สวัสดีเราเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่เมื่อ เจอบทสนทนาในโลกออนไลน์ ก็ต้อง งง กันไปทุกครั้ง กับคำที่แปลกผสมอยู่ในประโยค ซึ่งบางครั้ง ก็แอบสงสัยว่า ภาษาไทย เกิดอะไรขึ้นในปัจจุบันนี้ ในกรณีคนอื่น อาจมองว่า ภาษา ไหลลื่นได้ ดิ้นได้ ใช่แล้ว ภาษานั้นสามารถไหลลื่นไปได้ ในที่นี้ คงจะหมายถึง การยืมคำ หรือ คำทับศัพท์ จากภาษาอื่น มาหรือเปล่า เช่น
ชาร์จ รากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษ
charge ที่แปลว่า V.ประจุ / N.ค่าธรรมเนียม.
ซึ่งมุมมองเราแล้ว นั้นคือ การดิ้นของภาษา มันมีเสน่ห์มาก รากศัพท์มากจากคำนี้ คำนั้น มันดูมีที่มามีประวัติความเป็นมา แต่ อย่างคำว่า
"งับ เตง ต้าว ค้าบ ร้าก" จัดอยู่ในคำแสลง ซึ่งใช้สื่อสารและเข้าใจกันเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่มีความหมายที่ถูกต้อง แต่บางคำ ก็มีความหมายน่ะ เช่น งับ แปลตามราชบัณฑิตยสถานซึ่งเป็นคำกิริยา ที่มีความหมายว่า
ปิดอย่างไม่สนิทหรือปิดอย่างไม่ลงกลอน เช่น งับประตู / อาการที่อ้าปากคาบหรือกัดโดยเร็ว ซึ่งคำนี้จะเห็นบ่อยเป็น คำสร้อย ท้ายประโยค เช่น เธองับ, ตัวงับ, เจ็บงับ, นอนงับ, กินข้าวงับ, ดูหนังงับ, ทำงานงับ ฯลฯ จุดน่าสังเกตก็คือ มีรูปแบบที่น่าสนใจ โดย คำว่า งับ มักนิยมใช้ ต่อท้าย หลังจาก คำนาม หรือ คำกิริยา เท่านั้น แต่บางครั้ง ก็สามารถใช้ขยายคำนามได้ด้วย เช่น ประตูงับมือ, สุนัขงับแขน *(คำเหล่านี้มีความหมายและใช้ถูกต้องน่ะ) คำอื่นๆ เช่น เตง ซึ่งมีความหมายตามคำแสลง แปลว่า ตัวเอง เป็นการรวบคำทั้งสอง ตัดตัวสะกดตัวหน้า และตัดพยัญชนะตัวหลัง แล้ว รวบคำกัน จนเกิดเป็น คำแสลง "เตง" ขึ้นมา
ส่วนคำว่า ต้าว ไม่มีที่มาที่ชัดเจน เป็นคำแสลงที่เราเอง ก็ สับสนเหมือนกัน เพราะบางครั้ง ก็ใช้แทน คำนามไปได้เลย ซึ่ง คลายคำสรรพนามบุคคลที่หนึ่ง มากๆ
(Who You She He It)
ส่วนคำว่า ค้าบ เป็นคำแสลง ที่มาจาก ครับ และ ร้ากเอง ก็ เป็นแสลงมาจาก รัก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น คือมีการนิยมใช้คำแสลงมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานเองก็มีให้เห็นบ่อยอยู่เหมือนกัน พูดอีกนัยหนึ่ง ภาษาแสลงนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นนั้นเอง
กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เกิดการแตกแยกนะ ถือว่าเป็นการแชร์ความคิดเห็น มุมมอง เหมือนมาสาธก กันให้อ่านแล้วนำกลับไป สังเกตวิถีชีวิต คนรอบข้างดู แล้วอย่าลืมกลับมามอบ คุณศิลา ด้วยนะ ว่ามีคำไหนอยากให้ สาธกกันอีก มาคอมเม้นต์ กันเยอะๆ น่ะ
เขียนโดย เจ้าชายใจศิลาแลง

ทำไมใน บทสนทนา จึงมีคำแปลกที่ปรากฎขึ้น ท้ายประโยคหรือระหว่างประโยค เช่น งับ เตง ต้าว ค้าบ ร้าก ฯลฯ
ซึ่งมุมมองเราแล้ว นั้นคือ การดิ้นของภาษา มันมีเสน่ห์มาก รากศัพท์มากจากคำนี้ คำนั้น มันดูมีที่มามีประวัติความเป็นมา แต่ อย่างคำว่า "งับ เตง ต้าว ค้าบ ร้าก" จัดอยู่ในคำแสลง ซึ่งใช้สื่อสารและเข้าใจกันเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่มีความหมายที่ถูกต้อง แต่บางคำ ก็มีความหมายน่ะ เช่น งับ แปลตามราชบัณฑิตยสถานซึ่งเป็นคำกิริยา ที่มีความหมายว่า ปิดอย่างไม่สนิทหรือปิดอย่างไม่ลงกลอน เช่น งับประตู / อาการที่อ้าปากคาบหรือกัดโดยเร็ว ซึ่งคำนี้จะเห็นบ่อยเป็น คำสร้อย ท้ายประโยค เช่น เธองับ, ตัวงับ, เจ็บงับ, นอนงับ, กินข้าวงับ, ดูหนังงับ, ทำงานงับ ฯลฯ จุดน่าสังเกตก็คือ มีรูปแบบที่น่าสนใจ โดย คำว่า งับ มักนิยมใช้ ต่อท้าย หลังจาก คำนาม หรือ คำกิริยา เท่านั้น แต่บางครั้ง ก็สามารถใช้ขยายคำนามได้ด้วย เช่น ประตูงับมือ, สุนัขงับแขน *(คำเหล่านี้มีความหมายและใช้ถูกต้องน่ะ) คำอื่นๆ เช่น เตง ซึ่งมีความหมายตามคำแสลง แปลว่า ตัวเอง เป็นการรวบคำทั้งสอง ตัดตัวสะกดตัวหน้า และตัดพยัญชนะตัวหลัง แล้ว รวบคำกัน จนเกิดเป็น คำแสลง "เตง" ขึ้นมา
ส่วนคำว่า ต้าว ไม่มีที่มาที่ชัดเจน เป็นคำแสลงที่เราเอง ก็ สับสนเหมือนกัน เพราะบางครั้ง ก็ใช้แทน คำนามไปได้เลย ซึ่ง คลายคำสรรพนามบุคคลที่หนึ่ง มากๆ (Who You She He It)
ส่วนคำว่า ค้าบ เป็นคำแสลง ที่มาจาก ครับ และ ร้ากเอง ก็ เป็นแสลงมาจาก รัก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น คือมีการนิยมใช้คำแสลงมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานเองก็มีให้เห็นบ่อยอยู่เหมือนกัน พูดอีกนัยหนึ่ง ภาษาแสลงนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นนั้นเอง
กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เกิดการแตกแยกนะ ถือว่าเป็นการแชร์ความคิดเห็น มุมมอง เหมือนมาสาธก กันให้อ่านแล้วนำกลับไป สังเกตวิถีชีวิต คนรอบข้างดู แล้วอย่าลืมกลับมามอบ คุณศิลา ด้วยนะ ว่ามีคำไหนอยากให้ สาธกกันอีก มาคอมเม้นต์ กันเยอะๆ น่ะ
เขียนโดย เจ้าชายใจศิลาแลง