ชู้
ล. วิลิศมาหรา
เมียผมมีชู้!!!
ผมยืนตะลึงกับภาพเจ้าผู้ชายแปลกหน้าในบ้านตัวเองคืนนั้น มันย่องผ่านหน้าผมไป ด้วยฝีเท้าแผ่วเบาราวกับเป็นตีนแมว มันเพิ่งออกมาจากหน้าประตูห้องนอนของนวล เมียของผมเอง ร่างที่เห็นเพียงราง ๆ ในเงาสลัว สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงนักมวยสีเข้ม ทันเห็นหลังอยู่ไว ๆ ผลุบหายไปทางห้องครัว
ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นมันแอบมาหากันถึงในบ้านกับนังเมียตัวดีของผม
ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นอกจากนังเมียผมมันนัดผู้ชายมานอนกับมันในบ้าน สองคนนั่นถือโอกาสตอนผมออกไปทำงานเป็นยามกะดึก แอบมาเล่นจ้ำจี้กันในห้องนอนของผมเอง
ชายชู้กับหญิงชั่วคงย่ามใจ ไม่นึกว่าผมจะย้อนกลับมาจับตามองดูมัน ผมสงสัยในพฤติกรรมของนวลมาสักระยะหนึ่งแล้ว พักนี้เธอดูเปลี่ยนไป มักไม่ค่อยพูดจาดี ๆ กับคนเป็นผัว ถามคำตอบคำเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง พอถูกผมซักไซ้หนักเข้าหน่อย นวลก็หาว่าผมประสาทแDก ชอบคิดมากไปเอง เที่ยวเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้ต้องทะเลาะกัน ที่ไม่อยากคุยกับผม เป็นเพราะผมชอบหาเรื่องเธอ
"พี่ไม่ค่อยได้นอน ฉันเลยอยากให้พี่ได้พักผ่อนก่อน ก็แค่นั้นเอง อย่ามาหาเรื่องกันแบบนี้นะพี่จอม"
เธอตอบเสียงสะบัด เห็นได้ชัดว่าพยายามพูดแก้ตัว อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ทำเป็นพูดเหมือนเห็นใจผัว คอยคะยั้นคะยอให้แต่ผัวนอนหลับ แกล้งบอกว่ากลัวผมจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ที่แท้ตัวเองจะได้แอบไปหัวร่อต่อกระซิก คุยโทรศัพท์กับชู้น่ะสิ คิดหรือว่าจะรู้ไม่ทัน...ผัวคนไหนก็อยากให้เมียคอยตามถามไถ่ แสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันทั้งนั้น ไม่ใช่มาบอกให้ผัวเอาแต่นอนหลับ อ้างว่ากลัวผัวจะเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งผมไม่เคยเชื่อ หลายคืนมานี้ มีบางคืนที่ผมไม่ได้ไปเข้ากะ แต่แอบย่องกลับมาดูที่บ้านอย่างในคืนนี้
ผมเคยได้ยินเสียงกระซิบกระซาบระริกระรี้ของใครบางคนอยู่ในห้องนอนของผมมาก่อน ตอนนั้นจึงเงี่ยหูฟัง ก่อนเคาะประตูห้องให้นวลมาเปิด เมียตัวดีแกล้งทำเป็นสีขี้หูขี้ตา งัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตู
ผมพุ่งเข้าไปสำรวจดูข้างใน แต่ก็ไม่ทัน เจ้าหมอนั่นมันต้องรีบหนีลงทางหน้าต่าง ผมรีบชะโงกหน้าต่างดู แต่ไอ้ชายชู้มันไวราวกับปรอท บ้านตึกชั้นเดียวของผมเตี้ยแค่นี้เอง มันจึงกระโดดหนีออกไปได้ไม่ยากเย็นนัก
ผมเหลียวมาดูหน้านังเมียใจง่าย เห็นแกล้งยืนทำหน้าบึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงมึนตึงกับผมอย่างไม่เกรงกลัวความผิด
"เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะพี่ คนจะหลับจะนอน ฉันขายส้มตำต้องยืนทั้งวัน เมื่อยขาจะตายอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ ก็มาปลุกให้ตื่น แล้วคืนนี้ทำไมมาบ้าน ไม่ไปเข้าเวรเหรอ"
ผมมองนังเมียในสภาพนุ่งผ้าถุงกระโจมอกอย่างแค้นใจ ที่เห็นชายชู้มันหนีรอดออกไปได้ทางหน้าต่างอย่างลอยนวล
“ใครเพิ่งออกไปทางหน้าต่าง”
ถามเมียเสียงกระด้าง กัดกรามกรอด ชี้ไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดกว้างอยู่
“บ้าให้มันน้อยหน่อยเหอะพี่จอม ใครมันจะกระโดดออกหน้าต่างไป ฉันอยู่ในนี้คนเดียวพี่ก็เห็นอยู่ มีใครกระโดดออกไปมันก็ต้องได้ยินเสียงคนกระโดดสิ”
“แล้วนอนเปิดหน้าต่างทำไม”
“มันร้อน เอ๊ะ! พี่นี่ยังไง หลังบ้านเราเป็นบึง ลมมันพัดมาเย็นดี”
เธอยังยืนเถียงเสียงแข็งอย่างไม่ยอมลดละ เออ...จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ให้พวกมันลอยนวลไปก่อนเถอะ วันนี้พลาดไป ต้องหาทางจับให้ได้คาหนังคาเขาเข้าสักวัน ดูสิว่านังเมียปากแข็งมันจะอ้างอะไรอีก
แล้วในที่สุดคืนนี้เจ้านั่นมันก็ย่ามใจ ลอบเข้ามาหานวลถึงในบ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง และมันกำลังแวบหายออกไปทางประตูหลังบ้าน ผมถลันไปเปิดไฟในห้องครัวให้สว่าง กระชากบานประตูหลังบ้านออก พุ่งตัวตามมันไปทันที
ผมไล่ตามไปติด ๆ ควักไฟฉายกระบอกจิ๋วจากกระเป๋ากางเกงออกมาส่อง คิดว่าคืนนี้ต้องจับตัวมันให้ได้ เป็นไงเป็นกัน จะไม่ยอมให้มันมาหยามน้ำใจลูกผู้ชายของผมอีกเป็นอันขาด
ทว่าในป่าหลังบ้านกลับไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าผู้ชายคนนั้น มันหนีไปทางไหน ทำไมถึงหายไปไวนัก
แต่ทันใดนั้นผมก็เห็นหลังมันวิ่งไปที่ต้นไม้ในป่ารกเรื้อ
ได้การละ ผมกระชับมีดพกในมือเป็นอาวุธไว้มั่น พุ่งแสงไฟตามหลัง วิ่งตามมันไป แล้วมาหยุดยืนหอบหายใจแรงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ถัดไปเป็นบึงกว้าง ไม่มีทางให้วิ่งหนีไปไหนได้อีก ถ้าจะให้หนีได้ มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องว่ายน้ำข้ามบึงไป ผมตัดสินใจจะตามมันให้ถึงที่สุด
ผมสอดส่ายสายตามอง ขอบบึงอยู่ห่างไปไม่ไกล แต่ไร้วี่แววของเจ้าหมอนั่น ทั่วบริเวณเงียบสนิท เงียบ...ชนิดไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่มีเสียงคนวิ่ง ไม่ได้ยินเสียงคนว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่ง รอบข้างดูเงียบสงัดจนผิดสังเกต หรือว่ามันกำลังซุ่มดูอยู่ในเงามืดที่ไหนสักแห่ง ชูมีดขึ้นเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัว หยุดยืนกราดแสงไฟฉายส่องดูจนทั่ว
สาบกลิ่นประหลาดเหม็นคละคลุ้งขึ้นมาในบรรยากาศ พลันสายตาก็ไปปะทะกับร่าง ๆ หนึ่ง ซึ่งห้อยอยู่ใต้คาคบไม้ใหญ่ ใกล้กันกับตัวผมนี่เอง เป็นร่างซึ่งทำให้ผมผวาเยือกไปทั้งตัว!!!
ผู้ชายที่เห็นในห้องครัวบ้านผม กำลังห้อยโตงเตงอยู่ที่นั่น ผมจำเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เจ้าคนนั้นใส่ได้ มันช่างคล้ายกันกับของผู้ชายคนที่แขวนคอตายอยู่ใต้ต้นไม้ในเวลานี้ไม่มีผิด
ทันใดนั้นผมก็ต้องขนลุกขนชัน แหกปากร้องดังลั่น เมื่อร่างแห้งกรังร่างนั้น เปิดตาขึ้นมองสวนแสงไฟจ้องมาที่ผมตาเป๋ง
"ช่วยปลดผมลงไปที ผมไม่ได้เป็นชู้กับเมียคุณ"
จบ
ชู้.....
ล. วิลิศมาหรา
เมียผมมีชู้!!!
ผมยืนตะลึงกับภาพเจ้าผู้ชายแปลกหน้าในบ้านตัวเองคืนนั้น มันย่องผ่านหน้าผมไป ด้วยฝีเท้าแผ่วเบาราวกับเป็นตีนแมว มันเพิ่งออกมาจากหน้าประตูห้องนอนของนวล เมียของผมเอง ร่างที่เห็นเพียงราง ๆ ในเงาสลัว สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงนักมวยสีเข้ม ทันเห็นหลังอยู่ไว ๆ ผลุบหายไปทางห้องครัว
ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นมันแอบมาหากันถึงในบ้านกับนังเมียตัวดีของผม
ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นอกจากนังเมียผมมันนัดผู้ชายมานอนกับมันในบ้าน สองคนนั่นถือโอกาสตอนผมออกไปทำงานเป็นยามกะดึก แอบมาเล่นจ้ำจี้กันในห้องนอนของผมเอง
ชายชู้กับหญิงชั่วคงย่ามใจ ไม่นึกว่าผมจะย้อนกลับมาจับตามองดูมัน ผมสงสัยในพฤติกรรมของนวลมาสักระยะหนึ่งแล้ว พักนี้เธอดูเปลี่ยนไป มักไม่ค่อยพูดจาดี ๆ กับคนเป็นผัว ถามคำตอบคำเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง พอถูกผมซักไซ้หนักเข้าหน่อย นวลก็หาว่าผมประสาทแDก ชอบคิดมากไปเอง เที่ยวเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้ต้องทะเลาะกัน ที่ไม่อยากคุยกับผม เป็นเพราะผมชอบหาเรื่องเธอ
"พี่ไม่ค่อยได้นอน ฉันเลยอยากให้พี่ได้พักผ่อนก่อน ก็แค่นั้นเอง อย่ามาหาเรื่องกันแบบนี้นะพี่จอม"
เธอตอบเสียงสะบัด เห็นได้ชัดว่าพยายามพูดแก้ตัว อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ทำเป็นพูดเหมือนเห็นใจผัว คอยคะยั้นคะยอให้แต่ผัวนอนหลับ แกล้งบอกว่ากลัวผมจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ที่แท้ตัวเองจะได้แอบไปหัวร่อต่อกระซิก คุยโทรศัพท์กับชู้น่ะสิ คิดหรือว่าจะรู้ไม่ทัน...ผัวคนไหนก็อยากให้เมียคอยตามถามไถ่ แสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันทั้งนั้น ไม่ใช่มาบอกให้ผัวเอาแต่นอนหลับ อ้างว่ากลัวผัวจะเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งผมไม่เคยเชื่อ หลายคืนมานี้ มีบางคืนที่ผมไม่ได้ไปเข้ากะ แต่แอบย่องกลับมาดูที่บ้านอย่างในคืนนี้
ผมเคยได้ยินเสียงกระซิบกระซาบระริกระรี้ของใครบางคนอยู่ในห้องนอนของผมมาก่อน ตอนนั้นจึงเงี่ยหูฟัง ก่อนเคาะประตูห้องให้นวลมาเปิด เมียตัวดีแกล้งทำเป็นสีขี้หูขี้ตา งัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตู
ผมพุ่งเข้าไปสำรวจดูข้างใน แต่ก็ไม่ทัน เจ้าหมอนั่นมันต้องรีบหนีลงทางหน้าต่าง ผมรีบชะโงกหน้าต่างดู แต่ไอ้ชายชู้มันไวราวกับปรอท บ้านตึกชั้นเดียวของผมเตี้ยแค่นี้เอง มันจึงกระโดดหนีออกไปได้ไม่ยากเย็นนัก
ผมเหลียวมาดูหน้านังเมียใจง่าย เห็นแกล้งยืนทำหน้าบึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงมึนตึงกับผมอย่างไม่เกรงกลัวความผิด
"เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะพี่ คนจะหลับจะนอน ฉันขายส้มตำต้องยืนทั้งวัน เมื่อยขาจะตายอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ ก็มาปลุกให้ตื่น แล้วคืนนี้ทำไมมาบ้าน ไม่ไปเข้าเวรเหรอ"
ผมมองนังเมียในสภาพนุ่งผ้าถุงกระโจมอกอย่างแค้นใจ ที่เห็นชายชู้มันหนีรอดออกไปได้ทางหน้าต่างอย่างลอยนวล
“ใครเพิ่งออกไปทางหน้าต่าง”
ถามเมียเสียงกระด้าง กัดกรามกรอด ชี้ไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดกว้างอยู่
“บ้าให้มันน้อยหน่อยเหอะพี่จอม ใครมันจะกระโดดออกหน้าต่างไป ฉันอยู่ในนี้คนเดียวพี่ก็เห็นอยู่ มีใครกระโดดออกไปมันก็ต้องได้ยินเสียงคนกระโดดสิ”
“แล้วนอนเปิดหน้าต่างทำไม”
“มันร้อน เอ๊ะ! พี่นี่ยังไง หลังบ้านเราเป็นบึง ลมมันพัดมาเย็นดี”
เธอยังยืนเถียงเสียงแข็งอย่างไม่ยอมลดละ เออ...จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ให้พวกมันลอยนวลไปก่อนเถอะ วันนี้พลาดไป ต้องหาทางจับให้ได้คาหนังคาเขาเข้าสักวัน ดูสิว่านังเมียปากแข็งมันจะอ้างอะไรอีก
แล้วในที่สุดคืนนี้เจ้านั่นมันก็ย่ามใจ ลอบเข้ามาหานวลถึงในบ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง และมันกำลังแวบหายออกไปทางประตูหลังบ้าน ผมถลันไปเปิดไฟในห้องครัวให้สว่าง กระชากบานประตูหลังบ้านออก พุ่งตัวตามมันไปทันที
ผมไล่ตามไปติด ๆ ควักไฟฉายกระบอกจิ๋วจากกระเป๋ากางเกงออกมาส่อง คิดว่าคืนนี้ต้องจับตัวมันให้ได้ เป็นไงเป็นกัน จะไม่ยอมให้มันมาหยามน้ำใจลูกผู้ชายของผมอีกเป็นอันขาด
ทว่าในป่าหลังบ้านกลับไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าผู้ชายคนนั้น มันหนีไปทางไหน ทำไมถึงหายไปไวนัก
แต่ทันใดนั้นผมก็เห็นหลังมันวิ่งไปที่ต้นไม้ในป่ารกเรื้อ
ได้การละ ผมกระชับมีดพกในมือเป็นอาวุธไว้มั่น พุ่งแสงไฟตามหลัง วิ่งตามมันไป แล้วมาหยุดยืนหอบหายใจแรงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ถัดไปเป็นบึงกว้าง ไม่มีทางให้วิ่งหนีไปไหนได้อีก ถ้าจะให้หนีได้ มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องว่ายน้ำข้ามบึงไป ผมตัดสินใจจะตามมันให้ถึงที่สุด
ผมสอดส่ายสายตามอง ขอบบึงอยู่ห่างไปไม่ไกล แต่ไร้วี่แววของเจ้าหมอนั่น ทั่วบริเวณเงียบสนิท เงียบ...ชนิดไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่มีเสียงคนวิ่ง ไม่ได้ยินเสียงคนว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่ง รอบข้างดูเงียบสงัดจนผิดสังเกต หรือว่ามันกำลังซุ่มดูอยู่ในเงามืดที่ไหนสักแห่ง ชูมีดขึ้นเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัว หยุดยืนกราดแสงไฟฉายส่องดูจนทั่ว
สาบกลิ่นประหลาดเหม็นคละคลุ้งขึ้นมาในบรรยากาศ พลันสายตาก็ไปปะทะกับร่าง ๆ หนึ่ง ซึ่งห้อยอยู่ใต้คาคบไม้ใหญ่ ใกล้กันกับตัวผมนี่เอง เป็นร่างซึ่งทำให้ผมผวาเยือกไปทั้งตัว!!!
ผู้ชายที่เห็นในห้องครัวบ้านผม กำลังห้อยโตงเตงอยู่ที่นั่น ผมจำเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เจ้าคนนั้นใส่ได้ มันช่างคล้ายกันกับของผู้ชายคนที่แขวนคอตายอยู่ใต้ต้นไม้ในเวลานี้ไม่มีผิด
ทันใดนั้นผมก็ต้องขนลุกขนชัน แหกปากร้องดังลั่น เมื่อร่างแห้งกรังร่างนั้น เปิดตาขึ้นมองสวนแสงไฟจ้องมาที่ผมตาเป๋ง
"ช่วยปลดผมลงไปที ผมไม่ได้เป็นชู้กับเมียคุณ"