ประสบการณ์การขึ้นศาลไกล่เกลี่ยคดีแรง

เริ่มเรื่องเลยนะคะ เราโดนเลิกจ้างกระทันหันเมื่อต้นเดือนกันยายน เราทำงานกับบริษัทนี้มาปีกว่า แล้วเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนเราโดนบอกเลิกจ้างโดยนายจ้างมาคุยกับเราส่วนตัวว่าขอเลิกจ้างเนื่องจากสถานการณ์โควิด19 ทำให้ลูกค้าลดลงแล้วเขาแบกรับภาระค่าจ้างไม่ไหว โดยจะจ่ายเงินเลิกจ้างเป็นจำนวน2เดือน คือค่าตกใจ1เดือน กับค่าชดเชย1เดือน รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน2เดือน แล้วจะออกจดหมายรับรองการทำงานให้เราด้วย สาเหตุที่ให้2เดือนเพราะเขาจ่ายประกันสังคมให้เราแค่3เดือน เราไม่ตกลง หลังจากนั้นเราพยายามจะตกลงกับเขาเรื่องค่าชดเชย แต่เขายืนยันว่าจะจ่ายเราแค่นี้ เราจึงได้ดำเนินการฟ้องนายจ้างกับทางสวัสดิการแรงงานโดยเรียกไปตามความเป็นจริงคือค่าชดเชยเลิกจ้าง3เดือน บวกกับค่าตกใจอีก1เดือน วันหยุดนักขัตฤกษ์กับวันหยุดเหลืออีกเกือบ20วัน เป็นเงินทั้งหมดเกือบแสน แล้วพอดำเนินการฟ้องนายจ้างเสร็จทางแรงงานก็คุยกับนายจ้างให้ ทีแรกตกจ่ายแต่ขอผ่อนจำนวน3งวดเราก็ตกลงพอ ถึงเวลาจ่ายแล้วอยู่ดีนายจ้างก็เปลี่ยนใจไม่จ่าย โดยให้เหตุผลกับทางแรงงานว่าเราขี้เกียจทำงานเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้คือเพื่อที่จะไม่จ่ายค่าชดเชยเรา แต่ก่อนหน้านี้เราก็ได้คุยกับเขาโดยเรามีหลักฐานทางอีเมล์ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ที่โดนเลิกจ้างเพราะเขามีปัญหาทางการเงิน เพียงเพราะไม่อยากจ่ายค่าชดเชยเลยหาเหตุผลอื่นมาอ้างได้ด้วยหรอคะ แล้วทางแรงงานก็ออกหนังสือสั่งจ่ายตามจริงที่เราขอไปเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเรื่องก็มาถึงขั้นตอนที่เขาต้องนำเงินมาวางที่ศาลเพื่อที่จะถอนฟ้องคำสั่งแรงงาน นัดไกล่เกลี่ยกันที่ศาล เขาเสนอจ่ายให้แค่60,000แต่เราขอเพิ่มเป็น65,000 แต่เหมือนจะไม่เต็มใจที่จะจ่ายแต่ก็ตกลงจ่าย คำถามเราคือถ้ากรณีที่เราไม่รับจำนวนที่เขาเสนอมาแต่เราอยากได้เต็มจำนวนพอมีสิทธิ์ไหมคะเพราะเราต้องตกงานมาถึง5เดือนแล้วเพียงเพราะเขาไม่ให้เครดิดการทำงานของเรา แถมตอนมาไกล่เกลี่ยก็ส่งทนายมาพยามพูดให้เราเสียหายทุกอย่างทำงานไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้แต่ไม่เคยตักเตือนเราสักครั้ง แล้วทางนิติกรกับทางนักวิชาการก็พูดประณีประนอมประมาณว่า ถ้าเราไม่เอาตามที่เขาเสนอแล้วเรื่องไปถึงศาลเราก็ไม่ได้เต็มอยู่ดีเดี๋ยวทางศาลก็ต้องขอลดอีก เขาไม่ให้เต็มที่เราขอหรอก เผลอๆเราอาจจะไม่ได้สักบาทแล้วกฏหมายที่เขียนไว้คืออะไรเราไม่เข้าใจค่ะ เราก็ขอตามกฎหมายระบุไว้ไม่ได้ขอเวอร์ไปด้วย งงมากเลยค่ะ สภาวะจำยอมรับเงินแค่65,000ก็เพราะเราเสียสุขภาพจิตกับคำพูดให้ร้ายของเขาเราเครียดมาก เลยอยากให้จบค่ะ เครียดมากร้องไห้กับตัวเองหนักมากเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน จึงอยากสอบถามเป็นความรู้ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับคำตอบ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คุณยื่นคำร้องไว้ต่อพนักงานตรวจแรงงาน และพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงิน
หากคู่ความ (นายจ้าง/ลูกจ้าง) ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนั้น ก็สามารถนำคดีไปสู่ศาลแรงงาน เพื่อฟ้องเพิกถอนคำสั่งได้

ซึ่งจากที่บอกว่า “ถ้าเราไม่เอาตามที่เขาเสนอแล้วเรื่องไปถึงศาลเราก็ไม่ได้เต็มอยู่ดีเดี๋ยวทางศาลก็ต้องขอลดอีก”
ก็จึงคาดเดาว่า อยู่ระหว่างการรอฟังผลว่านายจ้างจะนำคดีไปสู่ศาลหรือไม่  ใช่หรือไม่?

เมื่อพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินแล้ว นายจ้างจะต้องปฏิบัติภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นายจ้างได้รับคำสั่ง หาไม่แล้ว นายจ้างจะถูกดำเนินคดีอาญา
หรือ ถ้านายจ้างไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง ก็มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่นายจ้างได้รับคำสั่งเช่นกัน
ซึ่งถ้านายจ้างคดีไปสู่ศาลจริง ศาลจะมีหมายเรียกไปยังพนักงานตรวจแรงงาน และคุณก็ควรต้องไปศาลด้วยทุกนัด เพราะเป็นการที่นายจ้างขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนั้นเสีย ซึ่งคุณเป็นผู้มีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี

กระบวนพิจารณาของศาลแรงงาน ศาลจะมีอำนาจไกล่เกลี่ยคู่ความได้เสมอ (ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ)
ซึ่งการนัดครั้งแรกจะเป็นนัดกำหนดประเด็นและข้อพิพาท ถ้านายจ้าง-ลูกจ้างไปพร้อมกันที่ศาล ศาลก็อาจไกล่เกลี่ยคู่ความ
ถ้าสามารถตกลงกันได้อย่างไร ศาลก็จะทำคำพิพากษาตามยอมให้ เพื่อที่คุณจะได้รับเงินที่นายจ้างวางไว้ต่อศาล
แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ศาลก็จะกำหนดวันนัดสืบพยาน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบพยาน และนัดฟังคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้ ศาลแรงงานกลาง/ศาลแรงงานภาค เป็นศาลชั้นต้น ซึ่งเมื่อได้มีคำพิพากษาแล้ว คู่ความที่ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษา ก็สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์และฎีกา ได้ต่อไป

ดังนั้น ในกระบวนการไกล่เกลี่ยคู่ความ จึงอาจมีการชี้ให้เห็นถึงความยาวนานของกระบวนการพิจารณา เพื่อให้คู่ความตัดสินใจ
ซึ่งถ้าคุณเห็นว่าสามารถตกลงกันได้ แล้วรับเงินบางส่วน แต่ได้เงินแน่นอน (เพราะเงินวางอยู่ที่ศาลแล้ว) คุณจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก็ได้
หรือถ้าคุณเห็นว่าสามารถรอได้ ยืนยันจะรับเงินเต็มตามคำสั่ง คุณก็แถลงกับศาลว่าไม่ขอไกล่เกลี่ย เพื่อให้ศาลสืบพยานและมีคำพิพากษา ก็ได้
แล้วแต่คุณเห็นสมควร
ทั้งนี้ คุณควรสอบถามพนักงานตรวจแรงงานที่มีคำสั่ง ว่าขณะนี้อยู่ในกระบวนการอย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่