ความเดิมจากตอนที่แล้ว...
หลังจากไปเที่ยวชมเมืองเหลวงอย่างบรัสเซลล์ และ เมืองท่าอย่าง Antwerps แล้ว เรายังคงอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมค่ะ ทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปอีกสองเมืองคือ Ghent และ Bruges ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ซึ่งไม่เหนื่อยเกินไป และที่สำคัญคือ สวยมากทั้งสองเมือง
เราไปเมือง Ghent ในตอนเช้าค่ะ หมายเหตุการสะกดชื่อเมือง น่าจะแตกต่างกันไปตามภาษาท้องถิ่นนะคะ เพราะที่นี่ใช้หลายภาษา บางทีก็เห็นเขียนว่า Gent โลเคชั่นบนไอโฟนขึ้นว่า Ghent แต่ภาพโปสการ์ดที่ระลึกของเมืองเขียน Gent
หอระฆังประจำเมือง Belfry of Ghent สูง 91 เมตร สร้างในยุคกลาง ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า
เห็นว่าเมือง Ghent นี้ได้รับเลือกจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี คศ 1999 ค่ะ ถ้าชอบสถาปัตยกรรมยุคกลาง อารมณ์เก่าขลัง อิทธิพลคริสตศาสนา พื้นปูด้วยหินเก่าๆ ไม่ควรพลาดนะคะ มีจุดที่เป็นสะพานข้ามคลอง สวยสไตล์เวนิสเลย
นี่คือ ยืนชมวิวบนสะพานก็ได้ หรือ ลงไปเดินเลียบคลองด้านล่างก็ได้ วันที่ไปยังเช้าอยู่ ผู้คนไม่พลุกพล่าน สวยทุกมุมเลยค่ะ
ส่วนตัวชอบอารมณ์ติสท์ๆ อาร์ตๆ แบบนี้ตามกำแพงบ้านเขา นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แอบคิดว่า มิจฉาชีพอาจไม่เยอะด้วย ก็เดินชิลล์ถ่ายรูปทั่วเมืองค่ะ ร้านขายของที่ระลึกเปิดให้บริการตามปกติ
เขาว่าช็อคโกเลตสดประเทศนี้อร่อย เลยได้ซื้อมาลอง ลูกสาวบอกว่าอร่อยจริง รับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านจีนที่เมืองนี้ค่ะ แต่ร้านตกแต่งเก๋ สว่างไสว และสะอาดมาก มุมกำแพงนี้ คือในภัตตาคารจีนค่ะ อิ่มหนำเดินทางไปเมือง Brugges
ต้องบอกเลยว่าสวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ เมืองนี้มีเรือให้นักท่องเที่ยวล่องไปตามคลองเขาด้วย ค่าบริการคนละ 18 ยูโร
เป็นอีกวันที่อากาศหนาว แต่ฟ้าใส พระอาทิตย์ออกมาให้ได้รูปสวยๆ และไม่หนาวเกินไป
ภาษาพื้นเมืองของเขาสะกดชื่อเมืองแบบนี้ค่ะ
ภาพมุมสูงนิดๆ ของจตุรัส De Markt ตรงใจกลางเมือง เป็นร้านอาหารที่เขาให้เราขึ้นไปใช้บริการด้านบนได้ ตรงนี้ร้านอาหารมากมาย ร้านกาแฟ ร้านช็อคโกเล็ต สตาร์บัคก็มีค่ะ ตึกแถวเขาจะสีสันสดใส unique มาก มื้อนี้อิสระเราเลยได้อุดหนุนอาหารพื้นเมืองร้านหนึ่งในย่านนี้ นั่งทานข้างนอก
ชอบทานไอศกรีมหน้าหนาวค่ะ อันนี้มาเป็นเซ็ทกับอาหารที่สั่ง
ตรงกลางจตุรัสที่เห็นเป็นโดมกลมๆ เหมือนจะมีตลาดนัดช่วยเทศกาลคริสต์มาสค่ะ ต้องต่อคิวเข้า เพราะจำกัดคนในพื้นที่ อันนี้ถ่ายรูปร้านค้าที่มาตั้งแผงขายหน้าจตุรัสให้ดู หน้ากากอนามัยบ้านเขา แพค 50 ชิ้น ราคา 10 ยูโร หรือประมาณ 380 บาทเลย ชุดตรวจโควิดราคา 5 ยูโร เขาก็พยายามร่วมด้วยช่วยกันป้องกันการระบาดอยู่แหละ
สุดท้าย คุณไกด์บอกว่า ท่านที่นิยมเครื่องดื่มยอดข้าว ควรจะได้ลิ้มลองผลิตภัณฑ์ของที่นี่ อันนี้เขาส่งมาอวดกัน ภาพอนุเคราะห์จากคุณไกด์ รสชาติเป็นยังไงก็ไม่ทราบนะคะ
สรุปว่า มาครั้งนี้ ได้มาเที่ยวเมืองในประเทศเบลเยี่ยมถึง 4 เมือง ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าสวยเกินคาดมาก ปกติเวลาไปทำงานก็จะอยู่แค่ชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ติดฝรั่งเศส ถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่ถ้ามีโอกาสควรไปเยือนนะคะ แหล่งช้อปปิ้งก็มีเยอะอยู่ค่ะ สำหรับสายช้อป แต่ถ้าชอบอารมณ์เมืองเก่ายุคกลาง หรือ ยุคโบราณ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่วุ่นวาย เบลเยี่ยมคือเยี่ยมจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ตอนหน้าจะมาเล่าถึงการเดินทางกลับและบทสรุปของการเที่ยวยุโรปยุคโรระบาดค่ะ
กาลคร้งหนึ่ง..ของการท่องเที่ยว Ep.04
หลังจากไปเที่ยวชมเมืองเหลวงอย่างบรัสเซลล์ และ เมืองท่าอย่าง Antwerps แล้ว เรายังคงอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมค่ะ ทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปอีกสองเมืองคือ Ghent และ Bruges ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ซึ่งไม่เหนื่อยเกินไป และที่สำคัญคือ สวยมากทั้งสองเมือง
เราไปเมือง Ghent ในตอนเช้าค่ะ หมายเหตุการสะกดชื่อเมือง น่าจะแตกต่างกันไปตามภาษาท้องถิ่นนะคะ เพราะที่นี่ใช้หลายภาษา บางทีก็เห็นเขียนว่า Gent โลเคชั่นบนไอโฟนขึ้นว่า Ghent แต่ภาพโปสการ์ดที่ระลึกของเมืองเขียน Gent
หอระฆังประจำเมือง Belfry of Ghent สูง 91 เมตร สร้างในยุคกลาง ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า
เห็นว่าเมือง Ghent นี้ได้รับเลือกจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี คศ 1999 ค่ะ ถ้าชอบสถาปัตยกรรมยุคกลาง อารมณ์เก่าขลัง อิทธิพลคริสตศาสนา พื้นปูด้วยหินเก่าๆ ไม่ควรพลาดนะคะ มีจุดที่เป็นสะพานข้ามคลอง สวยสไตล์เวนิสเลย
นี่คือ ยืนชมวิวบนสะพานก็ได้ หรือ ลงไปเดินเลียบคลองด้านล่างก็ได้ วันที่ไปยังเช้าอยู่ ผู้คนไม่พลุกพล่าน สวยทุกมุมเลยค่ะ
ส่วนตัวชอบอารมณ์ติสท์ๆ อาร์ตๆ แบบนี้ตามกำแพงบ้านเขา นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แอบคิดว่า มิจฉาชีพอาจไม่เยอะด้วย ก็เดินชิลล์ถ่ายรูปทั่วเมืองค่ะ ร้านขายของที่ระลึกเปิดให้บริการตามปกติ
เขาว่าช็อคโกเลตสดประเทศนี้อร่อย เลยได้ซื้อมาลอง ลูกสาวบอกว่าอร่อยจริง รับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านจีนที่เมืองนี้ค่ะ แต่ร้านตกแต่งเก๋ สว่างไสว และสะอาดมาก มุมกำแพงนี้ คือในภัตตาคารจีนค่ะ อิ่มหนำเดินทางไปเมือง Brugges
ต้องบอกเลยว่าสวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ เมืองนี้มีเรือให้นักท่องเที่ยวล่องไปตามคลองเขาด้วย ค่าบริการคนละ 18 ยูโร
เป็นอีกวันที่อากาศหนาว แต่ฟ้าใส พระอาทิตย์ออกมาให้ได้รูปสวยๆ และไม่หนาวเกินไป
ภาษาพื้นเมืองของเขาสะกดชื่อเมืองแบบนี้ค่ะ
ภาพมุมสูงนิดๆ ของจตุรัส De Markt ตรงใจกลางเมือง เป็นร้านอาหารที่เขาให้เราขึ้นไปใช้บริการด้านบนได้ ตรงนี้ร้านอาหารมากมาย ร้านกาแฟ ร้านช็อคโกเล็ต สตาร์บัคก็มีค่ะ ตึกแถวเขาจะสีสันสดใส unique มาก มื้อนี้อิสระเราเลยได้อุดหนุนอาหารพื้นเมืองร้านหนึ่งในย่านนี้ นั่งทานข้างนอก
ชอบทานไอศกรีมหน้าหนาวค่ะ อันนี้มาเป็นเซ็ทกับอาหารที่สั่ง
ตรงกลางจตุรัสที่เห็นเป็นโดมกลมๆ เหมือนจะมีตลาดนัดช่วยเทศกาลคริสต์มาสค่ะ ต้องต่อคิวเข้า เพราะจำกัดคนในพื้นที่ อันนี้ถ่ายรูปร้านค้าที่มาตั้งแผงขายหน้าจตุรัสให้ดู หน้ากากอนามัยบ้านเขา แพค 50 ชิ้น ราคา 10 ยูโร หรือประมาณ 380 บาทเลย ชุดตรวจโควิดราคา 5 ยูโร เขาก็พยายามร่วมด้วยช่วยกันป้องกันการระบาดอยู่แหละ
สุดท้าย คุณไกด์บอกว่า ท่านที่นิยมเครื่องดื่มยอดข้าว ควรจะได้ลิ้มลองผลิตภัณฑ์ของที่นี่ อันนี้เขาส่งมาอวดกัน ภาพอนุเคราะห์จากคุณไกด์ รสชาติเป็นยังไงก็ไม่ทราบนะคะ
สรุปว่า มาครั้งนี้ ได้มาเที่ยวเมืองในประเทศเบลเยี่ยมถึง 4 เมือง ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าสวยเกินคาดมาก ปกติเวลาไปทำงานก็จะอยู่แค่ชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ติดฝรั่งเศส ถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่ถ้ามีโอกาสควรไปเยือนนะคะ แหล่งช้อปปิ้งก็มีเยอะอยู่ค่ะ สำหรับสายช้อป แต่ถ้าชอบอารมณ์เมืองเก่ายุคกลาง หรือ ยุคโบราณ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่วุ่นวาย เบลเยี่ยมคือเยี่ยมจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ตอนหน้าจะมาเล่าถึงการเดินทางกลับและบทสรุปของการเที่ยวยุโรปยุคโรระบาดค่ะ