ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น 'ปีศาจ' ของตัวเองเมื่อนานมาแล้วค่ะ
และน้องแอนนลินมณีนำมาแปลงเป็นวิดีโอการ์ตูนน่ารักๆให้ได้ชมกันด้วย
ฉันกำลังนั่งฟังพล็อตนิยายเรื่องใหม่ของสามีคนใหม่อยู่อย่างเพลิดเพลิน เป็นพล็อตนิยายที่แปลกประหลาดพิศดารที่สุดในโลก เขาเขียนได้หลุดโลก เต็มไปด้วยจินตนาการ สามีของฉันเขาชื่นชมความเป็นอัจฉริยะของตัวเองมาก เล่าสิ่งที่คิดให้ฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย
"ผมจะให้คนทั้งโลกทึ่งไปกับนิยายของผม มันจะต้องกลายเป็นนิยายระดับ เบส เซลเลอร์ภายในปีนี้ ยอดขายถล่มทะลายไปทั่วโลก คุณเชื่อผมไหม ที่รัก"
เขาหยุดโอ่ความเก่งกาจด้านการประพันธ์ของตัวเองลง แล้วหันหน้ามาถามฉัน ซึ่งฉันก็ละมือจากการบีบนวดคลายเส้นแถวต้นคอกับไหล่สองข้างให้กับร่างอ้วนใหญ่ของเขาลงชั่วคราว ชะโงกหน้าข้ามไหล่มามองสันหน้าของสามี
"ฉันเชื่อมั่นในความตั้งใจและฝีมือการเขียนนิยายของคุณค่ะที่รัก คุณทำได้แน่ ไม่มีปัญหาหรอก เพราะคุณเป็นคนเก่งและเป็นนักเขียนที่หล่อหลุดโลก เอ้ย หล่อที่สุดในโลกอยู่แล้ว"
ฉันพูดให้กำลังใจสามี และไม่ได้พูดเกินเลยความเป็นจริง สามีฉันเขียนนิยายเก่งมาก จินตนาการล้ำโลก ทะลุออกนอกจักรวาล ที่แม้แต่มนุษย์บนดาวอังคารก็ยังต้องฉงน
"อืม ผมต้องทำสำเร็จให้ได้ อีกเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว ผมยังทำได้เลย ได้รางวัลปากกาทองตั้งสามปีซ้อน"
"อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ เรื่องที่นางเอกเป็นปีศาจ แอบมาใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ฉันอ่านแล้วยังงง ๆ อยู่ กับวิธีคิดของนางเอก ทำไมเธอต้องรอจนพระเอกรักเสียก่อน ถึงค่อยกินเขา"
"คุณจะเข้าใจได้ยังไง คุณไม่ใช่ปีศาจ" เขาหันมาหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในพล็อตนิยายของตัวเอง
"เรื่องนี้ฉันยอมรับว่าหัวไม่ถึงค่ะ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจชีวิตของนางเอก"
ฉันยอมรับกับความคิดอันแสนมหัศจรรย์ของสามีตัวเองอย่างคนว่าง่าย สามีว่าไงก็ว่าตามกัน ฉันมันยังละอ่อน อยู่ในวัยทีนเอจ ส่วนสามีฉัน เขาแก่กว่าไปหลายรอบ เวลาเดินควงกัน คนมักคิดว่าเราเป็นพ่อลูกกัน แต่เรื่องอายุไม่สำคัญอะไรหรอก อยู่ที่เราใจตรงกัน รักกันเป็นพอ หูฉันจึงไม่รับฟังเสียงครหานินทาของใคร...ใครจะว่าไงก็ช่าง ฉีนรักของฉันเสียอย่าง
คิดแล้วฉันก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
"เพราะคุณไม่ใช่นักเขียนไง ถึงจินตนาการไปไม่ถึง ไม่อยากเสียเวลาอธิบาย ยังไงคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก ผมจะเริ่มลงมือเขียนเรื่องใหม่แล้ว ไว้ผมเขียนจบคุณค่อยอ่านก็แล้วกัน ผมเบื่ออธิบาย..."
เขาว่า ดันตัวฉันออกห่าง แหม...ทำเป็นหวงตัวขึ้นมา ฉันไม่ขัดคอเขาก็ได้ แอบเบ้ปากใส่แล้วถอยออกมา ปล่อยให้เขาเพ้อฝันไปคนเดียวเถอะ เข้าครัวไปทำอาหารมาให้เขากินดีกว่า
สามีฉันเป็นพ่อหม้ายเมียตาย ไม่หล่อแบบพระเอกในนิยายที่เขาเขียนเลย แต่ก็น่ารัก มีพุงพลุ้ยแก้มยุ้ย เนื้อตัวจ้ำม่ำ ฉันชอบผู้ชายรูปร่างแบบนี้ ดูมีน้ำมีนวลดี เงินทองเป็นของนอกกาย เราสองคนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ไม่ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเกินตัว รายได้จากเงินเกษียณของเขาแม้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เราลำบาก เขาชอบเขียนนิยาย ส่วนฉันก็ชอบคนเขียนนิยาย เราเลยปิ๊งกัน แม้วัยจะต่างกันก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
เขานั่งเขียนนิยายตั้งแต่เช้า ตกบ่ายก็นอน เย็นลุกมานั่งเขียนต่อจนดึกดื่น ยกเว้นวันศุกร์ที่จะออกไปสังสรรค์ข้างนอก ซึ่งวันนั้นฉันจะปล่อยเขาให้มีอิสระเต็มที่ จะไปขัดใจทำไม ก็เขาชอบใช้ชีวิตแบบนี้ นับวันความสุขของสองเราจึงล้นปรี่ ฟุ้งกระจายออกมาฉาบตามร่างกายและหน้าตาให้มีสีสัน มีออร่า ไม่แห้งเหี่ยวซีดเซียวอย่างคนสิ้นหวัง ถึงไม่มีลูกเต้ากับใครเขา แต่ฉันก็ทำหน้าที่ของเมียที่ดีได้สมกับความตั้งใจ
ฉันกำลังรอเวลาด้วยความมุ่งหมาย หลังเขาเขียนนิยายเรื่องนี้จบลง ฉันก็คงสมหวังเสียที
หนึ่งปีผ่านไป
นิยายของเขาจบลง พร้อมความสำเร็จอันงดงาม เขากลายเป็นนักเขียนชื่อดังที่ผู้คนต่างพากันพูดถึง เล่าลือถึงนิยายประหลาดที่คนปกติธรรมดาจะไม่สามารถคิดพล็อตขึ้นมาได้ด้วยความทึ่ง สามีที่รักของฉันมามีชื่อเสียงเอาตอนแก่ ซึ่งดูท่าทีเขาจะดีใจมาก แต่เขาไม่รู้หรอก เมียของเขาต่างหากที่ดีใจกว่ามากมายหลายเท่านัก ฉันสมหวังในสิ่งที่รอคอย
ค่ำคืนสุดพิเศษที่มีความหมายนี้ ในขณะที่สามีของฉันกำลังนอนหลับสนิท ฉันจึงแยกส่วนหัวของตัวเองออกเป็นสองซีก พุ่งลิ้นยาวเหยียดปักเข้าไปในปากของร่างอ้วนจ้ำม้ำ ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างตัว แสนสำราญกับเสียงสำลักเลือดขลุกขลักในลำคอ และอาการสั่นเร่า ๆ ระริกไหวไปทั้งตัว ปลายลิ้นเรียวเล็กแตกแยกออกเป็นแฉก ชอนไชขึ้นไปหาสมองเนียนนุ่ม แล้วดูดกินอย่างหิวกระหาย...ฉันกำลังจะได้กินอาหารเพื่อชีวิตอันเป็นอมตะอีกครั้ง
อร่อย...นึกภาพใบหน้าตัวเองไม่ออกเลยว่าปลาบปลื้มขนาดไหน ขณะกัดกินสุดที่รักของฉันอย่างเอร็ดอร่อย ตระกรุมตระกราม ถัดจากสมองอ่อนนุ่ม ฉันสวาปามลูกตาทั้งสองข้าง กัดกินแตกดังเฉาะอยู่ในปาก หลังจากนั้นฉันจะตัดชิ้นส่วนของเขาเป็นท่อน ๆ เก็บใส่กล่องยัดตู้เย็นเอาไว้กินอีก
ฉันกินตามความรักที่มีให้สามีแต่ละคน ถ้ารักมากก็ยิ่งกินเร็วมาก ส่วนกลางลำตัวคือส่วนโอชาที่สุด มักเก็บไว้กินทีหลัง เหมือนเรากินก๋วยเตี๋ยวแล้วเก็บลูกชิ้นไว้กินหลังสุด
อยากลิ้มรสสมองนักเขียนมานานแล้ว สามีคนที่หนึ่งเป็นหมอ สมองอร่อยใช้ได้ คนถัด ๆ ไปก็แล้วแต่อยากกิน สมองห่วยที่สุดคือสมองของคนติดยา เพราะสมองของคนพวกนี้มักถูกยากัดกินไปก่อนหน้าแล้ว สูญเสียการพัฒนา ไร้ซึ่งความคิด เมื่อดูดกินจึงไม่มีรสชาติ
จะให้อร่อยต้องขุนจนอ้วนพี เอิบอาบสมองด้วยความคิดอันวิจิตรพิศดาร ยิ่งหลุดไปนอกจิตมนุษย์เท่าไหร่ยิ่งหอมหวาน ยิ่งคิดพิศดารยิ่งอร่อย ฉันชอบผู้ชายคิดแปลก ๆ ร่องสมองของพวกเขาขับสารย้อมเนื้อสมองเป็นมันเยิ้ม...ซึ่งมันแสนจะโอชะ
ถอนลิ้นออกมาจากช่องปากของสามี จุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผาก ก่อนหันไปหยิบมีดขาววับขึ้นมา จดมันลงแก่นกลางลำตัวของสุดที่รัก....
จบ
ตำรับอาหารเพื่อชีวิตอมตะ
"ผมจะให้คนทั้งโลกทึ่งไปกับนิยายของผม มันจะต้องกลายเป็นนิยายระดับ เบส เซลเลอร์ภายในปีนี้ ยอดขายถล่มทะลายไปทั่วโลก คุณเชื่อผมไหม ที่รัก"
เขาหยุดโอ่ความเก่งกาจด้านการประพันธ์ของตัวเองลง แล้วหันหน้ามาถามฉัน ซึ่งฉันก็ละมือจากการบีบนวดคลายเส้นแถวต้นคอกับไหล่สองข้างให้กับร่างอ้วนใหญ่ของเขาลงชั่วคราว ชะโงกหน้าข้ามไหล่มามองสันหน้าของสามี
"ฉันเชื่อมั่นในความตั้งใจและฝีมือการเขียนนิยายของคุณค่ะที่รัก คุณทำได้แน่ ไม่มีปัญหาหรอก เพราะคุณเป็นคนเก่งและเป็นนักเขียนที่หล่อหลุดโลก เอ้ย หล่อที่สุดในโลกอยู่แล้ว"
ฉันพูดให้กำลังใจสามี และไม่ได้พูดเกินเลยความเป็นจริง สามีฉันเขียนนิยายเก่งมาก จินตนาการล้ำโลก ทะลุออกนอกจักรวาล ที่แม้แต่มนุษย์บนดาวอังคารก็ยังต้องฉงน
"อืม ผมต้องทำสำเร็จให้ได้ อีกเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว ผมยังทำได้เลย ได้รางวัลปากกาทองตั้งสามปีซ้อน"
"อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ เรื่องที่นางเอกเป็นปีศาจ แอบมาใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ฉันอ่านแล้วยังงง ๆ อยู่ กับวิธีคิดของนางเอก ทำไมเธอต้องรอจนพระเอกรักเสียก่อน ถึงค่อยกินเขา"
"คุณจะเข้าใจได้ยังไง คุณไม่ใช่ปีศาจ" เขาหันมาหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในพล็อตนิยายของตัวเอง
"เรื่องนี้ฉันยอมรับว่าหัวไม่ถึงค่ะ อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจชีวิตของนางเอก"
ฉันยอมรับกับความคิดอันแสนมหัศจรรย์ของสามีตัวเองอย่างคนว่าง่าย สามีว่าไงก็ว่าตามกัน ฉันมันยังละอ่อน อยู่ในวัยทีนเอจ ส่วนสามีฉัน เขาแก่กว่าไปหลายรอบ เวลาเดินควงกัน คนมักคิดว่าเราเป็นพ่อลูกกัน แต่เรื่องอายุไม่สำคัญอะไรหรอก อยู่ที่เราใจตรงกัน รักกันเป็นพอ หูฉันจึงไม่รับฟังเสียงครหานินทาของใคร...ใครจะว่าไงก็ช่าง ฉีนรักของฉันเสียอย่าง
คิดแล้วฉันก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
"เพราะคุณไม่ใช่นักเขียนไง ถึงจินตนาการไปไม่ถึง ไม่อยากเสียเวลาอธิบาย ยังไงคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก ผมจะเริ่มลงมือเขียนเรื่องใหม่แล้ว ไว้ผมเขียนจบคุณค่อยอ่านก็แล้วกัน ผมเบื่ออธิบาย..."
เขาว่า ดันตัวฉันออกห่าง แหม...ทำเป็นหวงตัวขึ้นมา ฉันไม่ขัดคอเขาก็ได้ แอบเบ้ปากใส่แล้วถอยออกมา ปล่อยให้เขาเพ้อฝันไปคนเดียวเถอะ เข้าครัวไปทำอาหารมาให้เขากินดีกว่า
สามีฉันเป็นพ่อหม้ายเมียตาย ไม่หล่อแบบพระเอกในนิยายที่เขาเขียนเลย แต่ก็น่ารัก มีพุงพลุ้ยแก้มยุ้ย เนื้อตัวจ้ำม่ำ ฉันชอบผู้ชายรูปร่างแบบนี้ ดูมีน้ำมีนวลดี เงินทองเป็นของนอกกาย เราสองคนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ไม่ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเกินตัว รายได้จากเงินเกษียณของเขาแม้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เราลำบาก เขาชอบเขียนนิยาย ส่วนฉันก็ชอบคนเขียนนิยาย เราเลยปิ๊งกัน แม้วัยจะต่างกันก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
เขานั่งเขียนนิยายตั้งแต่เช้า ตกบ่ายก็นอน เย็นลุกมานั่งเขียนต่อจนดึกดื่น ยกเว้นวันศุกร์ที่จะออกไปสังสรรค์ข้างนอก ซึ่งวันนั้นฉันจะปล่อยเขาให้มีอิสระเต็มที่ จะไปขัดใจทำไม ก็เขาชอบใช้ชีวิตแบบนี้ นับวันความสุขของสองเราจึงล้นปรี่ ฟุ้งกระจายออกมาฉาบตามร่างกายและหน้าตาให้มีสีสัน มีออร่า ไม่แห้งเหี่ยวซีดเซียวอย่างคนสิ้นหวัง ถึงไม่มีลูกเต้ากับใครเขา แต่ฉันก็ทำหน้าที่ของเมียที่ดีได้สมกับความตั้งใจ
ฉันกำลังรอเวลาด้วยความมุ่งหมาย หลังเขาเขียนนิยายเรื่องนี้จบลง ฉันก็คงสมหวังเสียที
หนึ่งปีผ่านไป
นิยายของเขาจบลง พร้อมความสำเร็จอันงดงาม เขากลายเป็นนักเขียนชื่อดังที่ผู้คนต่างพากันพูดถึง เล่าลือถึงนิยายประหลาดที่คนปกติธรรมดาจะไม่สามารถคิดพล็อตขึ้นมาได้ด้วยความทึ่ง สามีที่รักของฉันมามีชื่อเสียงเอาตอนแก่ ซึ่งดูท่าทีเขาจะดีใจมาก แต่เขาไม่รู้หรอก เมียของเขาต่างหากที่ดีใจกว่ามากมายหลายเท่านัก ฉันสมหวังในสิ่งที่รอคอย
ค่ำคืนสุดพิเศษที่มีความหมายนี้ ในขณะที่สามีของฉันกำลังนอนหลับสนิท ฉันจึงแยกส่วนหัวของตัวเองออกเป็นสองซีก พุ่งลิ้นยาวเหยียดปักเข้าไปในปากของร่างอ้วนจ้ำม้ำ ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างตัว แสนสำราญกับเสียงสำลักเลือดขลุกขลักในลำคอ และอาการสั่นเร่า ๆ ระริกไหวไปทั้งตัว ปลายลิ้นเรียวเล็กแตกแยกออกเป็นแฉก ชอนไชขึ้นไปหาสมองเนียนนุ่ม แล้วดูดกินอย่างหิวกระหาย...ฉันกำลังจะได้กินอาหารเพื่อชีวิตอันเป็นอมตะอีกครั้ง
อร่อย...นึกภาพใบหน้าตัวเองไม่ออกเลยว่าปลาบปลื้มขนาดไหน ขณะกัดกินสุดที่รักของฉันอย่างเอร็ดอร่อย ตระกรุมตระกราม ถัดจากสมองอ่อนนุ่ม ฉันสวาปามลูกตาทั้งสองข้าง กัดกินแตกดังเฉาะอยู่ในปาก หลังจากนั้นฉันจะตัดชิ้นส่วนของเขาเป็นท่อน ๆ เก็บใส่กล่องยัดตู้เย็นเอาไว้กินอีก
ฉันกินตามความรักที่มีให้สามีแต่ละคน ถ้ารักมากก็ยิ่งกินเร็วมาก ส่วนกลางลำตัวคือส่วนโอชาที่สุด มักเก็บไว้กินทีหลัง เหมือนเรากินก๋วยเตี๋ยวแล้วเก็บลูกชิ้นไว้กินหลังสุด
อยากลิ้มรสสมองนักเขียนมานานแล้ว สามีคนที่หนึ่งเป็นหมอ สมองอร่อยใช้ได้ คนถัด ๆ ไปก็แล้วแต่อยากกิน สมองห่วยที่สุดคือสมองของคนติดยา เพราะสมองของคนพวกนี้มักถูกยากัดกินไปก่อนหน้าแล้ว สูญเสียการพัฒนา ไร้ซึ่งความคิด เมื่อดูดกินจึงไม่มีรสชาติ
จะให้อร่อยต้องขุนจนอ้วนพี เอิบอาบสมองด้วยความคิดอันวิจิตรพิศดาร ยิ่งหลุดไปนอกจิตมนุษย์เท่าไหร่ยิ่งหอมหวาน ยิ่งคิดพิศดารยิ่งอร่อย ฉันชอบผู้ชายคิดแปลก ๆ ร่องสมองของพวกเขาขับสารย้อมเนื้อสมองเป็นมันเยิ้ม...ซึ่งมันแสนจะโอชะ
ถอนลิ้นออกมาจากช่องปากของสามี จุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผาก ก่อนหันไปหยิบมีดขาววับขึ้นมา จดมันลงแก่นกลางลำตัวของสุดที่รัก....