เรามีปัญหากับการจัดการระบบจราจร ที่ทางตำรวจผ่อนผันให้รถทางตรงสามารถฝ่าไฟแดงได้ในช่วงเช้าและเย็น บริเวณแยกที่เราต้องผ่านทุกวัน จนทำให้เกิดการเคยชิน ไม่ว่าเวลาไหนรถก็ฝ่าไฟแดงตลอดเวลา
และคือ ถึงเราจะไฟเขียว แต่รถที่ได้รับการผ่อนผันที่ควรจะให้ทางเราก่อน แต่ไม่เลย จนเกิดอุบัติเหตุ แต่เราก็ไม่เจ็บมาก แค่เจ็บใจที่ตำรวจบอก กล้องไม่ชัด เอาผิดใครไม่ได้ เราร้องเรียนไปทางเพจของสถานีตำรวจ ก็บอกเพียงว่า ความเคยชินทำให้คนทำผิด แต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร
ด้วยที่เราต้องผ่านแยกนั้นทุกวัน เราคิดว่า ทำไมเราต้องมาคอยระวัง หวาดระแวงว่า จะมีวันไหนที่มันอาจจะพลาดและร้ายแรงกว่าที่เคยเป็น ทำไมเราทำตามกฎจราจร ถึงยังไม่ได้รับความปลอดภัย
จนในที่สุด เราก็ตัดสินใจจะฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ตำรวจจราจรยกเลิกการผ่อนผันดังกล่าว
เริ่มแรก เราค้นหาฟอร์มในการเขียนคำฟ้อง และนั่งเขียนคำฟ้องเอง เตรียมเอกสารที่คิดว่าจำเป็นต้องมี และนำไปยื่นที่ศาลปกครอง เจ้าหน้าที่บอกต้องทำ 3 ชุด คือ ให้เราเก็บไว้ 1 ให้ศาล 1 และให้คนถูกฟ้อง 1 แต่ถ้ามีคนถูกฟ้องมากกว่า 1 ก็เพิ่มจำนวนไปตามนั้น พอรับเรื่อง เจ้าหน้าที่จะออกเลขรับให้ เพื่อให้เราใช้ในการติดตามคดี ถ้าศาลรับฟ้อง
ผ่านไปพอสมควรค่ะ อัยการโทรหาเรา และถามว่ายังยืนยันจะฟ้องไหม เราก็บอกว่ายืนยันจะฟ้อง อัยการก็จะเป็นผู้ทำสำนวนให้และทำเรื่องฟ้องให้เรา
เวลาผ่านไป จู่ๆก็มีคนบอกว่า ตำรวจจราจรได้ยกเลิกการผ่อนผันบริเวณแยกที่เราฟ้อง และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเอาผิดกับคนที่ทำผิดที่แยกนั้น
เราไม่รู้ว่า เพราะอะไรสิ่งที่เราขอไป คือ ให้ยกเลิกการผ่อนผันและขอให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ถึงได้รับการปฏิบัติขึ้นมา อาจจะเกี่ยวข้องกับที่เราฟ้องหรือว่าไม่เกี่ยวเราก็ไม่รู้ แต่หลังจากนั้น เราก็รู้สึกว่าการผ่านแยกนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ถึงแม้ ตำรวจจราจารจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากให้เป็นแล้ว แต่คดีก็ยังคงดำเนินต่อไป เราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากไปศาลเพื่อสืบคดีและสุดท้าย ศาลก็นัดอ่านคำพิพากษา ไปเมื่อ วันที่ 13 ธ.ค. 2564
ผลคือ ผู้ถูกฟ้องได้ยกเลิกการผ่อนผันการเปิดช่องจราจร ในระหว่างการพิจารณาคดี ไปแล้ว
เราขอเอามาแชร์ค่ะ เราคิดว่าทุกคนอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่ถ้าเราเพิกเฉย และก็แค่บ่น มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเริ่มสร้างมันด้วยตัวของเราเอง
แต่เราคิดเสมอว่า การอยู่ร่วมกันคือ การค่อยๆปรับตัวและเรียนรู้ สังคมจะดี ไม่จำเป็นต้องมีคนผิดเสมอไป แต่คือเรียนรู้และแก้ไข มันจะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยดีนะคะ
และศาลปกครอง ก็จะยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ในกรณีได้รับผลกระทบจากการใช้คำสั่งทางปกครอง
ศาลปกครองครั้งแรกในชีวิต
และคือ ถึงเราจะไฟเขียว แต่รถที่ได้รับการผ่อนผันที่ควรจะให้ทางเราก่อน แต่ไม่เลย จนเกิดอุบัติเหตุ แต่เราก็ไม่เจ็บมาก แค่เจ็บใจที่ตำรวจบอก กล้องไม่ชัด เอาผิดใครไม่ได้ เราร้องเรียนไปทางเพจของสถานีตำรวจ ก็บอกเพียงว่า ความเคยชินทำให้คนทำผิด แต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร
ด้วยที่เราต้องผ่านแยกนั้นทุกวัน เราคิดว่า ทำไมเราต้องมาคอยระวัง หวาดระแวงว่า จะมีวันไหนที่มันอาจจะพลาดและร้ายแรงกว่าที่เคยเป็น ทำไมเราทำตามกฎจราจร ถึงยังไม่ได้รับความปลอดภัย
จนในที่สุด เราก็ตัดสินใจจะฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ตำรวจจราจรยกเลิกการผ่อนผันดังกล่าว
เริ่มแรก เราค้นหาฟอร์มในการเขียนคำฟ้อง และนั่งเขียนคำฟ้องเอง เตรียมเอกสารที่คิดว่าจำเป็นต้องมี และนำไปยื่นที่ศาลปกครอง เจ้าหน้าที่บอกต้องทำ 3 ชุด คือ ให้เราเก็บไว้ 1 ให้ศาล 1 และให้คนถูกฟ้อง 1 แต่ถ้ามีคนถูกฟ้องมากกว่า 1 ก็เพิ่มจำนวนไปตามนั้น พอรับเรื่อง เจ้าหน้าที่จะออกเลขรับให้ เพื่อให้เราใช้ในการติดตามคดี ถ้าศาลรับฟ้อง
ผ่านไปพอสมควรค่ะ อัยการโทรหาเรา และถามว่ายังยืนยันจะฟ้องไหม เราก็บอกว่ายืนยันจะฟ้อง อัยการก็จะเป็นผู้ทำสำนวนให้และทำเรื่องฟ้องให้เรา
เวลาผ่านไป จู่ๆก็มีคนบอกว่า ตำรวจจราจรได้ยกเลิกการผ่อนผันบริเวณแยกที่เราฟ้อง และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเอาผิดกับคนที่ทำผิดที่แยกนั้น
เราไม่รู้ว่า เพราะอะไรสิ่งที่เราขอไป คือ ให้ยกเลิกการผ่อนผันและขอให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ถึงได้รับการปฏิบัติขึ้นมา อาจจะเกี่ยวข้องกับที่เราฟ้องหรือว่าไม่เกี่ยวเราก็ไม่รู้ แต่หลังจากนั้น เราก็รู้สึกว่าการผ่านแยกนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ถึงแม้ ตำรวจจราจารจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากให้เป็นแล้ว แต่คดีก็ยังคงดำเนินต่อไป เราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากไปศาลเพื่อสืบคดีและสุดท้าย ศาลก็นัดอ่านคำพิพากษา ไปเมื่อ วันที่ 13 ธ.ค. 2564
ผลคือ ผู้ถูกฟ้องได้ยกเลิกการผ่อนผันการเปิดช่องจราจร ในระหว่างการพิจารณาคดี ไปแล้ว
เราขอเอามาแชร์ค่ะ เราคิดว่าทุกคนอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่ถ้าเราเพิกเฉย และก็แค่บ่น มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเริ่มสร้างมันด้วยตัวของเราเอง
แต่เราคิดเสมอว่า การอยู่ร่วมกันคือ การค่อยๆปรับตัวและเรียนรู้ สังคมจะดี ไม่จำเป็นต้องมีคนผิดเสมอไป แต่คือเรียนรู้และแก้ไข มันจะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยดีนะคะ
และศาลปกครอง ก็จะยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ในกรณีได้รับผลกระทบจากการใช้คำสั่งทางปกครอง