กาลคร้งหนึ่ง..ของการท่องเที่ยว บทสรุป

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด การเดินทางก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปฉันนั้นแหละ ฮา นี่คงต้องเป็นคำขวัญที่เราต้องท่อง ทำใจ และเผื่อใจไว้ ถ้าคิดจะเที่ยวในช่วงสถานการณ์โรคระบาด 

สายเทียวน่าจะอัดอั้นพอสมควรในช่วงสองปีที่ผ่านมา สำหรับใครที่ทำงานเครียด และ มองว่าการเดินทางไกลๆ ไปพักผ่อนคือการ ได้ถอดปลั๊ก เปิดหูเปิดตา ได้ disconnect และได้ให้รางวัลตัวเองสักหน่อย คงพอเข้าใจได้ 

ที่อัดอั้นกว่าคือ ถ้าบอกใครว่าจะไปเที่ยวยุโรปช่วงทีผ่านมา ก็รู้ว่าจะโดนด่าหรือ "ประณาม" "ปรามาส" ว่าบ้าไปแล้ว โน่นนี่นั่น ถ้ามีอะไรก็จะตามมาด้วยการ "สมน้ำหน้า"

จขกท เองเริ่มตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ยินข่าวว่ายุโรปคลายมาตรการ เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ ขณะที่ประกาศออกมาชัดเจนว่าวัคซีนใดเข้าได้บ้าง หน้าเพจสถานฑูตสวิตเซอร์แลนด์จะระบุชัดเจนว่า วัคซีน Sinovac สามารถเข้าประเทศเขาได้ โดยไม่ต้องมีการตรวจ PCR ก่อนเดินทาง วัคซีนพาสปอร์ตไม่มีก็เข้าได้ ใช้หลักฐานฉีดวัคซีนจากแอพหมอพร้อมเท่านั้น 

แถมบ้านเราประกาศมาตรการ Test & Go ที่เข้ามาแล้วตรวจไม่พบเชื้อ ไม่ต้องกักตัว โอ้โห สายอยากเที่ยวอย่างเราคือ ตื่นเต้นมาก นึกภาพตามได้เลย

เราถามบริษัททัวร์ว่า กรุ๊ปออกได้จริงไหม (ตอนนั้นเหลือเวลาไม่ถึงสองเดือน จากที่ปกติเราแพลนล่วงหน้าเป็นปี) เมื่อได้รับการยืนยันเราจองเลย โดยเขาแนะนำเลือกทัวร์ที่บินเข้าที่ซูริค สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น เพราะประเทศอื่นๆ ไม่รับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีน Sinovac เราทำทุกอย่างแบบกะทันหันจนเกือบจะไม่ทันรอบที่เขาจะนัดยื่นวีซ่ากรุ๊ป ลูกสาวขอใบรับรองการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย เราเองก็ขอหนังสือรับรองการทำงาน ส่งไปให้เขาดำเนินการแบบด่วนจี๋ 

เซอร์ไพร้ซ์แรก วันที่ต้องไปยืนวีซ่า สถานฑูตแจ้งมาว่าเราไม่ต้องไปแสดงตัว และ สถานฑูตยืดเวลาการพิจารณาจากเดิม เป็น 10 วัน อะนี่ใจแป้วละหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดสถานฑูตสวิสให้วีซ่าเราสองคนแม่ลูกมายาวกว่าที่คิดค่ะ คือ 6 เดือน

ระหว่างรอกำหนดเดินทาง ข่าวการระบาดของโอไมครอนเริ่มแรงขึ้นๆ สถานการณ์ไม่นิ่งเลย หลายประเทศประกาศเปลี่ยนมาตรการ จนเราเริ่มระทึกว่า จะได้ไปไหม จะไหวไหม เพราะเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อคดาวน์ก่อนเลย ต่อมาสวัตเซอร์แลนด์บังคับว่าต้อง PCR ก่อนเข้า แล้วบ้านเราก็ยกเลิก Test & Go และ Thailand Pass อัยย่ะ

นี่จะจัดกระเป๋าอย่างไร กับการต้องกลับมากักตัว 14 วัน Facepalmเรามีโปรแกรมไปหลายประเทศ เห็นว่าตอนเข้าประเทศฝรั่งเศสหรือเบลเยี่ยม อาจต้องมีการตรวจ PCR กันอีก และก่อนบินกลับ เราต้องแสดงผล PCR ที่เป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องด้วยจ้า
 
แต่คือบริษัททัวร์ไม่ได้ขอยกเลิก ไม่ได้ขอคืนเงิน และเทียวบินก็ไม่ได้ประกาศยกเลิก มันก็ต้องเดินหน้าละวะ ขอบคุณคุณกุ๊ก บริษัท Siam Travel Mart ที่ให้ข้อมูลอัพเดทด้วยความใจเย็น แถมยังคอยช่วยลุ้น คอยห่วงใย ส่งกำลังใจให้กันตลอดเส้นทาง

สรุป คือ มันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการที่ต้องตรวจ PCR 3 ครั้ง คือ ก่อนบินไป ก่อนบินกลับ และ ตอนกลับถึงประเทศไทยแล้ว ใดๆ คือ บริษัททัวร์ได้ลงทะเบิยนนักท่องเที่ยวในกรุ๊ปเราเรียบร้อยในการเดินทางกลับประเทศด้วย Thailand Pass ก่อนจะประกาศยกเลิก ก็เลยหมดปัญหาเรื่องการต้องกักตัว 14 วัน แม้เราจะกลับถึงไทยหลังปีใหม่ หลังประกาศยกเลิก Test & Go แต่มีค่าตรวจและค่าโรงแรม 1 คืนที่ไทยอีกคนละ 4500 บาท ขากลับเราตรวจ  PCR ที่เบลเยี่ยมโดยมี จนท มาตรวจให้ที่โรงแรม ค่าใช้จ่ายคนละ 150 ยูโร กลุุ่มเราได้กลับพร้อมกันทั้งหมด เป็นลบทั้งกลุ่ม จุดพลุ



และผลตรวจที่โรงแรมที่ไทยหลังจากมาถึง คือ เป็นลบทั้งกลุ่มเช่นกัน

ถือเป็นการจัดการที่รวดเร็วใช้ได้อยู่นะคะ การโหลดแอพ Swiss Pass , Covid Certificate อะไรใดๆ ทางเขาทำให้เราหมด ตอนเข้าสวิสจึงไม่มีปัญหา เราไม่มีวัคซีนพาสปอร์ตเล่มสีเหลืองที่หลายคนพากันไปขอ เพราะเราเลือกจะเดินทางแบบกะทันหันอย่างที่บอก คิวยาวจนถึงกลางเดิอนมกราคม แต่ จนท ยืนยันว่าแค่ใบวัคซีนจาก รพ ที่ฉีดและหน้าแอพหมอพร้อมเข้าได้ อันนี้ยืนยันว่าจริงค่ะ

ขากลับตอนเช็คอินที่สนามบิน นอกจากผล PCR แล้ว เจ้าหน้าที่สายการบินจะขอดู Thailand Pass และโรงแรมที่จองไว้เมื่อเราไปถึงไทย ซึ่งทางบริษัททัวร์เตรียมให้หมดเรียบร้อย จึงผ่านไปด้วยดีอีกเช่นกัน

เอาจริงๆ ลุ้นกันทุกขึ้นตอน แต่เราก็แค่แสดงเอกสารที่เขาต้องการ ตามที่กำหนดไว้ ตอนขึ้นเขาTitlis ที่สวิส ตอนเข้าพระราชวังแวร์ซายส์ หรือ ตอนเข้าร้านอาหาร เขาจะให้เปิดแอพให้แสกน เราฉีด Sinovac 2 เข็ม ตั้งแต่มุถุนายน แล้วกระตุ้นด้วย AstraZeneca ตอนปลายเดือนกันยายน สามารถเข้าได้ทุกที่ค่ะ 

เลยขอเล่าสู่กันฟังโดยสังเขป ของการท่องเที่ยวยุคโรคระบาดนะคะ 

ออกตัวไว้ก่อนว่าอาจจะเรียกชื่อแอพไม่ถูกต้องและไม่ไฮเทคนักในการอธิบายด้านเทคนิค ครั้งนี้คุณลูกสาวจัดการให้ทุกสิ่งอย่าง แม่แค่เดินตามนางตอนนางโชว์แอพให้เจ้าหน้าที่ ผลตรวจพีซีอาร์อะไรใดๆ ก็ดูผ่านโทรศัพท์ทั้งหมด ผ่านฉลุย ท้ายสุดคือ หัวหน้าทัวร์กรุ๊ปนี้ชำนาญการมากจริงๆ (คุณชุ ชยกร) ประสานงานแก้ปัญหา ดูแลกวดขัน ทุกคนให้ความร่วมมือร่วมใจ ผ่านกันมาหมด แล้วคุณเขาคล่องมากจริงๆ นี่ให้สิบดาวไม่หัก

ในอนาคตคาดว่า มาตรการจะมีการปรับเปลี่ยนอีก การท่องเที่ยวอาจไม่เหมือนเดิม  แต่ก็คงดีกว่าไม่ได้ท่องเที่ยวเลย การใช้ชีวิตก็คงเป็นแบบ new normal ทั้งหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ ในโรงหนัง ในห้างสรรพสินค้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสได้ดูหนังจอใหญ่ในโรงหรือได้ช้อปอีกต่อไป ความเห็นส่วนตัวนะคะ เราจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณโรคระบาดให้ได้

ขอจบการเล่าสู่กันฟังด้วยประการฉะนี้

รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง... ฮัมเพลงวนไป 

ขอขอบคุณที่แวะเข้ามากันจนกระทู้สรุปนะคะ

ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/41190261
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/41192134
รีวิวโรงแรมที่สวิส https://pantip.com/topic/41193971
รีวิวโรงแรมที่เบลเยี่ยม https://pantip.com/topic/41193892

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่