ความเดิมจากตอนที่แล้ว..
เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงในภัตตาคารจีนแถวพระราชวังแวร์ซาย ที่ประเทศฝรั่งเศส แล้วนั่งรถข้ามประเทศจากฝรั่งเศสมาเบลเยี่ยม ไม่มีปัญหาในการข้ามพรมแดน ไม่ต้องตรวจ PCR เพิ่มเติม และไม่ได้ตรวจเอกสาร ไปถึงเมืองบรัสเซลล์ ตอนเย็นเพื่อทานอาหารมื้อเย็น ที่ร้านตรงจตุรัส Grand Place ที่ร้านจะขอดูแอพที่แสดงวัคซีนค่ะ
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่เคยมาเบลเยี่ยมมาก่อนเลยในชีวิต เคยได้ยินแต่ชื่อเมือง Brussels อันเป็นเมืองหลวงและเป็นที่ทำการสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป หรือ อียู ด้วยความรีบเร่งของทริปนี้อย่างที่บอก ก็ไม่ได้มีเวลาหาข้อมูลอะไรเลย จึงขอเล่าแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ด้วยภาพที่ถ่ายมาละกันนะคะ จขกท มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของที่นี่ มีเพียงน้อยนิดจริงๆ อาจจะเล็กกว่าหางอึ่ง โปรดอภัย
ขอใช้ภาพจากเมือง Brussels เล่าเบาๆ นะคะ

จตุรัส Grand Place แม้เราจะตื่นสายกัน แต่ที่นี่ก็ยังโล่งๆ สบายตาอยู่ค่ะ ต้นคริสต์มาสสูงเด่น พร้อมรถม้าให้บริการนักท่องเที่ยวที่ราคาเที่ยวละ 60 ยูโร น้องมาจะวิ่งเร็วมาก คนบังคับม้าเป็นผู้หญิงผมทองสวยไปอีก

สายหน่อยจะเริ่มมีไกด์ถือร่มมายืนรอรับนักท่องเที่ยว บนร่มจะติดธงชาติเพื่อระบุว่าไกด์ท่านนั้นให้บริการในภาษาอะไร ที่เห็นคือ อิตาเลียน ค่ะ นอกจากนี้ก็มีธงอังกฤษ ด้วย ประเทศนี้ใช้สามภาษาหลัก ได้แก่ ฝรั่งเศส ดัทช์ และ เยอรมัน

ไกด์บอกว่า มาบรัสเซลล์ต้องมาดู Manneken Pis หรือหนูน้อยยืนฉี่ วันนี้น้องเขาใส่ชุดวันเกิดเลย เห็นว่าบางฤดูกาลเขาก็มีชุดอื่นๆ สวมใส่ด้วย ปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาดูน้องเขาเยอะมาก นี่ก็โชคดีอีกครั้งที่ไม่มีคน

มองเผินๆ ก็พอเดาได้ว่าเมืองนี้เก่าแก่ จากการปูถนน อาคารสิ่งก่อสร้างของเขาเนอะ

อันนี้เก๋มากค่ะ ทางข้ามสีรุ้งที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง Pride Month ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ตามในภาพค่ะ รู้สึกได้ถึงความแซ่บและเสรีของคนที่นี่เลย

กลางเมืองนี้มีป้ายติดนะคะว่าบังคับสวมหน้ากากอนามัย

หาอาหารพื้นเมืองกินไม่ทัน ก็เข้าหาพี่แมคไว้ก่อนค่ะ พี่แมคมีทุกที่ ที่เห็นในภาพคือ แมคโดนัลด์สาขาแรกในเบลเยี่ยม เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 1978 นี่เราเข้าไปใช้บริการมาค่ะเลยอ่านป้ายในร้าน แล้วก็ ร้านนี้มีห้องน้ำให้เข้านะคะ เดินลงไปชั้นล่าง เสียค่าบริการ 0.30 ยูโร เคาน์เตอร์บริการมีพนักงานรับออเดอร์เหมือนบ้านเรา และ สามารถสั่งผ่านตู้อัตโนมัติได้

จากนั้นเรามุ่งหน้าไปเมือง Antwerp ค่ะ ห่างไปไม่ไกล ชื่อประหลาดเหมือนต้องไปเจอไอ้มดแดง แต่จริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกันเลยค่ะ

เป็นอีกเมืองทีสวยมาก ทราบว่าเป็นเมืองท่าด้วย เพราะอยู่ติดแม่น้ำสายใหญ่ รู้สึกได้ถึงความมั่งคั่ง

รถบัสจอดแถวท่าเรือ ระหว่างเดินผ่านเห็นชิงช้าสวรรค์อันเบ้อเริ่ม ค่าขึ้น 18 ยูโร แต่ไม่ได้ใช้บริการนะคะ เราเลือกเดินชมเมืองและหาของกิน


ที่เตะตา จขกท มากจนต้องขอแชะเอามาแชร์ก็คือ แฟชั่นของเมืองนี้ค่ะ ไม่ใช่ขาว เทา ดำ ทะมึนแบบปารีเซียงนะ สีเด่นเห็นแต่ไกลจ้า ไม่ธรรมดาเลย แคร์ใครที่ไหน อุ๊บอิ๊บ ความเห็นส่วนตัว ผู้คนที่นี่หน้าตาสวยหล่อ สะอาดสะอ้านนะคะ น่ามองมากๆ ค่ะ

เขาว่าเบลเยี่ยมเป็นต้นตำรับของวัฟเฟิล หรือ มาที่นี่ไม่ควรพลาดวัฟเฟิล ร้านขายขนมและช็อคโกเลตจะมีให้เห็นเต็มเมือง แทบทุกมุมเลยค่ะ

วันที่ไป มีซอยหนึ่งเหมือนจะมีตลาดนัด ขายของแบกะดิน มีของแต่งบ้านมาขาย เหมือนจะเป็นของมือสอง แล้วก็มีงานป้ายแบนนี้ อารมณ์ตลาดนัดบ้านเรา แต่พ่อค้าแม่ค้า ดูไม่น่ากลัวแบบที่ลานหน้าหอไอเฟล ราคาสูงพอสมควร

เรา check out จากเมือง Antwerp ที่ร้านนี้ค่ะ หน้าร้านบอกว่าขาย Fish & Chips ซึ่งคุณลูกสาวชอบ ก็เลยอุดหนุนเพื่อจะขอเข้าห้องน้ำด้วย ก๊าก ราคา 13 ยูโร ปลาชิ้นโต ส่วนมันฝรั่งนั้น ชิ้นใหญ่มาก เหมือนพ่อครัวไม่ตั้งใจหั่น หรือ ลืมปอกเปลือก แต่ให้อภัยนะคะ เพราะพนักงานบริการดีมาก อาหารรวดเร็วและถือว่าไม่แพงเกินไปค่ะ
เรายังได้ไปเที่ยวอีกสองเมืองของเบลเยี่ยมคือ Ghent และ ฺBruges ซิ่งสวยมาก ถ้าใครชอบสถาปัตยกรรมยุคโกธิค ยุคกลาง ที่ได้รับอิทธิพลจากคริสตศาสนา หรือเมืองเก่าๆ อารมณ์ขลังและมีความ chic แทรกอยู่เนี่ย ต้องลองมาเยือนดูค่ะ ขอแยกเป็นอีกกระทู้ ส่งท้ายทริปนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
ตอนที่ 1
https://pantip.com/topic/41190261
ตอนที่ 2
https://pantip.com/topic/41192134
รีวิวโรงแรมที่สวิส
https://pantip.com/topic/41193971
รีวิวโรงแรมที่เบลเยี่ยม
https://pantip.com/topic/41193892
กาลคร้งหนึ่ง..ของการท่องเที่ยว Ep.03
เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงในภัตตาคารจีนแถวพระราชวังแวร์ซาย ที่ประเทศฝรั่งเศส แล้วนั่งรถข้ามประเทศจากฝรั่งเศสมาเบลเยี่ยม ไม่มีปัญหาในการข้ามพรมแดน ไม่ต้องตรวจ PCR เพิ่มเติม และไม่ได้ตรวจเอกสาร ไปถึงเมืองบรัสเซลล์ ตอนเย็นเพื่อทานอาหารมื้อเย็น ที่ร้านตรงจตุรัส Grand Place ที่ร้านจะขอดูแอพที่แสดงวัคซีนค่ะ
ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่เคยมาเบลเยี่ยมมาก่อนเลยในชีวิต เคยได้ยินแต่ชื่อเมือง Brussels อันเป็นเมืองหลวงและเป็นที่ทำการสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป หรือ อียู ด้วยความรีบเร่งของทริปนี้อย่างที่บอก ก็ไม่ได้มีเวลาหาข้อมูลอะไรเลย จึงขอเล่าแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ด้วยภาพที่ถ่ายมาละกันนะคะ จขกท มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของที่นี่ มีเพียงน้อยนิดจริงๆ อาจจะเล็กกว่าหางอึ่ง โปรดอภัย
ขอใช้ภาพจากเมือง Brussels เล่าเบาๆ นะคะ
จตุรัส Grand Place แม้เราจะตื่นสายกัน แต่ที่นี่ก็ยังโล่งๆ สบายตาอยู่ค่ะ ต้นคริสต์มาสสูงเด่น พร้อมรถม้าให้บริการนักท่องเที่ยวที่ราคาเที่ยวละ 60 ยูโร น้องมาจะวิ่งเร็วมาก คนบังคับม้าเป็นผู้หญิงผมทองสวยไปอีก
สายหน่อยจะเริ่มมีไกด์ถือร่มมายืนรอรับนักท่องเที่ยว บนร่มจะติดธงชาติเพื่อระบุว่าไกด์ท่านนั้นให้บริการในภาษาอะไร ที่เห็นคือ อิตาเลียน ค่ะ นอกจากนี้ก็มีธงอังกฤษ ด้วย ประเทศนี้ใช้สามภาษาหลัก ได้แก่ ฝรั่งเศส ดัทช์ และ เยอรมัน
ไกด์บอกว่า มาบรัสเซลล์ต้องมาดู Manneken Pis หรือหนูน้อยยืนฉี่ วันนี้น้องเขาใส่ชุดวันเกิดเลย เห็นว่าบางฤดูกาลเขาก็มีชุดอื่นๆ สวมใส่ด้วย ปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาดูน้องเขาเยอะมาก นี่ก็โชคดีอีกครั้งที่ไม่มีคน
มองเผินๆ ก็พอเดาได้ว่าเมืองนี้เก่าแก่ จากการปูถนน อาคารสิ่งก่อสร้างของเขาเนอะ
อันนี้เก๋มากค่ะ ทางข้ามสีรุ้งที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง Pride Month ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ตามในภาพค่ะ รู้สึกได้ถึงความแซ่บและเสรีของคนที่นี่เลย
กลางเมืองนี้มีป้ายติดนะคะว่าบังคับสวมหน้ากากอนามัย
หาอาหารพื้นเมืองกินไม่ทัน ก็เข้าหาพี่แมคไว้ก่อนค่ะ พี่แมคมีทุกที่ ที่เห็นในภาพคือ แมคโดนัลด์สาขาแรกในเบลเยี่ยม เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 1978 นี่เราเข้าไปใช้บริการมาค่ะเลยอ่านป้ายในร้าน แล้วก็ ร้านนี้มีห้องน้ำให้เข้านะคะ เดินลงไปชั้นล่าง เสียค่าบริการ 0.30 ยูโร เคาน์เตอร์บริการมีพนักงานรับออเดอร์เหมือนบ้านเรา และ สามารถสั่งผ่านตู้อัตโนมัติได้
จากนั้นเรามุ่งหน้าไปเมือง Antwerp ค่ะ ห่างไปไม่ไกล ชื่อประหลาดเหมือนต้องไปเจอไอ้มดแดง แต่จริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกันเลยค่ะ
เป็นอีกเมืองทีสวยมาก ทราบว่าเป็นเมืองท่าด้วย เพราะอยู่ติดแม่น้ำสายใหญ่ รู้สึกได้ถึงความมั่งคั่ง
รถบัสจอดแถวท่าเรือ ระหว่างเดินผ่านเห็นชิงช้าสวรรค์อันเบ้อเริ่ม ค่าขึ้น 18 ยูโร แต่ไม่ได้ใช้บริการนะคะ เราเลือกเดินชมเมืองและหาของกิน
ที่เตะตา จขกท มากจนต้องขอแชะเอามาแชร์ก็คือ แฟชั่นของเมืองนี้ค่ะ ไม่ใช่ขาว เทา ดำ ทะมึนแบบปารีเซียงนะ สีเด่นเห็นแต่ไกลจ้า ไม่ธรรมดาเลย แคร์ใครที่ไหน อุ๊บอิ๊บ ความเห็นส่วนตัว ผู้คนที่นี่หน้าตาสวยหล่อ สะอาดสะอ้านนะคะ น่ามองมากๆ ค่ะ
เขาว่าเบลเยี่ยมเป็นต้นตำรับของวัฟเฟิล หรือ มาที่นี่ไม่ควรพลาดวัฟเฟิล ร้านขายขนมและช็อคโกเลตจะมีให้เห็นเต็มเมือง แทบทุกมุมเลยค่ะ
วันที่ไป มีซอยหนึ่งเหมือนจะมีตลาดนัด ขายของแบกะดิน มีของแต่งบ้านมาขาย เหมือนจะเป็นของมือสอง แล้วก็มีงานป้ายแบนนี้ อารมณ์ตลาดนัดบ้านเรา แต่พ่อค้าแม่ค้า ดูไม่น่ากลัวแบบที่ลานหน้าหอไอเฟล ราคาสูงพอสมควร
เรา check out จากเมือง Antwerp ที่ร้านนี้ค่ะ หน้าร้านบอกว่าขาย Fish & Chips ซึ่งคุณลูกสาวชอบ ก็เลยอุดหนุนเพื่อจะขอเข้าห้องน้ำด้วย ก๊าก ราคา 13 ยูโร ปลาชิ้นโต ส่วนมันฝรั่งนั้น ชิ้นใหญ่มาก เหมือนพ่อครัวไม่ตั้งใจหั่น หรือ ลืมปอกเปลือก แต่ให้อภัยนะคะ เพราะพนักงานบริการดีมาก อาหารรวดเร็วและถือว่าไม่แพงเกินไปค่ะ
เรายังได้ไปเที่ยวอีกสองเมืองของเบลเยี่ยมคือ Ghent และ ฺBruges ซิ่งสวยมาก ถ้าใครชอบสถาปัตยกรรมยุคโกธิค ยุคกลาง ที่ได้รับอิทธิพลจากคริสตศาสนา หรือเมืองเก่าๆ อารมณ์ขลังและมีความ chic แทรกอยู่เนี่ย ต้องลองมาเยือนดูค่ะ ขอแยกเป็นอีกกระทู้ ส่งท้ายทริปนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/41190261
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/41192134
รีวิวโรงแรมที่สวิส https://pantip.com/topic/41193971
รีวิวโรงแรมที่เบลเยี่ยม https://pantip.com/topic/41193892