จากหัวกระทู้ข้างต้น อยากรู้ความคิดเห็นของแต่ละท่าน เพื่อเป็นแนวทางให้ผมระหว่างจะไปเจรจา
" เหตุเกิดช่วงเช้าตรู่ วันที่ 15 ธ.ค. 64 เวลาประมาณ 7:30 น. "
เหตุการณ์มีอยู่ว่า คุณตาของผมได้ขับรถจักรยารยนต์กลับจากตลาดซึ่งระยะทางจากตลาดมาถึงบ้าน ประมาณ 800 เมตร ระว่างทางก่อนจะเข้าหมู่บ้าน จะมี 4 แยก (ไม่มีสัญญาณไฟจราจร) และเป็นเส้นทางที่ขับเลี้ยวมาจากถนนใหญ่ เส้นทางนี้เป็นเส้นที่ตรงไปหน้าโรงเรียน รถจะติดยาวมากประมาณ 1 กิโล เพราะหน้าโรงเรียนมีรถตู้รับส่งนักเรียนจอดอยู่เต็มเพื่อส่งเด็กเข้าโรงเรียน ประเด็นคือในเมื่อ 4 แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร หรือเจ้าหน้าที่
ที่ต้องมาดูแลให้ความสะดวก คนสัญจรจึงต้องงมทางเอาเอง ระหว่างนั้นคุณตาแกก็รอช่องว่างของรถที่จอดรอไฟแดงตรงแยกจะออกถนนใหญ่ ก็มีรถจากด้านขวาหยุดรถให้ทางแยกของคุณตา (ไม่ขับรถมาจอดปิดเลนเผื่อมีคันที่จะเลี้ยว) คุณตาและรถจักรยานยนต์คันอื่นก็ออกตัวกัน เลี้ยวขวา 1 คัน , เลี้ยวซ้าย 1 คัน ส่วนคุณตาแกขับตรง ทันใดนั้นก็มีรถเก๋งขับมาจากทางซ้าย ชนเข้าข้างซ้ายท้ายรถของคุณตา ***[ดังภาพที่ 1]***
[ภาพที่ 1]
ต่อจากนั้นก็มีการพูดคุยถามไถ่ คู่กรณีอ้างว่า ตกใจคุณตาที่พุ่งออกมา เพราะไม่เห็นรถและเบรคไม่ทัน ที่ไม่เห็นเพราะมีรถอีกเลนที่จอดรอไฟแดงบังอยู่ ส่วนคุณตาบอกว่าทางโล่งก็ขับออกไป เพราะไม่เห็นมีรถมา ขับจะพ้นเลนที่รถติดแล้ว อีกนิดเดียว ก็โดนรถเก๋งขับมาชน ***[ดังภาพที่ 2 - 3]***

[ภาพที่ 2]

[ภาพที่ 3]
ซึ่งทางฝ่ายคู่กรณีก็โทรแจ้งประกันชั้นหนึ่งของเขา จนท.ประกันมาถึง ไม่รู้ว่าคู่กรณีไปพูดอะไรกับประกันบ้าง สักพัก จนท. คนนั้นก็มาบอกว่าคุณตาขับมาชนช่วงระหว่างแก้มหน้ารถฝั่งทางขวา ลากยาวมาฝั่งซ้าย จนทำให้กันชนหน้ารถหลุดมาแบบในภาพ ซึ่งถ้ามองจากภาพ ถ้าคุณตาชนแบบนั้นจริงๆ คงไม่เละหรือขาหักไปแล้วหรือ เหมือนกับว่าประกันจะให้คุณตาชดใช่ให้อย่างเดียว ซึ่งคุณตามีแผลถลอกจากการรถที่ข้อศอกแขนขวา เข่าขวา และปวดตรงสะโพก เพราะล้มกระแทกพื้น "คุณตาอายุ 79 ปี" เลยหวั่นๆว่าจะแพ้คดี เพราะทางคู่กรณีก็ไม่พูดอะไรมาก บอกเพียงสาเหตุให้ จนท.ประกัน
[ภาพที่ 4]
ถ้ามองในแบบที่ประกันกล่าวหา ก็จะมีข้อสังเกตที่ว่า คุณตาขับชนจากด้านขวา แต่ทำไมตำแหน่งรถคุณตาล้มถึงอยู่แถวๆล้อรถเก๋ง เหมือนกับฝ่ายนั้นชนคุณตา โดยรถยังเลื่อนไปหน้าหน้าอีกประมาณ 1 เมตรเศษๆ ถึงจะเบรครถ ***[ดังในภาพที่ 3]*** แต่กระนั้นถ้ามองในแง่กฎหมายก็กลัวว่าคุณตาจะเสียเปรียบประกัน เพราะฝั่งคุณตา รถที่ขับไม่ได้ต่อ พรบ. ทะเบียนขาด เหตุผลเพราะเป็นรถใช้บ้านๆ ไม่ได้เข้าเมือง ขับเพียงแค่ไปส่งคุณยายขายผักที่ตลาดและขับกลับบ้านแค่นั้น ไม่ได้เข้าถนนเส้นหลักเลย อีกอย่างก็หมวกกันน็อกไม่ได้ใส่ ใบขับขี่ไม่มี ถ้าประกันจะเล่นงานในเรื่องนี้ก็กลัวคุณตาจะต้องชดใช้ หลังจากนั้นก็พาคุณตาไปโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าประกันสังคม(บัตรทอง)ใช้ไม่ได้เพราะเป็นอุบัติเหตุ จึงต้องสำรองจ่ายทั้งค่าเอ็กซ์เรย์ ค่ายา ซึ่งราคาก็หนักเอาเรื่อง แต่คุณตาก็ไม่เป็นอะไรมากครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้นัดวันสอบปากคำในอีก 5 วันถัดไป ผมเลยมาตั้งกระทู้เล่าเหตุการณ์เผื่อมี ผู้รู้มาวิเคราะห์และชี้แนะให้ผมอย่างไรครับ ...
*เสริม*
- ทางคู่กรณี(รถเก๋ง) ไม่มีกล้องหน้ารถ ไม่มีพยาน
- ทางฝ่ายคุณตาก็ไม่มีพยาน
- ทางระแวกนั้นก็ไม่มีกล้องวงจรปิด และพยานหรือผู้เห็นเหตุการณ์รายอื่น
"เกิดอุบัติเหตุตรงสี่แยก ต่างฝ่ายก็จะตรงไป ประกันฝั่งเขาจะให้เราผิดฝ่ายเดียว"
" เหตุเกิดช่วงเช้าตรู่ วันที่ 15 ธ.ค. 64 เวลาประมาณ 7:30 น. "
เหตุการณ์มีอยู่ว่า คุณตาของผมได้ขับรถจักรยารยนต์กลับจากตลาดซึ่งระยะทางจากตลาดมาถึงบ้าน ประมาณ 800 เมตร ระว่างทางก่อนจะเข้าหมู่บ้าน จะมี 4 แยก (ไม่มีสัญญาณไฟจราจร) และเป็นเส้นทางที่ขับเลี้ยวมาจากถนนใหญ่ เส้นทางนี้เป็นเส้นที่ตรงไปหน้าโรงเรียน รถจะติดยาวมากประมาณ 1 กิโล เพราะหน้าโรงเรียนมีรถตู้รับส่งนักเรียนจอดอยู่เต็มเพื่อส่งเด็กเข้าโรงเรียน ประเด็นคือในเมื่อ 4 แยกที่เกิดเหตุไม่มีสัญญาณไฟจราจร หรือเจ้าหน้าที่
ที่ต้องมาดูแลให้ความสะดวก คนสัญจรจึงต้องงมทางเอาเอง ระหว่างนั้นคุณตาแกก็รอช่องว่างของรถที่จอดรอไฟแดงตรงแยกจะออกถนนใหญ่ ก็มีรถจากด้านขวาหยุดรถให้ทางแยกของคุณตา (ไม่ขับรถมาจอดปิดเลนเผื่อมีคันที่จะเลี้ยว) คุณตาและรถจักรยานยนต์คันอื่นก็ออกตัวกัน เลี้ยวขวา 1 คัน , เลี้ยวซ้าย 1 คัน ส่วนคุณตาแกขับตรง ทันใดนั้นก็มีรถเก๋งขับมาจากทางซ้าย ชนเข้าข้างซ้ายท้ายรถของคุณตา ***[ดังภาพที่ 1]***
[ภาพที่ 1]
ต่อจากนั้นก็มีการพูดคุยถามไถ่ คู่กรณีอ้างว่า ตกใจคุณตาที่พุ่งออกมา เพราะไม่เห็นรถและเบรคไม่ทัน ที่ไม่เห็นเพราะมีรถอีกเลนที่จอดรอไฟแดงบังอยู่ ส่วนคุณตาบอกว่าทางโล่งก็ขับออกไป เพราะไม่เห็นมีรถมา ขับจะพ้นเลนที่รถติดแล้ว อีกนิดเดียว ก็โดนรถเก๋งขับมาชน ***[ดังภาพที่ 2 - 3]***
ซึ่งทางฝ่ายคู่กรณีก็โทรแจ้งประกันชั้นหนึ่งของเขา จนท.ประกันมาถึง ไม่รู้ว่าคู่กรณีไปพูดอะไรกับประกันบ้าง สักพัก จนท. คนนั้นก็มาบอกว่าคุณตาขับมาชนช่วงระหว่างแก้มหน้ารถฝั่งทางขวา ลากยาวมาฝั่งซ้าย จนทำให้กันชนหน้ารถหลุดมาแบบในภาพ ซึ่งถ้ามองจากภาพ ถ้าคุณตาชนแบบนั้นจริงๆ คงไม่เละหรือขาหักไปแล้วหรือ เหมือนกับว่าประกันจะให้คุณตาชดใช่ให้อย่างเดียว ซึ่งคุณตามีแผลถลอกจากการรถที่ข้อศอกแขนขวา เข่าขวา และปวดตรงสะโพก เพราะล้มกระแทกพื้น "คุณตาอายุ 79 ปี" เลยหวั่นๆว่าจะแพ้คดี เพราะทางคู่กรณีก็ไม่พูดอะไรมาก บอกเพียงสาเหตุให้ จนท.ประกัน
[ภาพที่ 4]
ถ้ามองในแบบที่ประกันกล่าวหา ก็จะมีข้อสังเกตที่ว่า คุณตาขับชนจากด้านขวา แต่ทำไมตำแหน่งรถคุณตาล้มถึงอยู่แถวๆล้อรถเก๋ง เหมือนกับฝ่ายนั้นชนคุณตา โดยรถยังเลื่อนไปหน้าหน้าอีกประมาณ 1 เมตรเศษๆ ถึงจะเบรครถ ***[ดังในภาพที่ 3]*** แต่กระนั้นถ้ามองในแง่กฎหมายก็กลัวว่าคุณตาจะเสียเปรียบประกัน เพราะฝั่งคุณตา รถที่ขับไม่ได้ต่อ พรบ. ทะเบียนขาด เหตุผลเพราะเป็นรถใช้บ้านๆ ไม่ได้เข้าเมือง ขับเพียงแค่ไปส่งคุณยายขายผักที่ตลาดและขับกลับบ้านแค่นั้น ไม่ได้เข้าถนนเส้นหลักเลย อีกอย่างก็หมวกกันน็อกไม่ได้ใส่ ใบขับขี่ไม่มี ถ้าประกันจะเล่นงานในเรื่องนี้ก็กลัวคุณตาจะต้องชดใช้ หลังจากนั้นก็พาคุณตาไปโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าประกันสังคม(บัตรทอง)ใช้ไม่ได้เพราะเป็นอุบัติเหตุ จึงต้องสำรองจ่ายทั้งค่าเอ็กซ์เรย์ ค่ายา ซึ่งราคาก็หนักเอาเรื่อง แต่คุณตาก็ไม่เป็นอะไรมากครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้นัดวันสอบปากคำในอีก 5 วันถัดไป ผมเลยมาตั้งกระทู้เล่าเหตุการณ์เผื่อมี ผู้รู้มาวิเคราะห์และชี้แนะให้ผมอย่างไรครับ ...
*เสริม*
- ทางคู่กรณี(รถเก๋ง) ไม่มีกล้องหน้ารถ ไม่มีพยาน
- ทางฝ่ายคุณตาก็ไม่มีพยาน
- ทางระแวกนั้นก็ไม่มีกล้องวงจรปิด และพยานหรือผู้เห็นเหตุการณ์รายอื่น