ทริปต้องมา @ตะเพินคี่ อุทยานแห่งชาติพุเตย (บังเอิญไป 30-31 ธันวาคม 64)

-- หลังจากได้มีเวลาดาวน์โหลดภาพจากกล้องลงคอมฯ เมื่อสามวันก่อน เคลียร์งานค้างตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่เสร็จเรียบร้อย จึงเป็นช่วงเวลาดีดีที่นกอีก๋อยอยากจะเขียนเรื่องราวการเดินทางที่สนุกมากๆ อีกทริปหนึ่งให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน --
/// และไม่ใช่แค่จะมาเล่าเท่านั้น แต่อยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวเหมือนกับที่นกอีก๋อยได้ไปด้วยเหตุผลเดียวเลยคือ “มันสวยมาก” ///
/// เพราะไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะขึ้นไปบนยอดเขาเทวดา นกอีก๋อยจึงพูดได้เต็มปากว่ามันเป็นความบังเอิญขั้นสุดส่งท้ายปีที่นกอีก๋อยจะไม่มีวันลืมเลย เพราะนับเป็นอีกทริปที่สั่นหัวใจให้เต้นเร็วและแรงมากอีกทริปหนึ่งก็ว่าได้ /// 
+++ ยอดเขาเทวดา? ไม่เคยรู้จักมาก่อน เพิ่งจะติดหูเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง ลองพิมพ์คำว่ายอดเขาเทวดาในกูเกิ้ลดูซิ อื้อหือ!!!..แม่เจ้า สวยอ่า สวยมาก ว้าวมาก มองเห็นหมอกเป็นเลเยอร์ๆ ปุกปุยอย่างกับ CG คนก็เหมือนยืนอยู่บนกลุ่มเมฆพวกนั้นจริงๆ อ๋อๆๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี +++
** ซึ่งจะว่าไปนกอีก๋อยก็เดินทางไปสุพรรณบุรีบ่อยอยู่นะเพราะเป็นบ้านเกิดของพ่อ คือทุกปีช่วงเคาท์ดาวน์ขึ้นปีใหม่ เราจะรวมตัวกันที่นั่นเพื่อพบปะญาติพี่น้องที่ต่างก็อยู่กระจัดกระจายตามจังหวัดต่างๆ อย่างน้อยปีละครั้ง **
 
/// นอกจากภาพสวยๆ นกอีก๋อยเริ่มหาอ่านรีวิวคนที่เคยเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาเทวดาประกอบการตัดสินใจ แล้วก็ดันไปเจออันที่รีวิวว่าต้องเป็นรถโฟร์วีลเท่านั้นจึงจะขึ้นไปบนยอดเขาเทวดาได้ ซึ่งเราก็ไม่มีรถประเภทนั้น..นกอีก๋อยได้แต่จินตนาการไปว่าทางมันต้องโหดมากๆ ชันมากๆ สูงและอันตรายมากแน่ๆ สารพัดความคิดประเดประดังเข้ามา..///
+++ และยังไม่ทันไรนกอีก๋อยตัดใจพับโครงการเลยจ้า ที่สำคัญกว่านั้นอุทยานแห่งชาติพุเตยไม่ได้อยู่ในลิสต์ของปีนี้หรือปีไหนๆ เลย ก็บอกตัวเองว่าเราไม่มีแพลนไปที่นั่น “อุทยานแห่งชาติพุเตย” ผืนป่าที่เค้าว่ามันถูกลืมไปแล้ว หากแต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่นกอีก๋อยยังพอจำได้เลาๆ เมื่อราวปี 2536 วันที่ 26 พฤษภาคม เครื่องบินจากฮ่องกงที่กำลังจะบินไปประเทศออสเตรียโดยลงจอดรับผู้สารที่สนามบินดอนเมืองก่อน เครื่องบินดังกล่าวประสบปัญหาชุดควบคุมการทำงานของเครื่องบินเกิดขัดข้องจนเป็นเหตุให้เครื่องบินตกที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 223 คน จนมีการทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวภายใต้ชื่อ “สุสานเลาดาแอร์”+++

ติดตามอ่านย้อนหลังเหตุการณ์เลาดาแอร์ตกที่พุเตยจากลิงค์นี้ก็ได้จ้า https://www.thairath.co.th/news/auto/1919788 เพี้ยนเผือก   
 
**อย่างที่เกริ่นนกอีก๋อยและอ้ายกากเราพับแพลนเรื่องการขึ้นยอดเขาเทวดา แต่ตัดสินใจกันว่าเหลือแค่ไปนอนกลางทางที่อุทยานแห่งชาติพุเตยกันก็พอ ก่อนเดินทางไปเคาท์ดาวน์ที่บ้านพ่อ สัมภาระพร้อมมากสำหรับการแค้มปิ้ง** 
 
++ เช้าวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ++
ก่อนออกเดินทางก็มีเหตุให้ใจคอไม่ดีเหมือนว่าฤกษ์มันไม่สะดวกเอาซะเลย แบตเตอรี่รถดันมาหมดเช้าวันที่จะเดินทางพอดีน่ะสิ 
เช้านั้นจึงถอดใจว่าจะไม่ไปกางเต็นท์ที่พุเตยแล้ว แต่ก็จะเดินทางไปบ้านญาติวันที่ 31 ธันวาทีเดียวเลย 
แต่อ้ายกากสุดที่รักบอกว่าเราก็แค่เปลี่ยนแบตก็เดินทางต่อได้แล้ว นกอีก๋อยเลยโทรหาช่างที่รู้จักกันมาช่วยพ่วงแบตให้ 
** เราออกเดินทางทันที ดูเวลา 8 โมงเช้าพอดี ซึ่ง Que-Q ที่จองไว้เตือนว่าเราต้องเข้าพื้นที่ภายในเวลาบ่ายสองโมง **   
อัศวินขี่ม้าขาว

/// การเดินทางจึงได้เริ่มต้นขึ้น ///
/// ด้วยความกังวลเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ที่อาจเกิดปัญหาอีกระหว่างทางได้ ช่วงขับรถล่องลงมาทางนครสวรรค์จึงคอยช่วยกันมองหาร้านเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่ส่วนใหญ่ร้านแบตรายย่อยไม่ค่อยเปิดอาจเพราะเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ จนในที่สุดก็ได้มาเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ร้านนี้ “กิจรุ่งโรจน์” ///
ปล. เจ้าของร้านบริการดี แถมให้บริการแบบเกินความคาดหมายเพราะมีการสำรองไฟรถให้โดยที่ไม่ได้ตัดระบบไฟ ใช้เวลาเปลี่ยนแบตประมาณครึ่งชั่วโมง 
 
+++ นกอีก๋อยและอ้ายกากเดินทางถึงอุทยานแห่งชาติพุเตย โซน 2 ซึ่งเป็นจุดที่เราจองพื้นที่กางเต็นท์ประมาณบ่ายโมงนิดๆ   ซึ่งที่ทำการส่วนนี้จะอยู่ห่างจากตะเพินคี่ซึ่งเราขับผ่านมาประมาณ 28 กิโลแม้ว ในตอนนั้นคิดแต่ว่าตะเพินคี่คืออะไร อยู่ที่ไหนยังงัย....เพี้ยนลอย
// จุดชำระค่าธรรมเนียมจ้า จ่ายไป 80 บาท (คน 2 รถ 1)// 
//ลานกางเต็นท์กว้างขวาง เรามองหาทำเลเหมาะๆ แบบที่ไม่ใกล้ห้องน้ำเพราะกลัวคนเดินพลุกพล่านตอนกลางคืน ปักหมุดใกล้ต้นไม้ใหญ่นี่ก็แล้วกัน//
//ลานกางเต๊น์โซน 2 แห่งนี้ มีร้านอาหารสวัสดิการ ของอุทยาน 1 ร้าน อาหารรสชาติอร่อย และราคาก็ไม่แพง โหยๆ อย่างนี้กะเพรา หมูทอด ต้มยำซดน้ำร้อนๆ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาทันที ช่วงที่เราเดินทางอากาศถือว่าเย็นสบายประมาณ 27 องศาในช่วงกลางวัน ส่วนแดดนั้นไม่ต้องพูดถึง ถ้ายืนกลางแดดนานๆ ก็ต้องมีไหม้กันบ้างแหละจ้ะ// 
/// บริเวณโดยรอบจ้า สำหรับการเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ก็ถือว่าไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมลานกางเต็นท์ก็กว้างขวาง ห้องน้ำสะอาดให้ 10 เต็มเลยจ้า ///
+++ และระหว่างรออ้ายกากกางเต็นท์นกอีก๋อยก็ออกไปหาถ่ายภาพเล่นไปเรื่อย จนมาถึงป้อมยามก็ได้สอบถามเกี่ยวกับตะเพินคี่ เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้จะเต็มเร็วเพราะเป็นช่วงเทศกาล อันนี้อีก๋อยพอเข้าใจได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เชิญชวนว่ามาถึงพุเตยแล้วอย่าลืมไปเที่ยวยอดกเขาเทวดานะ อันนี้นกอีก๋อยก็ยังพอเข้าใจ 555 ก็เพราะเราก็อ่านมาพอสมควรว่าไฮไลท์ที่นี่คือยอดเขาเทวดานั่นแหละ ติดแค่เรื่องเดียวที่รถเราอาจไม่ได้เอื้ออำนวยนักกับการเดินทางขึ้นเขาสูงชัน +++
นกอีก๋อยจึงยิงคำถามไปว่ารถกระบะปกตินี่ขึ้นได้หรือเปล่า? เพี้ยนฮัลโหล
“ได้สิครับ ช่วงหน้าหนาวขึ้นได้ ขอแค่มีประสบการณ์ขับขึ้นเขาก็ได้แล้ว” เจ้าหน้าที่บอกว่าที่ขึ้นกันลำบากๆ ก็เพราะเป็นช่วงหน้าฝนเปรียบว่าเรากำลังขับรถในนาข้าวที่มีน้ำขังอย่างไรอย่างนั้น รถโฟร์วีลจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด  
 
“ว่าแต่ตะเพินคี่ ที่พักกางเต็นท์ก็เต็มแล้ว” เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามี Home stay กับมีพื้นที่กางเต๊นท์บนตะเพินคี่ให้บริการในราคาที่ไม่แพงมาก 
 
ถึงอย่างนั้นนกอีก๋อยก็ยังแอบบงงว่าพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติจะมีการทำ Home stay ได้ยังงัยกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้คำตอบว่าพื้นที่ส่วนดังกล่าวที่ผ่านมานานหลายสิบปีก็เป็นพื้นที่ที่ชาวเขาชาวดอยจับจองไว้ทำมาหากินปลูกพีชกันซึ่งก็มีทั้งยาง ข้าวโพด กล้วย ผลไม้ต่างๆ แถมบนนั้นก็ยังมีโรงเรียนที่เปิดสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาด้วย
 
และต้องบอกว่าถ้าไม่ได้เจ้าหน้าที่ท่านนั้นที่ช่วยแนะนำ Home stay บนตะเพินคี่ให้ นกอีก๋อยและอ้ายกากก็คงไม่มีโอกาสขึ้นไปชมยอดเขาเทวดาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่โคตะระสวยอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย นกอีก๋อยและอ้ายกากขอขอบพระคุณพี่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นมากๆ เลยจ้า...และขออนุญาตไม่เอ่ยนามนะจ๊ะ (แต่แอบบอกว่าพี่เค้าก็อยู่ในภาพชุดนี้แหละจ้า) 
 
หลังจากรับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่นกอีก๋อยรีบเดินกลับไปปรึกษาอ้ายกาก โดยไม่รอช้าเราช่วยกันเก็บของขึ้นรถอย่างเร็ว ออกรถในทันที ได้ลิสท์รายชื่อ Home stay มา 2 – 3 แห่ง แต่ 1 ในนั้นมีชื่อที่ติดหูนกอีก๋อยมากที่สุดคือ “อ่องจุงยู”
 
อะไรนะ? เจ้าหน้าที่บอกซ้ำช้าๆ ชัดๆ “อ่องจุงยู” ชื่อฟังดูมีความชาวเขาจริงๆ ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อ่องจุงยูคือเป็นจุดกางเต็นท์ที่เป็นช่องลมระหว่างเทือกเขาสลับซับซ้อนที่มีวิวสวยที่สุดบนตะเพินคี่..แค่ฟังก็อดใจแทบไม่ไหวอยากขึ้นไปให้ถึงไวที่สุดเลยจ้า 
 
** สำหรับการเดินทางจากลานกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติพุเตย โซน 2 ไปยังบนตะเพินคี่และขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาเทวดา เราจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ขับรถไปประมาณ 28 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และจากตะเพินคี่เดินขึ้นไปบนยอดเขาเทวดาอีกประมาณ 900 เมตร ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง (สบายมาก นกอีก๋อยนึกในใจ) คร่าวๆ ประมาณนี้จ้า ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เข้าพัก แต่ที่ทราบส่วนใหญ่เลือกที่จะไปค้างคืนที่ตะเพินคี่ หรือ Home stay ของชาวบ้าน บนตะเพินคี่มากกว่า เพราะจะช่วยร่นระยะทางในการเดินทางได้ถึง 1 ชั่วโมง **
 
// เมื่อตัดสินใจว่าไปตะเพินคี่แน่ๆ เราก็ออกเดินทาง ของทุกอย่างโยนใส่หลังกะบะไปก่อน นี่เลยจ้าทางเข้าตะเพินคี่ เป็นซุ้มประตูแบบนี้นะ// 
// ก่อนขึ้นตะเพิ่นคี่ ขอแวะหาอะไรไปกินซะหน่อย เราเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำครัวมาปกติอยู่แล้ว // 
/// ตัดมาที่ภาพทางขึ้นตะเพินคี่เลยจ้า ฝุ่นแดงๆ ทางขึ้นเรียกว่าทำเอาคอด๊อกแด๊กตลอดทาง ทางชันก็ว่าขับยากแล้วแต่ความขรุขระและหลุมบ่อคือเล่นเอาเราตัวโยนได้ตลอดเวลา ความคดโค้งของเส้นบทางที่ต้องค่อยๆ ไต่ระดับไปเรื่อยๆ โชคดีที่รถสวนลงไม่ค่อยมี มอเตอร์ไซค์มีขับผ่านประปราย นั่งไปก็มองหน้าอ้ายกากไปว่าเราจะขึ้นไปไหวใช่มั้ย ทางมันค่อนข้างโหดเอาเรื่อง ยิ่งถ้าคนที่ไม่เคยขับรถขึ้นเขาชันแบบนี้ ไม่แนะนำเลย และยิ่งถ้าเป็นรถเล็ก 1.0 หรือ 1.2 คือต้องบอกว่าสงสารรถมากๆ ขนาดเราฮ้อกะบะยังอดสงสารรถไม่ไหว ///
ปล. ระยะทางจากปากทางขึ้นตะเพินคี่ไปยังจุดที่เราจะไปหาที่กางเต็นท์ ประมาณ 13 กิโล และเป็น 13 กิโลที่ทรหดเอาเรื่อง ดีที่เราไม่ได้มาช่วงหน้าฝน 
พาพันไฟท์ติ้ง 

--- โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า ---
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่