💜มาลาริน🇹🇭15ม.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก ป่วย7,793คน หายป่วย5,202คน ตาย18คน 77จว. กทม.นำ/ไขว้เข็ม3ภูมิ90%/แอฟริกาใต้ไม่แรง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




















รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2565
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485046613113668


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 14 ม.ค. 2565)
รวม 108,916,435 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 14 มกราคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 602,487 โดส

เข็มที่ 1 : 56,398 ราย
เข็มที่ 2 : 144,824 ราย
เข็มที่ 3 : 401,265 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 51,751,305 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 47,445,961 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 9,719,169 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485018123116517


เกณฑ์การส่งต่อผู้ป่วย
Home Isolation (HI) / Community Isolation (CI) เข้าโรงพยาบาล

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/484982066453456


ผลตรวจ ATK เป็นบวก จะเข้าระบบการรักษาอย่างไร ?
• กทม.  ติดต่อ สปสช. โทร. 1330 กด 14
• ต่างจังหวัด ติดต่อ Call Center  ของจังหวัด/อำเภอ

ที่มา : กรมการแพทย์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/484982706453392


สวมถูกต้อง ป้องกันได้ประสิทธิภาพ
สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ทุกครั้ง
ก่อนออกจากบ้านหรือเมื่อต้องพบเจอผู้คน

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/484994056452257


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2565 จำนวน 18 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485052369779759


WHO แนะนำใช้ยา Baricitinib ของบริษัท Eli Lilly ร่วมกับยา Corticosteroids เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดใช้เครื่องช่วยหายใจผู้ติดเชื้อ COVID

ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก แนะนำให้ใช้ยา Baricitinib ของบริษัท Eli Lilly ร่วมกับยา Corticosteroids ที่ใช้สำหรับต้านการอักเสบเพื่อลดความรุนแรงของการติดเชื้อและภาวะวิกฤต สามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดการใช้เครื่องช่วยหายใจของผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ใช้ยา Sotrovimab ของบริษัท GlaxoSmithKline and Vir Biotechnology สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเข้ารักษาในโรงพยาบาล เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคเรื้องรัง ทั้งนี้ ยาทั้งสองชนิดได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการต้าน COVID-19 ได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ Omicron

ที่มา : สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485069826444680


กรมอนามัย ย้ำ !! ร้านอาหารทุกพื้นที่เข้ม
• COVID Free Setting  
• V-U-C-A  
หลังมาตรการจำกัดเวลานั่งกินไม่เกิน 2 ชม. ประเมินไม่ผ่านมากที่สุด

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีความเห็นว่า การติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้เกิดการแพร่ระบาดขยายวงกว้าง จนมีการยกระดับการเตือนภัย จึงมีมติเห็นชอบให้ยกระดับมาตรการ ควบคุมโรคเข้มข้น โดยเพิ่มจังหวัดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 69 จังหวัด แต่ยังสามารถบริโภคในร้านอาหารได้ตามปกติ แต่ห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ซึ่งข้อมูลการลงทะเบียนประเมิน COVID Free Setting ของร้านอาหาร ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 – 7 มกราคม 2565 มีทั้งสิ้น 11,996 แห่ง ผ่านการประเมิน 11,469 แห่ง ไม่ผ่านการประเมิน 527 แห่ง โดยมาตรการที่ไม่ผ่านการประเมินมากที่สุดคือ จำกัดเวลาในการนั่งกินไม่เกิน 2 ชั่วโมง รองลงมาคือ ร้านที่มีเครื่องปรับอากาศต้องตรวจเอกสารฉีดวัคซีน และไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การชิม การเชียร์ลูกค้า จึงขอให้ร้านอาหารทุกพื้นที่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อลดเสี่ยงในการติดและแพร่เชื้อของโควิด-19

จากข้อมูลผลการสำรวจอนามัยโพล ระหว่างวันที่ 5-12 มกราคม 2565 เป็นการสังเกตการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของร้านอาหารพบว่ามาตรการที่ผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่าทำได้ดีคือ มีการทำความสะอาดโต๊ะที่นั่งทันทีก่อน-หลังใช้บริการ ร้อยละ 69.3 มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการประจำโต๊ะ ร้อยละ 62.9 มีการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และไม่นั่งตรงข้ามกัน หรือมีฉากกั้น ร้อยละ 53.4 ส่วนมาตรการ ที่ควรปรับปรุง ทำได้น้อยคือ จำกัดเวลากินไม่เกิน 2 ชั่วโมง ร้อยละ 16.7 พนักงานแยกกันกินอาหารไม่รวมกลุ่มกัน ร้อยละ 17.8 และติดใบประกาศ COVID Free Setting หรือ Thai Stop COVID Plus ร้อยละ 21.3 นอกจากนี้ ผลสำรวจอนามัยโพลยังพบว่า กิจกรรมที่พบเห็นในร้านอาหารมากที่สุดคือ มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ร้อยละ 24.6 ไม่ได้ตรวจการฉีดวัคซีน คัดกรองลูกค้าก่อนเข้าร้าน ร้อยละ 21 และร้านอาหารเป็นสถานที่ปิด การระบายอากาศไม่ดี ร้อยละ 9.8 ตามลำดับ จึงขอความร่วมมือประชาชนและสถานประกอบการร้านอาหาร ทุกแห่ง ยึดมาตรการ V-U-C-A คือ

V : Vaccine ฉีดครบ ลดป่วยหนัก
U : Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด-19
C : COVID Free Setting สถานที่บริการพร้อมผู้ให้บริการได้รับวัคซีนครบ
A : ATK พร้อมตรวจเสมอ เมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อหรือมีอาการทางเดินหายใจ

ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485075056444157



กทม. เปิดสายด่วนโควิด (EOC) 50 เขต เพิ่มศักยภาพในการรับ-ส่งผู้ป่วย

กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง
เขตดินแดง โทร.0 2092 7016
เขตดุสิต โทร.0 2092 7121
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โทร.0 2092 7313
เขตพญาไท โทร.0 2092 7580
เขตพระนคร โทร.0 2092 7643
เขตราชเทวี โทร.0 2092 7701
เขตวังทองหลาง โทร.0 2092 7910
เขตสัมพันธวงศ์ โทร.0 2094 1429
เขตห้วยขวาง โทร.0 2096 9112

กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก
เขตคลองสามวา โทร.0 2096 9202
เขตคันนายาว โทร.0 2483  5000
เขตบางกะปิ โทร.0 2483 5001
เขตบึงกุ่ม โทร.0 2483 5002
เขตประเวศ โทร.0 2483 5003
เขตมีนบุรี โทร.0 2483 5004
เขตลาดกระบัง โทร.0 2483 5005
เขตสะพานสูง โทร.0 2483 5006
เขตหนองจอก โทร.0 2483 5007

กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ
เขตคลองสาน โทร.0 2023 9900
เขตจอมทอง โทร.0 2023 9911
เขตตลิ่งชัน โทร.0 2023 9922
เขตทวีวัฒนา โทร.0 2023 9933
เขตธนบุรี โทร.0 2023 9944
เขตบางกอกน้อย โทร.0 2023 9966
เขตบางกอกใหญ่ โทร. 0 2023 9977
เขตบางพลัด โทร.0 2023 9988

กลุ่มเขตกรุงธนใต้
เขตทุ่งครุ โทร.0 2483 5008
เขตบางขุนเทียน โทร.0 2483 5009
เขตบางแค โทร.0 2483 5010
เขตบางบอน โทร.0 2483 5011
เขตภาษีเจริญ โทร.0 2413 2724
เขตราษฎร์บูรณะ โทร. 0 2483 5013
เขตหนองแขม โทร.0 2483 5014

กลุ่มเขตกรุงเทพใต้
ประกอบด้วย เขตคลองเตย เขตบางคอแหลม เขตบางนา เขตบางรัก เขตปทุมวัน เขตพระโขนง เขตยานนาวา เขตวัฒนา เขตสวนหลวง และเขตสาทร หมายเลขโทรศัพท์สายตรงจะเปิดใช้วันที่ 17 ม.ค.65 ระหว่างนี้สามารถโทรสายด่วน สปสช.1330 กด 14 หรือสายด่วนศูนย์เอราวัณ 1669 กด 2

ที่มา : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/485078749777121


สธ. เผย 14 วัน โควิดไทยเริ่มทรงตัว หากสถานการณ์ดีขึ้น พร้อมเสนอ ศบค. ผ่อนคลายมาตรการ

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สรุปแนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ตามที่คาดว่าจะมีการระบาดหลังจากช่วงปีใหม่ เนื่องจากมีการเดินทางและมีเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้ครบ 14 วันแล้ว พบว่าช่วงสัปดาห์แรกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขณะนี้มีแนวโน้มทรงตัวและค่อย ๆ ลดลง ขณะที่ผู้ป่วยหนักมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ส่วนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจที่ป่วยหนักมากลดลงต่ำที่สุดเท่าที่เคยมี

ส่วนการเตือนภัยโรคโควิดขณะนี้อยู่ในระดับ 4  ประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล งดเข้าสถานที่เสี่ยง และชะลอการเดินทาง ซึ่งที่ผ่านมา แผนการชะลอการระบาดถือว่าควบคุมได้ดี จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกัน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนมารับวัคซีน และตรวจ ATK เป็นหลัก

หากสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น จะพิจารณาจะลดระดับการเตือนภัยในระยะถัดไป รวมถึงเสนอ ศบค.ให้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
https://web.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/297431539086251