โออาร์เพิ่มสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 เจ้า แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบราคาจับต้องได้กันสักที

ช่วงนี้จะเห็นข่าวเกี่ยวกับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเยอะมาก ขนาดโออาร์ที่หลายๆ คนเคยปรามาสไว้ว่าจะเป็นธุรกิจขายน้ำมันล้าหลังถ้ารถยนต์ไฟฟ้าถูกนำมาใช้งานอย่างจริงจัง ก็ยังมีการเพิ่มสถานีชาร์จเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตที่ใกล้จะมาถึง 

จากการปรับตัวของบริษัททำสถานีชาร์จหลายบริษัท บวกกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเรามาแรง แสดงให้เห็นว่าประเทศเราตื่นตัวกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่พอกลับมามองภาพความเป็นจริง ยังไม่เห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนนมากเหมือนกระแส
ราคารถยนต์ไฟฟ้ากับคนชนชั้นปานกลาง ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน 

มันพอจะมีความเป็นไปได้บ้างไหมครับ ที่เราจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่สมเหตุสมผล 
เพี้ยนแว๊น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โออาร์เสริมทัพสถานีชาร์จ ปูพรม 100 แห่ง รับอีวีมาแรง



โออาร์เร่งผุดสถานีชาร์จ EV Station PluZ กว่า 100 จุด รองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่แก่ผู้ใช้รถ EV วางแผนขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ได้รวม 300 แห่ง ภายในปี 2565
นายบุญมา พนธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) เปิดเผยว่า โออาร์เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของผู้ใช้รถ EV ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค พร้อมเทรนด์รถไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า หรือ EV Station PluZ เพิ่มรวมจำนวนกว่า 100 จุดชาร์จ บนถนนสายหลักและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในและนอกสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้รถ EV
“จากอัตราการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดช่วงระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา โออาร์ได้เตรียมความพร้อมรองรับตลาดส่วนนี้ โดยได้เริ่มติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า หรือ EV Station PluZ มาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคที่ใช้รถ EV ที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพื่อรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โออาร์ได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ กว่า 100 จุด และจะทยอยเปิดให้บริการในช่วงสิ้นปีนี้
 
อีกทั้งวางแผนที่จะขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ ให้ได้รวม 300 แห่ง ภายในปี 2565 โดยจะใช้พื้นที่ทั้งในพีทีที สเตชั่น รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือและเปิดเพิ่มเติมภายนอกพีทีที สเตชั่น เป็นจุดให้บริการทั้งในรูปแบบ normal charge และ quick charge โดยบริการในรูปแบบ quick charge จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อชาร์จไฟฟ้าได้ถึง 80% ของความจุแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน”

นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลสถานะของสถานีชาร์จแต่ละแห่ง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อ “ปลั๊กอินความสุข เติมเต็มทุกเส้นทาง” ให้แก่ผู้ใช้รถ EV ตอบโจทย์เทรนด์การใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โออาร์มุ่งหวังว่า พีทีที สเตชั่น จะเป็นศูนย์กลางที่เติมเต็มความสุขทุกการเดินทางให้กับผู้บริโภค ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตามยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป มีเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้พลังงานในการเดินทางใหม่ ๆ เข้ามาเป็นทางเลือก
โดยโออาร์จะพยายามให้การเปลี่ยนผ่านรูปแบบการใช้พลังงานเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อผู้เดินทางจะได้รับความสะดวกสบาย ไม่ว่าผู้บริโภคจะใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดใด โออาร์จะพยายามเติมเต็มความต้องการ มีรูปแบบพลังงานให้เลือกใช้ทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ด้านโมบิลิตี้ของโออาร์ ที่จะปรับรูปแบบธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค
 
โดยการปรับจากการเป็น oil ecosystem มาเป็น energy solution ecosyetem เพื่อให้ พีทีที สเตชั่น เป็นมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน ตามแนวคิด living community ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สร้างคุณค่าและสร้างพลังบวกให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

https://www.prachachat.net/motoring/news-831144
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
รถไฟฟ้าที่ราคาน่าซื้อจริงๆ ตอนนี้น่าจะเป็นพวกรถไฟฟ้าหรูราคาแพง อย่างพวกของ Volvo, BMW, Benz หรือ Porsche ไปเลยมากกว่า ด้วยเหตุผลทางภาษี ที่ทำให้มันราคาถูกกว่ารถน้ำมันในรถระดับเดียวกัน
อย่างปอร์เช่ ไทคาน ราคาเริ่มต้น ถ้าเทียบ กับรถปอร์เช่ที่เป็น ICE ระดับเดียวกันนี่ราคาถือว่าดีกว่า คุ้มกว่า เพราะภาษีถูกกว่า แถมการบำรุงรักษา ค่าเชคระยะน้อยกว่า ค่าไฟเทียบค่าน้ำมันก็คุ้มกว่า แถมรถไฟฟ้าก็ใช้มอเตอร์มีกำลังแรงกว่า อัตราเร่งดีกว่า ICE

แต่ถ้าเป็นรถ EV พวกราคารุ่นล่างๆ มองแล้วไม่ยังคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เท่าไหร่ เพราะราคายังแพงกว่า รถ ICE ในระดับเดียวกันถึงแม้ภาษีจะถูกกว่า แต่เจอการผลิตแบบ Economy of scale เข้าไป ICE ดันราคาได้ถูกกว่าเยอะมาก ค่าเช็คระยะ ค่าอะไหล่ ก็ไม่ได้สูงมากกว่า EV เท่าไหร่ แล้ว EV ระยะวิ่งก็น้อยกว่า ICE 1 ถัง แถมใช้เวลาเติมกลับมากกว่าเยอะ
ถึงจะชาร์จไฟที่บ้านได้ใช้แบบ Daily use สบายๆ แต่ถ้าคนไม่มีบ้าน มีที่จอดเป็นหลักแหล่ง ก็ไปหาที่ชาร์จลำบากอีก แถมค่าไฟชาร์จสถานีข้างนอก ถ้า on peak ราคาสูงกว่าที่บ้าน ทำให้ไม่ต่างกับ ICE มากแล้ว
อย่าง MG EP ราคาไม่ถึงล้าน ถึงราคาไม่แรง แต่ไปซื้อ Suzuki ertiga ราคาแค่หกแสนกว่าดีกว่า ส่วนต่างสามแสน เอาไปเติมน้ำมัน เช็คระยะได้เป็นแสกิโล
Ora good cat ตัวเริ่มไม่ถึงล้าน แต่ไปซื้อ Nissan Almera ตัวท็อปหกแสนกว่า ออปชั่น ระบบยังเยอะกว่า ส่วนต่างตั้งสามแสน

ก็ไม่แปลกหรอกที่จะบอกว่ารถไฟฟ้ายังเหมาะกับคนรวยอยู่
แต่ถ้ารักโลก รักสิ่งแวดล้อม สนใจเทคโนโลยี ความแรงของมอเตอร์ ก็ซื้อไปเถอะ ราคาก็ไม่ได้แรงมากแล้ว ค่าบำรุงรักษาก็น้อย ค่าไฟถ้าใช้เยอะ ใช้ TOU ก็คุ้มอยู่นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่