 39 เชร๊ดดดดด! ผอมมาก ไม่เคยตะเล็กแบบนี้มาก่อนน แต่ก็ยังเดินได้ไปเต็มที่ เพราะกล้ามเนื้อหายไป เราเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เดินออกกำลังกายรอบบ้าน 3 เดือนที่เราลุกเองไม่ได้ แล้วเราก็กลับมาลุกและเดินได้ เริ่มกลับไปตามเก็บวิชาที่ขาดที่มอเอว ตอนนั้นดีใจมาก เราก็ไปหาหมอตามนัดเรื่อยๆจนตอนนี้ เราเรียนจบและมีงานทำแล้ว เราอายุ 24 แล้ว แต่ในระหว่างหลักจากออกกำลัยก็มีติดเชื้อบ่อยอยู่เหมือนกัน ถ้ารู้ว่าจะเป็นไข้คือจะรีบกินยาพาราเลย จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหนัก ตอนนี้น้ำหนักเรากลับมาปกติแล้วประมาณ 47-48 เพราะค่าไตเราปกติแล้ว กินได้ปกติ แต่เราก็พยายามเลี่ยงพวกของเค็ม ของมัน เราไม่กินน้ำหวานเลย ทานแต่น้ำเปล่า ไม่กินขนมซอง ไม่ค่อยได้ออกกำลังกานสักเท่าไหร่ ไปหาหมอทีไรหมอบอกค่าเลือดต่างๆดีมาก วัคซีนโควิดก็ฉีดได้ปกติ เราแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยนะ ป้องกันการเป็รไข้เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บีด้วย
เราเขียนอาจจะกระโดดไปบ้าง หวังว่าคงเป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่างให้คนที่เข้ามาอ่านนะคะ เกิดเป็นมนุษย์มันสนุกจริงๆ 55555555555.