My Way ชวนคุยแปลเพลง


MY WAY

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ก่อนอื่นต้องขอแจ้งว่า กระทู้นี้ เป็นการแปลแบบตามความรู้สึกผสมความเข้าใจ ที่ไม่มีเจตนาให้เป็นมาตรฐาน ในด้านความถูกต้อง 
ทั้งในแง่ความหมาย หรือ มาตรฐานภาษาต่างประเทศที่แปลเป็นไทย แต่แค่นำเนื้อหามาคุยในแต่ละส่วน 
เพื่อความบันเทิงเท่านั้น เหมือนกับเอาเพลงมาเล่าเรื่อง และจะค่อยๆ เล่าและคุยในแบบของเจ้าของกระทู้ครับ 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความจริงแล้วตอนอายุน้อยกว่านี้ ผมละไม่ชอบเพลงนี้เลย หนวกหู และมักจะเป็นเพลง ผุ้ใหญ่ร้องไว้ในงานปีใหม่ หรืองานต่างๆ ฟังไม่เข้าวใจอีกต่างหาก
แต่พอเวลาผ่านเราเติบโต ได้เข้าใจเนื้อหาของบทเพลง ก็รู้สึกชอบ
จริงๆเพลงนี้มีคนแปลไว้มากมายหาดูได้ตามเว็บ แม้แต่ในยูทูป คลิปแปลก็มีครบสมบูรณ์หมดแล้ว ขอเริ่มเลยครับ

---------------------------------------------------------

And now, the end is near
And so I face the final curtain
My friend, I'll make it clear
I'll state my case, of which I am certain

และแล้ว ณ เวลานี้ ช่วงแห่งการจบก็ใกล้มาถึงแล้ว
และฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับ ฉากสุดท้าย
เพื่อนรักเอ๋ย ฉันจะบอกให้กระจ่างแจ้ง
จะแจกแจง แบบที่แน่นอนเลยละ

ในท่อนแรกนี้ก็ผมฟังก็เห็นภาพ ชายวัยภูมิฐานเหมือนแฟร้งค์ ซิเนตร้า นี่ละครับ ยืนตระหง่านเหมือนเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง ที่น่าสนใจคือ คนวัยไหนนะ จะเริ่มต้นด้วยคำว่า  และแล้วจุดจบก็ใกล้เข้ามา ก็แน่นอนละครับ คนที่เริ่มรู้สึกถึงควาาเสื่อมถอย คนที่ผ่านเรื่องต่างๆมามาก จนเขารู้สึกว่า ก็ไม่รู้เมื่อไหร่หรอก แต่ก็น่าจะใกล้ได้แล้วละ สำหรับคำว่าจุดจบ ดังนั้นก็เป็นคราวที่จะบอกความในใจถึง เรื่องราวที่ผ่านไปในชีวิต แด่เพื่อนๆ ผู้ที่ฟังอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า คนร้อง หรือ คนฟัง ใครจะไปก่อนกัน แต่ก็ขอเล่าละกัน

I've lived a life that's full
I traveled each and every highway
And more, much more
I did it, I did it my way

ฉันใช้ชีวิตแบบเต็มที่
เดินทางมากมายแทบทุกถิ่นที่
แต่ที่มาก มากกว่านั้น
ฉันทำมันด้วย เจตจำนงค์ของฉันเอง

ช่วงท่อนเพลงนี้ คนที่แต่งและคนที่ร้อง กำลังเข้าสู่ความภาคภูมิใจเบื้องต้น นั่นคือชีวิตนี้อย่างน้อยในภาพรวม ก็ได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว เต็มที่และพอใจกับทุกอย่างที่ผ่านมาแล้ว และที่สำคัญ เขาเลือกทางเดินของเขาเอง ไม่ได้ไหลตามโชคชะตา หรือว่า มีใครชักนำชักพาให้เขาเดินตลอดเวลาที่ผ่านมา 

Regrets, I've had a few
But then again, too few to mention
I did what I had to do
And saw it through without exemption

เสียใจ ฉันก็มีบ้าง
แต่มองไปแล้ว มีน้อยจริงที่จะให้พูดถึง
ฉันทำในสิ่งที่ ก็มันต้องทำแหล่ะ
ฉันมองผ่านเรื่องราว แบบไม่มีข้ออ้างอะไรเลยละ

ใช่ คนเราใครบอกไม่มีเรื่องเสียใจเลย นั่น โกหกแล้วครับ มันต้องมี มีมาก มีน้อย ก็ขึ้นกับคิดมาก คิดน้อย รู้ตัวมาก รู้ตัวน้อย บางคนแก่แล้วทำผิดเยอะแยะยังไม่รู้ตัวเลย บางคนผิดนิดผิดหน่อย เป็นตราบาปไปทั้งชีวิต ดังนั้น เรื่องเสียใจคนเราต้องมี แต่ถ้าย้อนเวลาได้ เราจะตัดสินใจยังไง เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม แต่ผมว่าตามที่เพลงบอกแหล่ะครับ เราก็ทำ ในสิ่งที่เราต้องทำ ย้อนเวลาได้ ก็คงทำเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเหตุผล หรือ อารมณ์ อีโก้ อะไรก็ตามซึ่งจุดนี้ ตามเพลงบอกคือ เรื่องที่ทำไปทั้งหมดน่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอก ถูกจริง ผิดจริง และที่สำคัญเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ ต้องยอมรับมัน

I planned each charted course
Each careful step along the byway
And more, much, much more
I did it, I did it my way

ฉันได้วางแผนทุกอย่าง
ทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวังตลอดเส้นทาง
และมาก มากกว่านั้น
ฉันก็ทำทุกย่าง ตามวิถีของฉัน 

คือชีวิตที่มีการวางแผน ในทุกช่วงวัย ตามปราถนาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน อย่างที่เพลงนี้มีชื่อว่า MY WAY นั่นก็ชัดเจนในท่อนเพลงนี้ ว่าไม่ได้ไหลตามโชค ไม่ได้ไหลตามกระแสอะไร หรือ จริงๆแล้วถ้าจะปล่อยให้ชีวิตไหลตามกระแส หรือ ตามโชคชะตาก็ตาม นั่นเราก็ยังเลือกของเราเอง 

Yes, there were times, I'm sure you knew
When I bit off more than I could chew
And through it all, whenever there was doubt
I ate it up and spit it outI faced it all and I stood tall
And did it, did it my way

ใช่แล้ว มีหลายครั้ง ฉันว่าคุณก็คงรู้แหล่ะ
บางครั้งฉันก็ กินคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวได้
และทั้งหมดไม่ว่าเวลาไม่เคยสงสัยเลย
ผ่านทุกอย่างมา แม้ตอนที่ยังกังขาก็ตามที
ก็กล้ำกลืนลงไป และบางคราก็คายมันออกไป
แล้วเผชิญหน้ากับทุกอย่าง พร้อมกับเชิดหน้าภูมิใจ
และทำทุกอย่าง ตามวิถีของฉัน 

ผมว่านี่ไฮไลท์นะ ผมก็เรียนตามตรงไม่รู้ถูกผิดละ แต่ผมแปลว่า คนเรานี่จริงๆก็ แบบรู้ๆกันแหล่ะ บางครั้งเราก็สร้างปัญหาที่ใหญ๋เกินกว่าตัวเราจะแก้ได้ หรือทำอะไรเกินตัวไปหน่อย แล้วมันก็พลาดหรือเจ็บ อาย ตอบแทนกลับมา และมีบางครั้งในช่วงเวลาที่เราลังเล สงสัย แต่ในเพลงก็บอกว่า ในสถานการณ์เหล่านั้น ฉันก็เดินเผชิญหน้าแม้มันมีปัญหานั่นแหล่ะ ตรงนี้สำคัญนะผมว่า เราจะรอทำอะไรสักอย่างแบบ Optimistic ไม่ได้หรอก มันต้องลุยทั้งๆที่  Treath บ้างละครับ เพราะชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบให้ทุกคน บางคนได้ บางคนไม่ได้ ดังนั้น เพลงท่อนนี้คือ คุณต้องลุยน่ะ จะฟ้าใส ฝ่าพายุก็ต้องเดินหน้า 

และเมื่อคุณไม่สามารถเลือกได้ที่จะเจอแต่สิ่งดีๆ ความเจ็บปวด ประสบการณ์แย่ๆ ก็ต้องกลืนลงไป คือ ไม่โวยวายอะไร ในบางครั้ง หรือ spit it out คือ ช่างมันบ้างเถอะ อย่าไปอมไว้ หรือ นัยหนึ่งคือ อย่าไปแบกโลกไว้แล้ว มันหนัก และทำให้ความคิดถูกยึดติด กลืนมันลงไป หรือคายไปทิ้งซะ แล้วผ่านช่วงเวลานั้นไป อย่าไปฝังใจนั่นเอง เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาแล้ว ทำให้ดี คุณจะได้ stood tall คือ ยืดได้ ไม่ต้องหลบหน้าใคร ไม่ทำผิดต่อใคร ไม่ต้องอายใคร เชิดหน้าเดินสบายใจ 

I've loved, laughed and cried
I had my fill, my share of losing
And now, as tears subside
I find that it's all so amusing

ฉันมีความรัก หัวเราะ ร้องไห้
มีได้ มีเสีย
และบัดนี้ น้ำตาแห้งหมดแล้ว
ฉันพบว่า ที่ผ่านมาทั้งหมดน่ะ ก็สนุกดี

จริงๆท่อนนี้ค่อนข้างชัดเจน คนมีประสบการณ์ เจอรัก มีสุข มีทุกข์ มีได้ มีเสีย เวลาผ่านไป ตอนนั้นละจะเป็นจะตาย พอมามองย้อนไปกลายเป็นเรื่องขำๆได้

And to think I did all that
And may I say not in a shy way
No, no, not me
I did it my way

ฉันคิดว่าทุกอย่างที่ทำไปนั่น
พูดได้เลยว่า ไม่มีเรื่องน่าอาย
ไม่ ไม่ใช่ฉัน ( ที่มีอะไรต้องอาย )
ฉันทำตามวิถีของฉันคง

For what is a man, what has he got
If not himself, then he has naught
to say the things that he truly feels
And not the words of someone who kneels
The record shows I took all the blows
And did it my way

สำหรับลูกผู้ชายแล้ว สิ่งที่สำคัญ
หากมิใช่ความภาคภูมิใจในตนเองแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรแล้วละ
พูดถึงสิ่งที่เขารู้สึกโดยแท้จริง
มิใช่วาจาจากผู้ที่ทรุดเข่าลง
ประวัติแจ้งชัด จัดการได้ทุกอย่าง
ฉันทำตาม วิถีของฉันเอง

ไฮไลท์ตอนท้าย : ท่อนนี้ฟังแล้วรู้สึกดี คือ ผู้ชายเรานี่ก็รู้ๆกันอยู่ อีโก้ ก็สูงๆกัน ชอบแข่งขัน ชอบเอาชนะ ซึ่งจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ ก็ต้องมีดีพอควรแหล่ะ และจะมีดีได้ มีความสามารถได้ ก็ต้องมุ่งมั่น ฝึกฝน และอดทน ไม่มีทางลัดให้ใครเก่งได้ครับ ดังนั้น จะมีดี ต้องทุ่มเทมาก่อนและมากทีเดียว และแน่อนถ้ามีความสามารถ มีดี  ก็ต้องมีประวัติที่ดี และก็จะกลายเป็น คือ ความภาคภูมิใจในตนเอง นับถือตนเอง ซึ่งหากใครไม่มีสิ่งนี้แล้ว เขาจะเหลืออะไร

ถ้ามีเงิน เงินหมด ก็หมดกัน ถ้ามีอำนาจ อำนาจหมด ก็หมดกัน รูปลักษณ์ภายนอก ผ่านไปตามกาลเวลา
สังขารต่างๆไม่เที่ยง มีแต่สิ่งที่กระทำไว้ต่างหาก ไม่ว่าจะความดี ความสามารถ แต่ขอให้เป็นไปในทางที่ดี ก็จะภาคภูมิได้

พูดเรื่องจริงได้เสมอ ไม่ต้องไปง้อใคร ไม่ต้องพูดขออะไรกับใคร ก็ถ้ามีวีรกรรม ( ที่ดี ) ว่าดำเนินชีวิตมาได้อย่างสง่างาม
ก็พูดได้เสมอว่า ได้ทำตามทุกอย่าง ตามวิถีทางที่ตัวเองเลือกเองซะด้วยซี เขาเรียกว่า ของจริง

สุดท้าย ที่ผมคิดคือ ไม่ว่าคนเราจะวางแผนชีวิตและดำนเนินตามที่ตนปราถนาทั้งหมด หรือได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ตาม รวมถึง บางคนที่ก็ปล่อยชีวิตตามโชคชะตา หรือ บางคนที่ไม่ได้กำหนดแผนอะไรแต่เดินตามคนอื่นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่เลือกแล้วนะครับ ดังนั้นทุกชีวิต เราทุกคนเลือกชีวิตของเราเอง เพียงแต่ว่า เราเลือกจะมีชีวิตแบบไหนแค่นั้นเอง

----------------------------------------------------------------------

จบแล้วครับ หวังว่าคงจะได้อะไรบ้าง กับการสละเวลาอ่านจนถึงจบกระทู้ สำหรับ เพลง MY WAY ซึ่งผมนำมาคุยเล่าแปล ผสมๆกัน
ในแบบไม่เป็นทางการ วิชาการ แต่เป็นในแง่ความรู้สึกต่อเพลง ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ได้แตกฉานภาษาอังกฤษแต่อย่างใด
หากผิดพลาดส่วนใด ขออภัย ณ ท้ายนี้
ขอบคุณครับ 

พาพันขอบคุณ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่