จากใจคนที่เคยจะเลิกนับถือศาสนาพุทธ กลับใจมาเลื่อมใสอีกครั้ง

สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่าน เราอยากให้ทุกคนอ่านนะ เราไม่ได้จะเผยแพร่ศาสนา แต่เราแค่อยากแบ่งปันมุมมองที่เปลี่ยนไปของเรา จากคนๆนึง ที่เห็นข่าวผ่านหูผ่านตามาตลอด เหมือนกับทุกคนนั้นแหละ จนเริ่มไม่เชื่อในความงมงายของศาสนา บางทีก็ไร้สาระ บางทีก็สุดโต่ง บางทีก็เห็นแก่เงิน ใช่มั้ยล่ะ หลายคนคิดแบบเรา เราก็คิด และเราก็ไม่อยากนับถือศาสนาแล้ว เรามีความคิดนี้อยู่ในหัว ไม่อินกับการทำบุญแล้วได้ดี เพราะเราเห็นหลายคนเป็นคนดีแล้วไม่ได้ดี ส่วนคนที่ทำไม่ดี กลับได้ดี เราไม่เข้าใจว่าเวลาไปทำบุญที่วัด เราได้อะไร เราไม่เข้าใจภาษาบาลี แต่ก็ยอมรับว่าการไปนั่งฟังพระสวด ทำให้เราสงบ แต่วันใหนที่มีพระเทศน์ เรากลับมองว่า ใช่ต้องแบบนี้สิ แบบนี้แหละที่ทำให้เราเข้าใจจริงๆ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องดีกว่า สาเหตุที่เรากลับมาเลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศานาอีกครั้ง เพราะมีวันนึงเราเล่นtiktokแล้วเลื่อนมาเจอตอนนึง เป็นคลิปตัดมาจากหนังเรื่องพระพุทธเจ้าของอินเดีย เป็นตอนที่มีนักบวชคนนึง ลงไปในน้ำเอาน้ำราดตัวอยู่แบบนั้นย้ำไปย้ำมา พระพุทธเจ้าเสด็จมาพบเข้า มีชาวบ้านเล่าว่า พราหมท่านนี้ลงไปอาบน้ำในตอนเช้า แล้วบังเอิญไปเหยียบกบในน้ำตาย เขาเลยคิดว่า เขาทำบาปใหญ่หลวง ตอนนี้เขาเลยต้องล้างบาป ด้วยการแช่น้ำ108ครั้ง พระะพุทธเจ้าเลยเดินไปบอกว่า ฟังนะ ท่านตัวสั่นด้วยความหนาวแล้ว หากทำต่อไป ท่านจะป่วยนะ พราหมบอกว่า ข้าทำบาปร้ายแรง แม่น้ำคงคานี้ สามารถชำระบาปให้หมดไปได้พระพุทธเจ้าเลยตรัสว่า หากท่านล้างบาปของตนออกไปได้แล้ว ท่านจะมีมลทินจากการเอาขาเหยียบกบที่อยู่ในน้ำได้อย่างไรกันเล่า หากท่านคิดว่าการแช่ในแม่น้ำจะช่วยชำระล้างบาปได้งั้นสัตว์ที่อยู่ในแม่น้ำนี้ก็ต้องพากันหลุดพ้นกันไปหมดแม่น้ำแล้วสิ พราหมจึงเดินขึ้นจากน้ำมาฟังใกล้ๆ พระพุทธเจ้าตรัสต่อว่า การแช่น้ำล้างบาปไม่ได้หรอก การจะล้างบาป ท่านต้องปลุกจิตสำนึกให้ตื่น จงอน่าเชื่อในทุกสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ทุกสิ่งที่ถูกสอนมา หรือถูกกล่าวย้ำมานาน จงตั้งข้อสงสัย จงเป็นตะเกียงให้กับตัวเอง พราหมจึงคิดได้ จบ.. เชื่อมั้ย เราดูจบ เราร้องไห้เลย ตรงประโยคที่ว่า "จงตั้งข้อสงสัย จงเป็นตะเกียงให้กับตัวเอง" มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดที่เคยมีต่อศาสนาทันที แล้วเราก็เริ่มดูคำสอนของท่านในtiktokนั้นแหละ เราประทับใจมาก ท่านไม่ใช่แบบที่เราเคยคิด ท่านเหมือนเป็นคนนำทาง คนเปิดประตูให้เราได้ค้นพบคำตอบที่แท้จริงในชีวิต ทุกอย่างที่เคยเรียน เคยศึกษา เคยไปวัดทำบุญ ไม่ชัดเจนเท่าตอนนี้ หลักการง่ายๆของท่านคือ การดับทุกข์ แต่การดับทุกข์ของท่าน ไม่ใช่การพึ่งพาสิ่งอื่นใด ไม่ใช่การต้องไปสะเดาะเคราะห์ แก้กรรมใดๆแบบที่หลายๆวัดทำ แต่คือการรู้จากตัวเอง เมื่อเรามีทุกข์ สิ่งที่เราควรรีบมีให้เร็ว คือสติ อย่าพึ่งให้อารมณ์อยู่เหนือสติ ให้เวลาตัวเองในการคิด ถึงเหตุและผล ที่เราเป็นทุกข์ ว่าต้นเหตุคืออะไร อย่าเข้าข้างตัวเอง มองให้เป็นกลาง คิดให้รอบด้าน วิเคราะห์ให้ออก ใช้ปัญญาที่เรามี เมื่อพบต้นตอของปัญหาแล้ว หากแก้ที่บุคคลอื่นไม่ได้ ให้ปรับที่ตัวเราเอง จัดการอารมณ์ จัดการแก้ไปทีละจุด คลายปมทีละเส้น แล้วสุดท้าย เราจะพบทางดับทุกข์ที่แท้จริง ท่านไม่ได้อยากให้เรางมงาย ทุกอย่างที่ดูงมงาย ไม่ใช่คำสอนของท่าน แต่เกิดจากมนุษย์แต่งเติมกันเอง คิดเองเออเองมาตลอด จนหลายๆคนหลงเชื่อว่าศาสนาคือเรื่องงมงาย ทั้งที่จริงๆแล้ว ถ้าลองศึกษาดีๆ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่พิธีการ แต่เป็นการนำคำสอนของพระองค์มาใช้ และคำสอนของพระองค์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคตามสมัย อย่ายึดติดเพียงเพราะถูกสอนมา แต่จงตั้งข้อสงสัย จงเป็นตะเกียงให้กับตัวเอง ท่านอยากให้เราเชื่อในสิ่งที่เราค้นคว้าพิสูจน์ได้เอง คือหลักวิทยาศาสตร์ และวิชาการต่างๆมากกว่าจะเชื่อตามๆกัน สำหรับเรา เรานับถือพระองค์เหมือนเป็นครู ถึงเราอาจจะไม่ใช่ศิษย์ที่ดี แต่เรานับถือท่านด้วยใจจริง เราต้องมีสติ และใช้ปัญญาให้มาก เป็นคนดี มีเมตตา และเป็นกัลยาณมิตรที่ดีให้กับทุกชีวิต เราอยากแบ่งปันให้ทุกๆคนหันมามองศาสนาพุทธของเราใหม่ มองที่คำสอนที่เข้าใจได้ง่าย หลายๆคำสอน ทำให้เราเข้าใจชีวิตได้ชัดเจน และคิดดี ทำดีมากขึ้น ขอบคุณที่อ่านนะ หากสิ่งใดที่เราทำให้ไม่สบายใจ ขออภัยด้วยนะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่