อยากเรียนต่อ ป.โท แต่มีเงินเก็บ 2 แสน และอายุ 30 แล้ว รู้สึกหดหู่ใจและไม่สามารถหยุดคิดได้

เราอยากเรียน ป.โท มาก (อยากเรียนถึง ป.เอก ด้วยซ้ำ) จริงๆอยากไปเรียนที่ ตปท. แต่มันแพงมาก จ่ายไม่ไหว มีเงินเก็บแค่ 2 แสน ทั้งๆที่ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย แต่ทำงานหน่วยงานรัฐ เงินเดือน 2 หมื่น และมีแต่เงินเดือน ไม่มีค่าโอที โบนัส หรือเงินพิเศษใดๆ เราไม่อยากรบกวนเงินพ่อแม่ (พ่อแม่ก็ไม่ได้อยากให้เราไปเรียนไกล ในขณะที่ญาติเราบางคนเป็นผู้ชาย พ่อแม่เขาส่งไปเรียน ตปท. ออกเงินเอง แต่เราเป็นผู้หญิง พ่อแม่ไม่สนับสนุนให้ไปอยู่ไกลบ้าน ขนาดแค่ไปทำงานที่ กทม.พ่อแม่ยังห่วงแล้วห่วงอีก) และเราไม่คิดว่าตัวเองจะเก่งพอถึงขนาดสอบชิงทุนได้ เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ เรียนและทำงานใช้ภาษาไทยมาตลอด (เราอาจเรียนเก่งได้เกียรตินิยม แต่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ เพราะไม่ได้ใช้งาน)

และถึงแม้เราจะไปเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งก่อน ก็คงหมดเงินไปมากโข และก็ไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะสอบชิงทุนได้สำเร็จ เราก็อายุ 30 แล้ว ไม่คิดว่าฝึกภาษาแค่ปีเดียวแล้วจะสามารถสอบชิงทุนได้ อย่างเราคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และก็ต้องฝึกอย่างเคร่งครัด แต่เราไม่มั่นใจตัวเอง เพราะงานเรากินเวลาส่วนตัวเยอะ ต้องเอากลับมาทำที่บ้านหลังเลิกงาน ต้องเอากลับมาทำวันหยุด แล้วเราจะมีเวลาฝึกภาษาสักแค่ไหน แค่จะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอยังยากเลย (ตรงนี้เรารู้สึกแย่ที่ไม่ยอมเรียน ป.โท ทันทีที่จบ ป.ตรี หรือตอนที่ยังอายุ 20 กลางๆ) แล้วถ้าสมมติเราสอบชิงทุนได้ตอนอายุ 40 เราก็มีเวลาเหลือน้อยเต็มทีในการเอาความรู้ที่เรียน ป.โทมาใช้ประโยชน์+อัปเกรดตัวเอง มันจะคุ้มค่ากับที่จ่ายไปหรือเปล่าก็ไม่รู้

พอเราลองลดสเปคลงมาอีก คิดจะเรียนในไทย ก็มีเรื่องให้หนักใจอีก เพราะมหาลัย+คณะที่อยากเรียน ก็ค่าเทอมแพง เกิน 2 แสนไปเยอะ ไม่มีทุนให้เลยด้วย แถมยังต้องยื่น recommendation ตั้ง 2 คน เราไม่รู้จะไปขอให้ใครมารับรองตัวเรา จะให้ อ.ที่สอนตอนเรียน ป.ตรี รับรองให้ก็หนักใจ เพราะไม่ได้สนิทกัน และเราเรียนจบมาเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่คิดว่า อ.จะจำเราได้ ไม่รู้จะเข้าหายังไง แต่ถ้าจะให้หัวหน้างานรับรองให้ก็หนักใจอีก เพราะถ้าเขาช่วยแล้วเราเกิดสอบไม่ติด มันคงน่าอายมาก และเราไม่มีหน้าจะไปขอให้เขาช่วยอีกเป็นครั้งที่สอง (บอกก็ได้ว่าที่เราอยากเรียนคือ MBA จุฬาฯ ภาคพิเศษ) นอกจากนี้ เรายังไม่สามารถสลัดความคิดอยากเรียนที่ ตปท.ออกไปได้

และเมื่อเราลองลดสเปคลงมาอีก โดยคิดจะเรียนจุฬาเหมือนกัน (ในไทยเราไม่ค่อยอยากเรียน ม.ไหนนอกจากจุฬาฯ พ่อแนะนำให้เรียนรามก็ไม่เอา ในขณะที่เพื่อนเราจบ ป.โท รามกันหลายคน) แต่เปลี่ยนจาก MBA เป็นรัฐศาสตร์ เพราะค่าเทอมแสนกว่า ถูกกว่า MBA เยอะมาก แถมไม่ต้องยื่น recommendation แต่เราก็คิดมากอีกว่าเรียนรัฐศาสตร์แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับงานเรา ถึงจะหน่วยงานรัฐ แต่งานเราไม่ได้เน้นรัฐศาสตร์ ถ้าเรียนมาแล้วไม่ใช้ประโยชน์ก็ไม่รู้จะเรียนให้เสียเงินเปล่าทำไม เงินแสนนึงกว่าเราจะเก็บได้ต้องใช้เวลาตั้งหลายปี แต่พอคิดว่าจะไปเรียน MBA ที่ ม.อื่นแทน เราก็ไม่สามารถสลัดความคิดที่อยากเรียนจุฬาออกไปได้ (เราทิ้งความชอบอันดับ 1 แล้ว ถ้าต้องทิ้งความชอบอันดับ 2 ด้วยก็ทำใจลำบากอยู่)

สำหรับมหาลัยในไทยนั้น เราเคยคิดว่าจะขอทุนเรียนจากที่ทำงานเรา แต่ว่ามันไม่ง่าย เพราะทุนที่ทำงานเราก็มีเงื่อนไขว่าถ้าได้ทุนแล้ว พอกลับมาทำงานแล้วต้องจัดทำโครงการขึ้นมา 1 อย่าง แต่เขาให้เราเขียนโครงการตั้งแต่ตอนสมัครทุน ซึ่งเป็นการคิดเผื่ออนาคต เราก็คิดไม่ออกว่าจะทำโครงการอะไร ตอนนี้เราก็มีทำโครงการในฝ่ายงานเราอยู่ (แล้วก็เหนื่อยรากเลือดเลย จนไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว) แต่คนรับสมัครทุนไม่ให้เราใช้โครงการนี้ เขาให้เราคิดโครงการใหม่ เราคิดไม่ออกจริงๆ นอกจากนี้ถ้าได้ทุนแล้วก็มีข้อผูกมัดว่าต้องทำงานที่เดิมต่ออีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งเราก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ไหม ถ้าผิดสัญญาเราก็ต้องจ่ายเงินชดใช้พร้อมดอกเบี้ย

ดูๆแล้วเหมือนเราจะมีข้อติดขัดทุกอย่างเลย อุปสรรคเยอะจนแทบไม่มีหวัง เรารู้สึกเศร้าใจมาก แต่เราก็ไม่สามารถสลัดความคิดอยากเรียนออกไปจากใจได้ (โดยเฉพาะเรื่องที่อยากเรียน ตปท.) บางคนอาจคิดว่าเราไม่เจียมตัว ไม่มีเงินแล้วอยากจะเรียน หรือคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียน เรียนมาก็ไร้ประโยชน์ เสียเงินเปล่า หรือบางคนที่เคยได้เรียนแล้วก็อาจคิดว่าการจะเข้าไปเรียนมันไม่ได้ยากเกินไป ส่วนเราก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี คนที่ทำงานเรา ฝ่ายงานเราก็ไม่มีใครเรียน ป.โทกัน เพื่อนเราที่เรียนกันส่วนใหญ่เขาก็ใช้เงินตัวเอง และไม่ได้เรียนมหาลัยที่ Top มากถึงขนาดจุฬา (คนเรียนจุฬาก็มี แต่เขาเรียนที่นี่มาตั้งแต่ ป.ตรี) บางคนก็พ่อแม่ออกค่าเรียนให้ บางคนก็ได้ทุนที่ทำงาน แต่เป็นสายวิศวะ ไม่ใช่สายบริหาร ใครพอจะแนะนำอะไรเราได้ก็เชิญเลยนะคะ แต่ถ้าใครไม่รู้จะแนะนำอะไรก็ขออย่าซ้ำเติมกันเลย

-----------
20/1/65  จขกท.รู้สึกดีใจค่ะที่มีคนเข้ามาให้คำแนะนำมากขนาดนี้ (อ่านทุกเม้นท์) เรารู้สึกว่าได้ความรู้ ได้กำลังใจ และรู้สึกต้องพยายามมากขึ้น เราจะลองลดความยึดติดในสถาบัน และเน้นประโยชน์ในการเรียนมากขึ้น ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
แปลกดี คุณพูดถึงการไปนอก
เรียนจุฬา  แต่ไม่ได้พูดถึงสาขาที่ชอบ สาขาที่อยากเรียน สาขาที่อยากรู้จริงๆ เลย ว่าที่ไหนมีดี มีสอน

เราเคยลาราชการเรียนโท สองปี
หลักสูตรปรกติ ที่มหิดล
(จบตรีธรรมศาสตร์)
ค่าใช้จ่ายสองปี หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่า สนุกมากกกกกกกกก เป็นวิชาที่เราสนใจค้นคว้า กล้าถกเถียงกับอาจารย์ เป็นสองปีที่มีความสุขที่สุด
ความคิดเห็นที่ 38
นี่ไม่ใช่การซ้ำเติมนะคะ แต่ขอพูดแรงหน่อย ถ้าไม่หวังดีเราไม่มาเสียเวลาพิมพ์ให้หรอกนะ

ชีวิตอยู่ในมือคุณนะคะ อนาคตของคุณอยู่ในมือคุณเอง จากนี้ไปคุณจะได้ทุกอย่างที่คุณใฝ่ฝันไว้หรือจะต้องนอนร้องไห้เสียดายไปตลอดชีวิตก็อยู่ที่ตัวคุณเองนะคะ อุปสรรคชีวิตคุณที่คุณมองว่าใหญ่โต จริงๆแล้วมันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คุณคิดนะคะ เราจะไล่เป็นข้อๆให้ดูนะ

-ครอบครัว คุณบอกว่าครอบครัวคุณไม่อยากให้คุณไปไกล แต่เท่าที่อ่านดู เหมือนว่าถ้าคุณจะไปจริงๆเค้าก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพียงแต่คุณอาจจะรู้สึกน้อยใจว่าเค้าไม่สนับสนุนคุณเท่าไหร่ ไม่เหมือนญาติพี่น้องผู้ชาย เลิกไปสนใจเลิกไปคิดเรื่องนี้นะคะ อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพราะคุณรู้ดีว่าถ้าคุณจะไปจริงๆใครก็ห้ามไม่ได้

-เงิน สองแสนสำหรับการเรียนป.โทในไทยนี่พออยู่แล้วค่ะเว้นแต่พวกหลักสูตรนานาชาติหรือหลักสูตรพิเศษ แล้วไม่ได้จ่ายก้อนเดียวเลยเสียหน่อย เพียงแต่มันใช่หลักสูตรที่คุณอยากเรียนจริงๆหรือเปล่า ทำไมต้องยึดติดในชื่อเสียงของมหาลัยมากกว่าสิ่งที่อยากจะเรียนจริงๆ

-จดหมายแนะนำ ถ้าคุณคิดว่าความอายในการบากหน้าไปหาอาจารย์ป.ตรีหรือการต้องทนหัวหน้าดูถูกถ้าสอบไม่ติด สำคัญกว่าความฝันและอนาคตของคุณ คุณก็ต้องยอมรับและไม่เสียใจทีหลังนะคะ เพราะคุณเลือกเอง หรือคุณ

-ทุน คุณบอกคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษ ทำงานก็หนัก ไม่มีเวลาฝึก จะไปเรียนก็เสียดายเงิน ฯลฯ แล้วคุณได้เริ่มทำบ้างหรือยังคะ เวลาที่คุณใช้ไปกับการคร่ำครวญเสียใจในสิ่งที่คุณไม่มี คุณได้เอามันไปใช้ในการพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาหรือเปล่า ยุคนี้การฝึกภาษาด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่ายมากกกกกเลยนะคะ แหล่งข้อมูลมีเยอะมากๆ คุณเริ่มจากบังคับตัวเองเลยว่าทุกวันตั้งแต่ 21.00-22.00 น. คุณจะฝึกภาษาอังกฤษเท่านั้น ลองเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆก่อนก็ได้ค่ะ เริ่มจากการสอบ TOEIC ก่อนมั้ยคะ เพราะถึงสุดท้ายคุณไม่ได้ทุนไปเรียนต่อ คุณก็เอาผลสอบไปใช้หางานใหม่ได้ ไม่มีอะไรเสียเปล่าหรอกค่ะ สิ่งที่เสียเปล่าคือการไม่ทำอะไรนี่แหละ

-ทุนของที่ทำงาน คุณอุตส่าห์ได้ทำงานในหน่วยงานรัฐที่สนับสนุนเรื่องการเรียนต่ออยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้คะ คุณบอกคุณคิดโครงการไม่ออกจริงๆ อยากถามว่าคุณมีกระบวนการในการคิดยังไงคะ ถ้านั่งเฉยๆแล้วหวังว่าจะคิดออกเอง ไม่ใช่นะคะ คุณต้องรู้ว่าคุณจะเรียนด้านไหน คุณสนใจหัวข้อประมาณไหน แล้วไปศึกษาหาหัวข้อของคนที่ทำสายเดียวกันดู ยิ่งอ่านเยอะไอเดียจะยิ่งมาค่ะ ถ้าไม่อ่านเลยไม่ค้นคว้าเลยมันจะนึกไม่ออก



อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ เราว่าคุณไม่ได้อยากเรียนป.โทเท่าไหร่หรอกค่ะ เราว่าคุณแค่อยากมีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากกว่า แต่คุณคงมองว่าการไปต่างประเทศเฉยๆมันดูเสียโอกาส การเรียนป.โทป.เอกอย่างน้อยก็ได้ปริญญากลับมา เพราะคนที่อยากจะเรียนจนถึงป.เอกจริงๆ เค้าจะต้องกระตือรือร้นมากกว่านี้ การเรียนในระดับบัณฑิตศึกษามันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดนะคะ ไม่ใช่แค่เข้าไปนั่งรออาจารย์ป้อนให้ แต่คุณต้องค้นหาต้องศึกษาด้วยตัวเอง ถ้าอยากจะเรียนป.โทจริงๆ คุณควรเปลี่ยนตัวเองให้มีความกระตือรือร้นมากกว่านี้นะคะ แต่ถ้าคุณคิดดีแล้วว่าไม่ได้อยากเรียนป.โท แค่อยากสัมผัสประสบการณ์การไปอยู่ต่างประเทศ มันก็มีหนทางอื่นอีกหลากหลายค่ะ

สุดท้ายไม่ว่าจะเลือกทางไหน เราหวังแค่ว่าคุณจะไม่เสียใจกับทางที่คุณเลือกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
คุณลิสต์ข้อจำกัดออกมาเป็นข้อๆ ไล่จากแค่ mba จุฬา ก่อนค่อยขยับไปเมืองนอก…


เราว่าปัญหาหนักสุดของคุณ คือ คุณไม่รู้จักโต แค่ลองไปขอ recommendation ดูคุณยังไม่กล้าเลยค่ะ

อยากได้อะไร คิดไว้เลยว่า ต้องสู้ให้ได้มาค่ะ ไม่ใช่รอวันให้โอกาสมาเอง เอาตัวเองไปเทียบคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่