สลากฯ แพงรับปีใหม่ หวยกล่องพุ่ง 94 บาท ผู้ค้ารายย่อยโอด แพงเพราะยี่ปั๊วกว้านซื้อ
https://ch3plus.com/news/category/273278
เวลา 08.30 น.วานนี้ (5 ม.ค.65) ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาด่านซ้าย จ.เลย เปิดให้ผู้ที่มีโควต้าหวยกล่องเข้าแถวรับหวยกล่อง ซึ่งสั่งจองล่วงหน้า
พบว่าราคาหวยกล่องสูงขึ้นถึง 94 บาท ตั้งที่ราคาต้นทุนอยู่ที่ใบละ 70.40 บาท ทำให้ผู้ที่ไม่มีโควตาที่มายืนรอที่หน้าไปรษณีย์ เพื่อขอซื้อไปขายต่อต้องโอดครวญ ปีใหม่แล้วแทนที่ราคาจะลง กลับสูงขึ้น ส่วนยี่ปั๊วกว้านซื้อไปจับเป็นเลขชุด
โดยราคาหวยกล่อง 1 กล่องมี 5 เล่มหรือ 500 ใบ ต้นทุนอยู่ที่ 70.40 บาท ผู้ที่มีโควต้ารับแล้วขายต่อยกกล่อง ในราคาใบละ 94 บาท เท่ากับกำไรต่อกล่อง 11,800 บาท/กล่อง/งวด
จากนั้น ยี่ปั๊วไปจับชุด 2 ใบ ขาย 98 บาท 3 ใบ ขาย 108.50 บาท ทำให้ราคาสูงกว่าปีที่แล้ว จนผู้ค้าที่ไม่มีโควตาไม่กล้าซื้อ เพราะซื้อไปก็ต้องขายเกินราคา เสี่ยงถูกตำรวจจับอีก
ส่วนผู้ค้ารายหนึ่ง เล่าว่า หลังมีข่าวกองฉลากจะเปิดจองให้ผู้ค้าจำนวน 200,000 ราย ลงทะเบียนไปขายในราคา 80 บาทนั้น เป็นหวยเดียว ไม่ใช่หวยชุด ไม่น่าเป็นไปได้ จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยที่ไม่มีโควตากว้านซื้อราคา 80 บาท ไปขายต่อใบละ 100 บาท กำไร 20 บาท/ใบ ถึงแม้ว่าทางกองฉลากจะตีข้อความห้ามขายเกิน 80 บาท แต่ผู้ซื้อพอใจซื้อก็ขายได้
ร้านอาหารอ่วม ต้นทุนพุ่ง 15-20% หมูแพง จ่อขยับราคา-ปรับเมนู
https://www.bangkokbiznews.com/business/981056
มื่อวัตถุดิบอาหารพุ่งแรง ทำให้ธุรกิจร้านอาหารแบกภาระต้นทุนไม่ไหว จึงเห็นแบรนด์ดังทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นทั้งบุฟเฟ่ต์ ตามสั่ง เซ็น คอร์ปอเรชั่น เผยหมู ปลาแซลมอน ผัก พุ่งขึ้นยกแผง เดินหน้าปรับเมนู ขยับราคาเดือนกุมภาพันธ์นี้
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้วัตถุดิบอาหารมีการปรับตัวขึ้นสูงมาก ทั้งในและจากการนำเข้าต่างประเทศ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เช่น หมูแพง ปลาแซนมอล รวมถึงพืชผักต่างๆด้วย ซึ่งภาพรวมต้นทุนขยับขึ้นไปแล้ว 15-20% เมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อน ขณะที่สถานการณ์เนื้อหมูราคาแพง เห็นสัญญาณตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่ราคาพุ่งขึ้นรุนแรงเกิดในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ แนวโน้มวัตถุดิบเนื้อหมู หลายฝ่ายได้คาดการณ์ราคาจะพุ่งขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 300 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับกว่า 200 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของตลาดหรือดีมานด์และปริมาณการผลิตหรือซัพพลายที่ไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหาร เมื่อกลับมาดำเนินกิจการได้ตามเดิม มีการฟื้นตัวพุ่งขึ้นแบบวีเชฟ(V-shape) โดยทิศทางวัตถุดิบอาหารมีราคาแพง ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่สอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลก เช่น ยุโรป
“ต้องยอมรับว่าเทรนด์ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ไม่ได้เกิดเฉพาะในไทย ในโลกเจอปัญหาเดียวกันหมดเลย เมื่อร้านอาหารดีดตัวกลับมา ปัญหาซัพพลายเชนยังมีค่อนข้างมาก ทั้งขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือหรือเฟรทพุ่งสูง เมื่อดีมานด์วัตถุดิบมาก ซัพพลายไม่เพียงพอ จึงเกิดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งบริษัทหวังว่าจะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว”
ทั้งนี้ จากต้นทุนวัตถุดิบพุ่งแรง ทำให้บริษัทเตรียมทบทวนเมนูอาหารและเตรียมปรับราคาใหม่ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้า 5-7 วัน และเพื่อให้ผู้บริโภคที่เข้าใช้บริการรู้สึกวินวิน(win-win)จะขยายเวลารับประทานเป็น 2 ชั่วโมง(ชม.) จากเดิม 1.45 ชม.
อย่างไรก็ตาม หลังการปรับราคาอาหาร มองว่ายังไม่กระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มที่ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟ่ต์มากนัก เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ และต้องการความคุ้มค่า ส่วนเมนูตามสั่งหรืออะลาคาร์ทที่ราคาสูง อาจเห็นชะลอการบริโภคออกไปสักระยะ
ส่วนกรณีที่ราคาวัตถุดิบลง ร้านอาหารจะไม่ปรับลดราคาลง เนื่องจากการปรับเมนูแต่ละครั้งจะเป็นรูปเล่มถาวร แต่ผู้ประกอบการจะทำเมนูแทรกเข้มา และหันมาทำโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
“ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารหลายแบรนด์ทยอยปรับขึ้นราคาแล้ว ราคาที่สูงขึ้นในมุมของผู้บริโภคยังต้องการคุณภาพอาหารและบริการที่ดีด้วย”
บุญยง กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่แพง ร้านอาหารจะใช้วิธีการล็อกราคาวัตถุดิบกับผู้ผลิตเป็นสัญญาระยะยาว 1 ปี แต่แนวโน้มปีนี้คาดว่าในช่วง 6 เดือน ผู้ผลิตคงจับตาดูต้นทุนอีกครั้งจึงจะเห็นภาพชัดเจน เพื่อพิจารณาราคาอีกครั้ง จากปัจจุบันตรึงราคาเดิมไว้อยู่
สำหรับเซ็นฯ มีร้านอาหารในเครือหลายแบรนด์หลากประเภท เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างอากะ และร้านเขียง เป็นต้น ซึ่งมีการใช้ปริมาณเนื้อหมูหลายร้อยตันต่อปี
“ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารเลี่ยงไม่ขึ้นราคาได้ยาก เพราะการบริหารจัดการต้นทุนหลังบ้าน ทำจนถึงที่สุด จะลีนกว่านี้ก็ไม่สามารถชดเชยส่วนต่างของวัตถุดิบได้ และไม่ใช่แค่หมู ปลาแซลมอนที่แพง ผักต่างๆ ก็ขยับราคาหมด ผู้ประกอบการจึงต้องมาดีดลูกคิดคำนวณการปรับราคา หากปรับเยอะในช่วงเศรษฐกิจ กำลังซื้อไม่ดี จะมีผลกระทบ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าช่วงนี้ร้านอาหารไม่ได้ทำโปรโมชั่นเชิงรุกลด แลก แจก แถมมากนักทั้งเดลิเวอรี่และนั่งทานที่ร้านหรือไดอิน ส่วนการบริหารต้นทุนด้วยการล็อกราคาวัตถุดิบระยะยาว มองว่าปีนี้คงเอาไม่อยู่ ราคาอาจปรับตัวขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารหลายแบรนด์ดัง ได้มีการปรับขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านโม โม พาราไดซ์ ชาบูและสุกี้จากญี่ปุ่น ร้านสุกี้ตี๋น้อย ส่วนที่กำลังจะปรับราคา ได้แก่ ร้านแม็กซ์บีฟ ร้านยู แอนด์ ไอ พรีเมี่ยม สุกี้ บุฟเฟ่ต์ เป็นต้น โดยราคาเฉลี่ยเพิ่ม 20-40 บาทต่อคน
แม้บางร้านกัดฟันตรึงราคาไม่ไหว จนต้องขาขยับราคา แต่ยังมีบางร้านอาหารที่ยังคงขายราคาเดิม เช่น เจ๊หุยสุกี้โบราณ ยันราคาเดิม 199 บาท ทั้งสาขาบรรทัดทอง สามย่าน และบางบัวทอง รวมถึงร้านอีกจำนวนมากที่ยังไม่ประกาศขึ้นราคา ซึ่งต้องจับตาว่าจะแบกภาระต้นทุนไปได้อีกนานเพียงใด
อินเดียยืนยันมีผู้เสียชีวิตด้วยโอมิครอนรายแรก
https://www.nationtv.tv/news/378859387
อินเดียยืนยันมีผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรก ขณะที่การระบาดระลอก 3 อยู่ในช่วงขาขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ยืนยันเมื่อวันพุธว่า ชายวัย 74 ปีในรัฐราชสถานทางภาคตะวันตกของประเทศที่เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกของอินเดีย เขาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ 2 ครั้ง ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ชายคนนี้ฉีดวัคซีนครบโดส และมีประวัติป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคร่วมหลายโรค
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขรายงานวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนรายใหม่อีก 495 คนทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 2,630 คนภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนกว่านับจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วประเทศอยู่ที่ 90,928 คน ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 3.51 ล้านคน และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 325 ราย และยอดสะสม 482,876 ราย
เจ้าหน้าที่ คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันในช่วงการระบาดระลอก 3 ขณะนี้อาจทำสถิติสูงเกินกว่า 414,000 คนต่อวันเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว พร้อมกับเตือนว่าประชาชนส่วนใหญ่ คิดว่า สายพันธุ์โอมิครอนไม่อันตราย จึงไม่สวมหน้ากาก เพราะเห็นว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย
แต่หัวหน้าคณะทำงานรับมือโควิด-19 แห่งชาติ ปฏิเสธที่จะประเมินยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด แต่ย้ำเตือนว่า แม้ผู้ป่วยมีอาการเล็กน้อย แต่หากมีผู้ป่วยจำนวนมาก ก็อาจทำให้ระบบสาธารณสุขตึงตัวได้ จึงไม่อาจชะล่าใจได้ และขณะนี้โอมิครอนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นในหลายเมือง
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ลดระยะเวลากักตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการลงเหลือ 7 วันจากเดิม 10 หรือ 14 วัน
และแม้บางเมืองและบางรัฐได้ประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมทางสังคม เช่น เคอร์ฟิวช่วงสุดสัปดาห์เพื่อยับยั้งการระบาดแล้ว แต่พรรคการเมืองยังคงเดินหน้าจัดปราศรัยหาเสียงที่มีผู้สนับสนุนรวมตัวจำนวนมากก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในอีกหลายสัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตรียมหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในวันนี้ เนื่องจากกังวลว่า การหาเสียงอาจทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเหมือนช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ปีที่แล้ว
JJNY : สลากฯ แพงรับปีใหม่│ร้านอาหารอ่วม จ่อขยับราคา-ปรับเมนู│อินเดียยันเสียชีวิตด้วยโอมิครอนรายแรก│ชวนสั่งงดประชุมสภาต่อ
https://ch3plus.com/news/category/273278
เวลา 08.30 น.วานนี้ (5 ม.ค.65) ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาด่านซ้าย จ.เลย เปิดให้ผู้ที่มีโควต้าหวยกล่องเข้าแถวรับหวยกล่อง ซึ่งสั่งจองล่วงหน้า
พบว่าราคาหวยกล่องสูงขึ้นถึง 94 บาท ตั้งที่ราคาต้นทุนอยู่ที่ใบละ 70.40 บาท ทำให้ผู้ที่ไม่มีโควตาที่มายืนรอที่หน้าไปรษณีย์ เพื่อขอซื้อไปขายต่อต้องโอดครวญ ปีใหม่แล้วแทนที่ราคาจะลง กลับสูงขึ้น ส่วนยี่ปั๊วกว้านซื้อไปจับเป็นเลขชุด
โดยราคาหวยกล่อง 1 กล่องมี 5 เล่มหรือ 500 ใบ ต้นทุนอยู่ที่ 70.40 บาท ผู้ที่มีโควต้ารับแล้วขายต่อยกกล่อง ในราคาใบละ 94 บาท เท่ากับกำไรต่อกล่อง 11,800 บาท/กล่อง/งวด
จากนั้น ยี่ปั๊วไปจับชุด 2 ใบ ขาย 98 บาท 3 ใบ ขาย 108.50 บาท ทำให้ราคาสูงกว่าปีที่แล้ว จนผู้ค้าที่ไม่มีโควตาไม่กล้าซื้อ เพราะซื้อไปก็ต้องขายเกินราคา เสี่ยงถูกตำรวจจับอีก
ส่วนผู้ค้ารายหนึ่ง เล่าว่า หลังมีข่าวกองฉลากจะเปิดจองให้ผู้ค้าจำนวน 200,000 ราย ลงทะเบียนไปขายในราคา 80 บาทนั้น เป็นหวยเดียว ไม่ใช่หวยชุด ไม่น่าเป็นไปได้ จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยที่ไม่มีโควตากว้านซื้อราคา 80 บาท ไปขายต่อใบละ 100 บาท กำไร 20 บาท/ใบ ถึงแม้ว่าทางกองฉลากจะตีข้อความห้ามขายเกิน 80 บาท แต่ผู้ซื้อพอใจซื้อก็ขายได้
ร้านอาหารอ่วม ต้นทุนพุ่ง 15-20% หมูแพง จ่อขยับราคา-ปรับเมนู
https://www.bangkokbiznews.com/business/981056
มื่อวัตถุดิบอาหารพุ่งแรง ทำให้ธุรกิจร้านอาหารแบกภาระต้นทุนไม่ไหว จึงเห็นแบรนด์ดังทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นทั้งบุฟเฟ่ต์ ตามสั่ง เซ็น คอร์ปอเรชั่น เผยหมู ปลาแซลมอน ผัก พุ่งขึ้นยกแผง เดินหน้าปรับเมนู ขยับราคาเดือนกุมภาพันธ์นี้
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้วัตถุดิบอาหารมีการปรับตัวขึ้นสูงมาก ทั้งในและจากการนำเข้าต่างประเทศ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เช่น หมูแพง ปลาแซนมอล รวมถึงพืชผักต่างๆด้วย ซึ่งภาพรวมต้นทุนขยับขึ้นไปแล้ว 15-20% เมื่อเทียบกับ 2-3 ปีก่อน ขณะที่สถานการณ์เนื้อหมูราคาแพง เห็นสัญญาณตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่ราคาพุ่งขึ้นรุนแรงเกิดในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ แนวโน้มวัตถุดิบเนื้อหมู หลายฝ่ายได้คาดการณ์ราคาจะพุ่งขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 300 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับกว่า 200 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของตลาดหรือดีมานด์และปริมาณการผลิตหรือซัพพลายที่ไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหาร เมื่อกลับมาดำเนินกิจการได้ตามเดิม มีการฟื้นตัวพุ่งขึ้นแบบวีเชฟ(V-shape) โดยทิศทางวัตถุดิบอาหารมีราคาแพง ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่สอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลก เช่น ยุโรป
“ต้องยอมรับว่าเทรนด์ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ไม่ได้เกิดเฉพาะในไทย ในโลกเจอปัญหาเดียวกันหมดเลย เมื่อร้านอาหารดีดตัวกลับมา ปัญหาซัพพลายเชนยังมีค่อนข้างมาก ทั้งขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือหรือเฟรทพุ่งสูง เมื่อดีมานด์วัตถุดิบมาก ซัพพลายไม่เพียงพอ จึงเกิดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งบริษัทหวังว่าจะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว”
ทั้งนี้ จากต้นทุนวัตถุดิบพุ่งแรง ทำให้บริษัทเตรียมทบทวนเมนูอาหารและเตรียมปรับราคาใหม่ โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้า 5-7 วัน และเพื่อให้ผู้บริโภคที่เข้าใช้บริการรู้สึกวินวิน(win-win)จะขยายเวลารับประทานเป็น 2 ชั่วโมง(ชม.) จากเดิม 1.45 ชม.
อย่างไรก็ตาม หลังการปรับราคาอาหาร มองว่ายังไม่กระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มที่ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟ่ต์มากนัก เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ และต้องการความคุ้มค่า ส่วนเมนูตามสั่งหรืออะลาคาร์ทที่ราคาสูง อาจเห็นชะลอการบริโภคออกไปสักระยะ
ส่วนกรณีที่ราคาวัตถุดิบลง ร้านอาหารจะไม่ปรับลดราคาลง เนื่องจากการปรับเมนูแต่ละครั้งจะเป็นรูปเล่มถาวร แต่ผู้ประกอบการจะทำเมนูแทรกเข้มา และหันมาทำโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
“ตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารหลายแบรนด์ทยอยปรับขึ้นราคาแล้ว ราคาที่สูงขึ้นในมุมของผู้บริโภคยังต้องการคุณภาพอาหารและบริการที่ดีด้วย”
บุญยง กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่แพง ร้านอาหารจะใช้วิธีการล็อกราคาวัตถุดิบกับผู้ผลิตเป็นสัญญาระยะยาว 1 ปี แต่แนวโน้มปีนี้คาดว่าในช่วง 6 เดือน ผู้ผลิตคงจับตาดูต้นทุนอีกครั้งจึงจะเห็นภาพชัดเจน เพื่อพิจารณาราคาอีกครั้ง จากปัจจุบันตรึงราคาเดิมไว้อยู่
สำหรับเซ็นฯ มีร้านอาหารในเครือหลายแบรนด์หลากประเภท เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างอากะ และร้านเขียง เป็นต้น ซึ่งมีการใช้ปริมาณเนื้อหมูหลายร้อยตันต่อปี
“ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารเลี่ยงไม่ขึ้นราคาได้ยาก เพราะการบริหารจัดการต้นทุนหลังบ้าน ทำจนถึงที่สุด จะลีนกว่านี้ก็ไม่สามารถชดเชยส่วนต่างของวัตถุดิบได้ และไม่ใช่แค่หมู ปลาแซลมอนที่แพง ผักต่างๆ ก็ขยับราคาหมด ผู้ประกอบการจึงต้องมาดีดลูกคิดคำนวณการปรับราคา หากปรับเยอะในช่วงเศรษฐกิจ กำลังซื้อไม่ดี จะมีผลกระทบ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าช่วงนี้ร้านอาหารไม่ได้ทำโปรโมชั่นเชิงรุกลด แลก แจก แถมมากนักทั้งเดลิเวอรี่และนั่งทานที่ร้านหรือไดอิน ส่วนการบริหารต้นทุนด้วยการล็อกราคาวัตถุดิบระยะยาว มองว่าปีนี้คงเอาไม่อยู่ ราคาอาจปรับตัวขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารหลายแบรนด์ดัง ได้มีการปรับขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านโม โม พาราไดซ์ ชาบูและสุกี้จากญี่ปุ่น ร้านสุกี้ตี๋น้อย ส่วนที่กำลังจะปรับราคา ได้แก่ ร้านแม็กซ์บีฟ ร้านยู แอนด์ ไอ พรีเมี่ยม สุกี้ บุฟเฟ่ต์ เป็นต้น โดยราคาเฉลี่ยเพิ่ม 20-40 บาทต่อคน
แม้บางร้านกัดฟันตรึงราคาไม่ไหว จนต้องขาขยับราคา แต่ยังมีบางร้านอาหารที่ยังคงขายราคาเดิม เช่น เจ๊หุยสุกี้โบราณ ยันราคาเดิม 199 บาท ทั้งสาขาบรรทัดทอง สามย่าน และบางบัวทอง รวมถึงร้านอีกจำนวนมากที่ยังไม่ประกาศขึ้นราคา ซึ่งต้องจับตาว่าจะแบกภาระต้นทุนไปได้อีกนานเพียงใด
อินเดียยืนยันมีผู้เสียชีวิตด้วยโอมิครอนรายแรก
https://www.nationtv.tv/news/378859387
อินเดียยืนยันมีผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรก ขณะที่การระบาดระลอก 3 อยู่ในช่วงขาขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ยืนยันเมื่อวันพุธว่า ชายวัย 74 ปีในรัฐราชสถานทางภาคตะวันตกของประเทศที่เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกของอินเดีย เขาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ 2 ครั้ง ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ชายคนนี้ฉีดวัคซีนครบโดส และมีประวัติป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคร่วมหลายโรค
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขรายงานวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนรายใหม่อีก 495 คนทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 2,630 คนภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนกว่านับจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วประเทศอยู่ที่ 90,928 คน ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 3.51 ล้านคน และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 325 ราย และยอดสะสม 482,876 ราย
เจ้าหน้าที่ คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันในช่วงการระบาดระลอก 3 ขณะนี้อาจทำสถิติสูงเกินกว่า 414,000 คนต่อวันเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว พร้อมกับเตือนว่าประชาชนส่วนใหญ่ คิดว่า สายพันธุ์โอมิครอนไม่อันตราย จึงไม่สวมหน้ากาก เพราะเห็นว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย
แต่หัวหน้าคณะทำงานรับมือโควิด-19 แห่งชาติ ปฏิเสธที่จะประเมินยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด แต่ย้ำเตือนว่า แม้ผู้ป่วยมีอาการเล็กน้อย แต่หากมีผู้ป่วยจำนวนมาก ก็อาจทำให้ระบบสาธารณสุขตึงตัวได้ จึงไม่อาจชะล่าใจได้ และขณะนี้โอมิครอนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นในหลายเมือง
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ลดระยะเวลากักตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการลงเหลือ 7 วันจากเดิม 10 หรือ 14 วัน
และแม้บางเมืองและบางรัฐได้ประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมทางสังคม เช่น เคอร์ฟิวช่วงสุดสัปดาห์เพื่อยับยั้งการระบาดแล้ว แต่พรรคการเมืองยังคงเดินหน้าจัดปราศรัยหาเสียงที่มีผู้สนับสนุนรวมตัวจำนวนมากก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในอีกหลายสัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตรียมหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในวันนี้ เนื่องจากกังวลว่า การหาเสียงอาจทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเหมือนช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ปีที่แล้ว