realme Narzo เองนั้นจะเป็นตระกูลที่เจาะกลุ่ม สายเน้นสเปกมากกว่ารุ่นทั่วไป เรื่องกล้องอาจจะไม่ได้เด่นแต่ถ้ามองเทียบสเปกกับราคาตัวนี้จะค่อนข้างจัดเต็ม และในรุ่นก่อนๆก็ทำออกมาได้ดีในแง่ของสเปกภาพรวมเทียบกับราคา แต่ครั้งนี้ในรุ่นน้องเล็กที่สุด Narzo 50i รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่สุด สเปกเริ่มต้น ถือว่าเอาเข้ามาไวมากๆ และรุ่นนี้มาพร้อมกับสีเขียวมินต์สวยงาม และ หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว รวมถึงใช้งาน 5,000 mAh รองรับการใช้งานพื้นฐานได้สบาย และในประเทศไทยก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้วในราคา 3,999 บาทถือว่าไม่แรงเกินไปถ้ามองในระดับสเปกเริ่มต้น แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงมันจะมีข้อดี ข้อสังเกตยังไงกันบ้างไปอ่านกันได้เลย
realme Narzo 50i นั้นน่าจะเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดของค่ายเพราะว่าสเปกนั้นเริ่มต้นและเรื่องกล้องไม่ได่เด่นมากนักมาพร้อมกับ CPU Octa Core ความเร็ว 1.6GHz จากทางค่าย Unisoc SC9863A SoC พร้อมกับ GPU IMG8322 ซึ่งในไทยเองจะใช้งาน RAM 4GB หน่วยความจำ 64GB ถือว่าเยอะที่สุดของรุ่นนี้ และยังเพิ่ม microSD Card ได้เช่นกัน พร้อมกับ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI Go ที่จะเน้นความเพียวแบบสุดๆใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ IPS LCD ความละเอียด HD+ (720 x 1600 พิกเซล) ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และความสว่างสูงสุด 400 nits พร้อมกับกล้องหลัง เลนส์เดียวความละเอียด 8 ล้านพิกเซลรูรับแสง f/2.0 ชิ้นเลนส์ 4 ชิ้นและมาพร้อมกับ โหมดการถ่ายทั่วไปไม่รองรับโหมดกลางคืน และ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มาตรฐานทั่วไปรองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n ไม่รองรับ Wifi 5Ghz มาพร้อม Bluetooth 4.2 ช่องหูฟัง 3.5 มม. ใช้งาน microUSB 2.0 พร้อมกับความจุ แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ 10W มาตรฐาน
PRICE
realme NARZO 50i RAM 4 GB – STORAGE 64GB : 3,999 บาท มาพร้อมกับสี Carbon Black และ Mint Green
UNBOX
ตัวกล่องนั้น narzo จะพยายามแยกแบรนด์ดิ้งชัดเจนมากๆกับตัวหลักจะใช้โทนสีต่างกันชัดเจนครับรุ่นนี้จะเป็นสีฟ้าๆสว่างสดใน และไม่เจอโลโก้ realme เด่นๆเลย จะให้จำว่าเป็น NARZO พร้อมกับตัวชื่อบอกรุ่น และ เขียนแบรนด์รุ่น NARZO ชัดเจนครับ แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม
- ตัวเครื่อง realme NARZO 50i
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกว่าถ้าว่ากันตามตรงๆมันคือบอดี้ของ C25Y ก่อนหน้านี้ ซึ่งในรุ่นนี้แน่นอนว่าปรับฝาหลังเล่นลวดลายให้เป็น Narzo มากขึ้นไปอีกครับ ดีไซน์จากเส้นทะแยงมุม แสดงออกถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ มาด้วยกัน 2 สี คือ Mint Green และ Carbon Black ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นไม่ได้หนีกันจากเดิมรวมถึงหน้าตาระบบอะไรนั้นก็คล้ายๆกันแต่จะมีอัปเดตเร็วๆนี้ กล้องหลังวางไว้ในกรอบ สี่เหลี่ยม พร้อมกล้อง 1 ตัวในด้านซ้าย บน เท่านั้น สแกนนิ้วในด้านหลังเครื่องครับ ส่วนน้ำหนัก 195 กรัม และ ขนาดของตัวเครื่องนั้นบางเพียง 8.9 มิลลิเมตร ถือว่าสีสวย มีความมินิมอล และ ทันสมัย เล่นกับส่วนออกแบบกล้องหลังได้ดี แต่สเปกนั้นต้องบอกว่าธรรมดาและไม่ได้เน้นมากนัก
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจกพร้อมกับฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้แล้ว สเปกหน้าจอไม่หนีจากรุ่น30A เท่าไรนัก
หน้าจอขอบบนนั้น มาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.2 ครับถือว่ากล้องหน้าสเปกค่อนข้างธรรมดาและดรอปลง
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่มนะครับ ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้หนาพอกับรุ่นก่อนหน้านี้เลย หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C11
ในด้านล่างของตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามาพร้อมกับขอบข้างๆโค้งลงนิดหน่อยพร้อมกับ Micro-USB ซึ่งแอบเสียดายว่ายุคนี้เรายังคงเห็นพอร์ตแบบนี้อยู่ แต่ก็มีตัวไมค์ และช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ในด้านล่างนะ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม-ลด เสียง จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นมีการนูนขึ้นมาเล็กน้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และงานออกแบบตามขอบสีมินต์เช่นเดิม
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อย จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า วัสดุโทนสีเดียวกันฝาหลังทั้งหมดพลาสติกเล่นสีเช่นเดียวกันในส่วนขอบเครื่อง
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือจับได้ถนัดมือมากขึ้นจริงๆบอดี้ภาพรวมคือ C25Y แต่ตัดสแกนนิ้วออกไปนั้นเองครับ
realme narzo 50i มาด้วยกัน 2 สี คือ Mint Green และ Carbon Black ดีไซน์แรงบันดาลใจจากเส้นทะแยงมุม จะโชว์ถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งความคิดและบุคลิกภาพ พร้อมกันนี้ยังดึงดูดสายตา เพิ่มความโดดเด่นเป็นอย่างมากด้วยความบางเพียง 8.9 มิลลิเมตร จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายเมื่อได้สัมผัสและใช้งานและในรูปจะเป็นสี Mint Green จริงๆขึ้นอยู่กับสภาพแสงด้วยนะ จะออกเขียวมินต์อ่อนๆ แต่ถ้าเจอแสงก็จะอมฟ้านิดๆสวยงามพอสมควรเลย ส่วนลำโพงมาอยู่ด้านหลังแทน และรุ่นนี้จะไม่มีสแกนนิ้วมาให้ พร้อมกับกล้องหลังแค่ 1 ตัว 8 ล้านพิกเซลเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้ามองกล้องหลังบอกเลยว่าธรรมดาและน่าจะน้อยที่สุดในบรรดาที่เปิดตัวออกมาในค่าย realme Narzo แอบเสียดายครับที่ว่าครั้งนี้โดนตัดกล้องไปเหลือแค่ 1 ตัว และความละเอียดแค่ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น มาพร้อมกับ รูรับแสง f/2.0 + 4P Lens และรองรับ 4x Digital Zoom พร้อมกับโหมดการถ่าย หน้าตาแบบ Pure Android ทำให้ไม่มีโหมดอะไรมากนัก Panoramic View, Portrait Mode, Expert, Timelapse, HDR, Beauty, Filter และ ไม่มีโหมดกลางคืนด้วยเช่นกัน แต่ยังดีที่รองรับการถ่ายละลายหลังหรือ Portrait แบบจับหน้าคนไว้อยู่
SPEC
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว (1600×720พิกเซล) HD+, ความสว่าง 400 nits
- ชิปประมวลผล Unisoc SC9863A ที่ใช้การ์ดจอ IMG8322
- RAM LPDDR4x 4GB + storage (eMMC 5.1) 64GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI Go Edition
- กล้องหลัง 8MP (f/2.0) + LED flash
- กล้องหน้า 5MP (f/2.2)
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, วิทยุ FM
- ขนาดตัวเครื่อง: 165.2 x 76.4 x 8.9มม.; น้ำหนัก: 195 กรัม
- รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, GPS/ GLONASS/ Beidou
- ไม่รองรับ Wifi 5Ghz
- พอร์ตแบบ micro USB
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จ 10w
PERFORMANCE
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน Unisoc SC9863A ประมวลผลแบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 1.6GHz จับคู่กับหน่วยประมวลผลกราฟิก IMG 8322 GPU RAM 4 + ROM 64 GB ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบ Antutu นั้นทำไปได้ที่ 86769 นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบการ์ด 3 ใบ รองรับ 2 นาโนซิมการ์ดและ 1 MicroSD และที่สำคัญยังรองรับการขยายหน่วยความจำได้สูงสุด 256GB ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บเกม รูปภาพ และไฟล์ ต่างๆมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot, Bluetooth 5.0,A2DP, LE, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต microUSB 2.0 และ Geekbench 127 / 474 คะแนน ส่วนหน่วยความจุ eMMC 5.1 อ่านเขียน 270MB/s และ 189 MB/s และ ส่วน NETFLIX นั้นแน่นอนว่าตามระดับเรทราคาทำได้ L3 ต่ำสุดเป็นปกตินะครับ
SYSTEM UI
การปรับมาใช้งาน realme UI Go อันนี้แอบน่าสนใจเพราะว่าเราจะไม่คุ้นเลยในเรื่องของหน้าตาหรือแม้แต่แอปที่ให้มาเพราะว่าครั้งนี้เราจะไม่เห็นแอปของ realme ใส่เข้ามาให้เลยแม้แต่น้อย ทั้ง Album หรีอแอปอื่นๆบอกเลยว่าถ้าไม่บอกว่าเป็น realme เราก็จะไม่รู้เลยว่าใช้งานค่ายไหนอยู่ แทบจะเป็น Pure Android แล้วนั้นเองและมาพร้อม Android 11 และ ความลื่นไหล การแจ้งเตือนแน่นอนว่ารู้สึกเลยว่าลื่นกว่าระบบปกติเพราะมันคลีนและเบามากๆ
หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้นกว่า realme UI 2 ไปอีก การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้
ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีใช้ง่ายส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50GB หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 2.7GB จาก 4GB ปกติ ซึ่งเราจะเห็นว่าหน้าตาทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆทั้งหมดไปเหมือนกับ Google Pixel พวกนั้นเลยนั้นเองครับ
realme UI Go ชัดเจนว่าเป็นรุ่นสำหรับตัวเล็กๆเน้นใช้งานทั่วไปลื่นๆ มาพร้อมกับฟีเจอร์นิดหน่อย การยกเครื่องหน้าจอติดต่างๆหรือแม้แต่ Smartmotion ซึ่งจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆทั้งหมด และ เป็นแค่ฟีเจอร์พื้นฐานของ Google แต่จะแอบรู้สึกว่าตัวนี้ให้มามากกว่าตัว C25Y บางส่วนนั้นเองครับและจะแตกต่างกับรุ่นพี่ realme UI
[SR] รีวิว realme NARZO 50i หน้าจอ 6.5 นิ้ว แบต 5,000 mAh ในงบ 3,999 บาท !
realme Narzo เองนั้นจะเป็นตระกูลที่เจาะกลุ่ม สายเน้นสเปกมากกว่ารุ่นทั่วไป เรื่องกล้องอาจจะไม่ได้เด่นแต่ถ้ามองเทียบสเปกกับราคาตัวนี้จะค่อนข้างจัดเต็ม และในรุ่นก่อนๆก็ทำออกมาได้ดีในแง่ของสเปกภาพรวมเทียบกับราคา แต่ครั้งนี้ในรุ่นน้องเล็กที่สุด Narzo 50i รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่สุด สเปกเริ่มต้น ถือว่าเอาเข้ามาไวมากๆ และรุ่นนี้มาพร้อมกับสีเขียวมินต์สวยงาม และ หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว รวมถึงใช้งาน 5,000 mAh รองรับการใช้งานพื้นฐานได้สบาย และในประเทศไทยก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้วในราคา 3,999 บาทถือว่าไม่แรงเกินไปถ้ามองในระดับสเปกเริ่มต้น แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงมันจะมีข้อดี ข้อสังเกตยังไงกันบ้างไปอ่านกันได้เลย
realme Narzo 50i นั้นน่าจะเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดของค่ายเพราะว่าสเปกนั้นเริ่มต้นและเรื่องกล้องไม่ได่เด่นมากนักมาพร้อมกับ CPU Octa Core ความเร็ว 1.6GHz จากทางค่าย Unisoc SC9863A SoC พร้อมกับ GPU IMG8322 ซึ่งในไทยเองจะใช้งาน RAM 4GB หน่วยความจำ 64GB ถือว่าเยอะที่สุดของรุ่นนี้ และยังเพิ่ม microSD Card ได้เช่นกัน พร้อมกับ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI Go ที่จะเน้นความเพียวแบบสุดๆใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ IPS LCD ความละเอียด HD+ (720 x 1600 พิกเซล) ขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และความสว่างสูงสุด 400 nits พร้อมกับกล้องหลัง เลนส์เดียวความละเอียด 8 ล้านพิกเซลรูรับแสง f/2.0 ชิ้นเลนส์ 4 ชิ้นและมาพร้อมกับ โหมดการถ่ายทั่วไปไม่รองรับโหมดกลางคืน และ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มาตรฐานทั่วไปรองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n ไม่รองรับ Wifi 5Ghz มาพร้อม Bluetooth 4.2 ช่องหูฟัง 3.5 มม. ใช้งาน microUSB 2.0 พร้อมกับความจุ แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ 10W มาตรฐาน
PRICE
realme NARZO 50i RAM 4 GB – STORAGE 64GB : 3,999 บาท มาพร้อมกับสี Carbon Black และ Mint Green
UNBOX
ตัวกล่องนั้น narzo จะพยายามแยกแบรนด์ดิ้งชัดเจนมากๆกับตัวหลักจะใช้โทนสีต่างกันชัดเจนครับรุ่นนี้จะเป็นสีฟ้าๆสว่างสดใน และไม่เจอโลโก้ realme เด่นๆเลย จะให้จำว่าเป็น NARZO พร้อมกับตัวชื่อบอกรุ่น และ เขียนแบรนด์รุ่น NARZO ชัดเจนครับ แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม
- ตัวเครื่อง realme NARZO 50i
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
DESIGN
งานออกแบบต้องบอกว่าถ้าว่ากันตามตรงๆมันคือบอดี้ของ C25Y ก่อนหน้านี้ ซึ่งในรุ่นนี้แน่นอนว่าปรับฝาหลังเล่นลวดลายให้เป็น Narzo มากขึ้นไปอีกครับ ดีไซน์จากเส้นทะแยงมุม แสดงออกถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ มาด้วยกัน 2 สี คือ Mint Green และ Carbon Black ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นไม่ได้หนีกันจากเดิมรวมถึงหน้าตาระบบอะไรนั้นก็คล้ายๆกันแต่จะมีอัปเดตเร็วๆนี้ กล้องหลังวางไว้ในกรอบ สี่เหลี่ยม พร้อมกล้อง 1 ตัวในด้านซ้าย บน เท่านั้น สแกนนิ้วในด้านหลังเครื่องครับ ส่วนน้ำหนัก 195 กรัม และ ขนาดของตัวเครื่องนั้นบางเพียง 8.9 มิลลิเมตร ถือว่าสีสวย มีความมินิมอล และ ทันสมัย เล่นกับส่วนออกแบบกล้องหลังได้ดี แต่สเปกนั้นต้องบอกว่าธรรมดาและไม่ได้เน้นมากนัก
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจกพร้อมกับฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้แล้ว สเปกหน้าจอไม่หนีจากรุ่น30A เท่าไรนัก
หน้าจอขอบบนนั้น มาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.2 ครับถือว่ากล้องหน้าสเปกค่อนข้างธรรมดาและดรอปลง
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่มนะครับ ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้หนาพอกับรุ่นก่อนหน้านี้เลย หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C11
ในด้านล่างของตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามาพร้อมกับขอบข้างๆโค้งลงนิดหน่อยพร้อมกับ Micro-USB ซึ่งแอบเสียดายว่ายุคนี้เรายังคงเห็นพอร์ตแบบนี้อยู่ แต่ก็มีตัวไมค์ และช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ในด้านล่างนะ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม-ลด เสียง จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นมีการนูนขึ้นมาเล็กน้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และงานออกแบบตามขอบสีมินต์เช่นเดิม
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อย จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า วัสดุโทนสีเดียวกันฝาหลังทั้งหมดพลาสติกเล่นสีเช่นเดียวกันในส่วนขอบเครื่อง
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือจับได้ถนัดมือมากขึ้นจริงๆบอดี้ภาพรวมคือ C25Y แต่ตัดสแกนนิ้วออกไปนั้นเองครับ
realme narzo 50i มาด้วยกัน 2 สี คือ Mint Green และ Carbon Black ดีไซน์แรงบันดาลใจจากเส้นทะแยงมุม จะโชว์ถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งความคิดและบุคลิกภาพ พร้อมกันนี้ยังดึงดูดสายตา เพิ่มความโดดเด่นเป็นอย่างมากด้วยความบางเพียง 8.9 มิลลิเมตร จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายเมื่อได้สัมผัสและใช้งานและในรูปจะเป็นสี Mint Green จริงๆขึ้นอยู่กับสภาพแสงด้วยนะ จะออกเขียวมินต์อ่อนๆ แต่ถ้าเจอแสงก็จะอมฟ้านิดๆสวยงามพอสมควรเลย ส่วนลำโพงมาอยู่ด้านหลังแทน และรุ่นนี้จะไม่มีสแกนนิ้วมาให้ พร้อมกับกล้องหลังแค่ 1 ตัว 8 ล้านพิกเซลเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้ามองกล้องหลังบอกเลยว่าธรรมดาและน่าจะน้อยที่สุดในบรรดาที่เปิดตัวออกมาในค่าย realme Narzo แอบเสียดายครับที่ว่าครั้งนี้โดนตัดกล้องไปเหลือแค่ 1 ตัว และความละเอียดแค่ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น มาพร้อมกับ รูรับแสง f/2.0 + 4P Lens และรองรับ 4x Digital Zoom พร้อมกับโหมดการถ่าย หน้าตาแบบ Pure Android ทำให้ไม่มีโหมดอะไรมากนัก Panoramic View, Portrait Mode, Expert, Timelapse, HDR, Beauty, Filter และ ไม่มีโหมดกลางคืนด้วยเช่นกัน แต่ยังดีที่รองรับการถ่ายละลายหลังหรือ Portrait แบบจับหน้าคนไว้อยู่
SPEC
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว (1600×720พิกเซล) HD+, ความสว่าง 400 nits
- ชิปประมวลผล Unisoc SC9863A ที่ใช้การ์ดจอ IMG8322
- RAM LPDDR4x 4GB + storage (eMMC 5.1) 64GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
- Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI Go Edition
- กล้องหลัง 8MP (f/2.0) + LED flash
- กล้องหน้า 5MP (f/2.2)
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, วิทยุ FM
- ขนาดตัวเครื่อง: 165.2 x 76.4 x 8.9มม.; น้ำหนัก: 195 กรัม
- รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, GPS/ GLONASS/ Beidou
- ไม่รองรับ Wifi 5Ghz
- พอร์ตแบบ micro USB
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จ 10w
PERFORMANCE
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน Unisoc SC9863A ประมวลผลแบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 1.6GHz จับคู่กับหน่วยประมวลผลกราฟิก IMG 8322 GPU RAM 4 + ROM 64 GB ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบ Antutu นั้นทำไปได้ที่ 86769 นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบการ์ด 3 ใบ รองรับ 2 นาโนซิมการ์ดและ 1 MicroSD และที่สำคัญยังรองรับการขยายหน่วยความจำได้สูงสุด 256GB ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บเกม รูปภาพ และไฟล์ ต่างๆมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot, Bluetooth 5.0,A2DP, LE, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต microUSB 2.0 และ Geekbench 127 / 474 คะแนน ส่วนหน่วยความจุ eMMC 5.1 อ่านเขียน 270MB/s และ 189 MB/s และ ส่วน NETFLIX นั้นแน่นอนว่าตามระดับเรทราคาทำได้ L3 ต่ำสุดเป็นปกตินะครับ
SYSTEM UI
การปรับมาใช้งาน realme UI Go อันนี้แอบน่าสนใจเพราะว่าเราจะไม่คุ้นเลยในเรื่องของหน้าตาหรือแม้แต่แอปที่ให้มาเพราะว่าครั้งนี้เราจะไม่เห็นแอปของ realme ใส่เข้ามาให้เลยแม้แต่น้อย ทั้ง Album หรีอแอปอื่นๆบอกเลยว่าถ้าไม่บอกว่าเป็น realme เราก็จะไม่รู้เลยว่าใช้งานค่ายไหนอยู่ แทบจะเป็น Pure Android แล้วนั้นเองและมาพร้อม Android 11 และ ความลื่นไหล การแจ้งเตือนแน่นอนว่ารู้สึกเลยว่าลื่นกว่าระบบปกติเพราะมันคลีนและเบามากๆ
หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้นกว่า realme UI 2 ไปอีก การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้
ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีใช้ง่ายส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50GB หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 2.7GB จาก 4GB ปกติ ซึ่งเราจะเห็นว่าหน้าตาทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆทั้งหมดไปเหมือนกับ Google Pixel พวกนั้นเลยนั้นเองครับ
realme UI Go ชัดเจนว่าเป็นรุ่นสำหรับตัวเล็กๆเน้นใช้งานทั่วไปลื่นๆ มาพร้อมกับฟีเจอร์นิดหน่อย การยกเครื่องหน้าจอติดต่างๆหรือแม้แต่ Smartmotion ซึ่งจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆทั้งหมด และ เป็นแค่ฟีเจอร์พื้นฐานของ Google แต่จะแอบรู้สึกว่าตัวนี้ให้มามากกว่าตัว C25Y บางส่วนนั้นเองครับและจะแตกต่างกับรุ่นพี่ realme UI
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้