[ขอคำปรึกษา] ลูกคนเดียว ที่ต้องดูแลพ่อแม่ วัยเกษียณ ไม่มีรายได้และเงินเก็บ และอยากมีครอบครัวของตัวเองในอนาคตครับ

รู้สึกกังวล และคิดมากถึงอนาคตครับ จึงอยากจะปรึกษา แนวทาง และแนวคิดการใช้ชีวิตต่อจากนี้
อยากได้ประสบการณ์จากผู้ใหญ่ หลายๆท่านครับ

คิดมากว่าจะจัดการชีวิตยังไงดี
เราเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่อายุ 72  ตัวเองอายุ 30
รู้สึกว่า ทุกอย่างมันตึง มันมืดมนไปหมด
กลัวนู่นกลัวนี่

ครอบครัวของผมอยู่กทม. 
พ่อแม่ อยู่กทม. มา 40-50 ปี     ส่วนตัวผมอยู่มาตั้งแต่เกิด ตอนนี้ก็ทำงานกทม. (ปัจจุบัน ถือว่าผมเป็นรายได้หลักของครอบครัว)
เดิมพ่อแม่  พื้นเพเป็นคนในจังหวัดท่องเที่ยวทางใต้ (พวกเรากลับไปทุกปีในวันสงกรานต์ครับ เพราะรวมญาติ (ปู่ของผม แกยังอยู่) หรือวันหยุดยาวอื่นๆ  ต้องบอกก่อนว่าพวกเรามีบ้านที่สร้างไว้ที่นู่นเหมือนกันครับ  เป็นที่ดินมรดกเปล่าๆ  ตอนนี้มีบ้าน 2 หลัง
น้าชาย (น้องของแม่  ไม่มีครอบครัว) อยู่เอง 1 หลัง  แกมาสร้างบ้านให้ บนที่ดินพ่อ   ส่วนอีกหลังพึ่งสร้างใหม่ เป็นเงินกู้ธนาคาร 3.5 ล้านครับ  กะไว้จะปล่อยให้เช่า  แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนเช่าเลย

พ่อ มีพี่น้อง 6 คน  รักใคร่กันดี ส่วนใหญ่ กินบำนาญราชการ  มีแต่พ่อ ที่ผมรู้สึกสงสารท่าน  ค่อนข้างไม่เห็นแสงสว่าง บางทีแกก็บ่นตัดพ้อในชีวิตเรื่องการเงิน
ส่วนแม่เอง มีน้องที่ยังรักกันดี อีก 1 คน (น้าของผมครับ ก็ขายของกินไป วันๆ) ซึ่งผมคิดว่าก็ต้องเป็นผมเองเหมือนกันที่อนาคต ผมก็ต้องมาช่วยจัดการดูแล ยามน้าแก่ลงครับ  แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำไง  เพราะแกอยู่คนละที่กับเรา

เข้าเรื่องเลยครับ
ตอนนี้พ่อแม่ ดูไม่มั่นคงมากๆเลย ไม่มีเงินเก็บ 
มีแค่เบี้ยยังชีพเดือนละ 700

สมัยก่อน พ่อทำงานเอกชน แล้วบริษัทปิดตัวลง  ในสมัยผมอายุไม่กี่ขวบ
พ่อเลยมาเปิด หจก. ร่วมกับแม่ (ปกติแม่ก็เป็นแม่บ้านครับ)  คนทำงานหลักๆจะเป็นพ่อ  แม่อาจจะช่วยดูเรื่องเอกสารบิลอะไรให้
ยาวมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน
 
แล้วผมก็มารู้ว่า พ่อแม่ ไม่มีเงินเก็บในบัญชีเลย ตลอดการทำงานร่วมเกือบๆ 30 ปี
เพราะรายได้ กับค่าใช้จ่าย มันหักล้างกัน
ท่านเอามาจ่ายค่าเล่าเรียนของผม  ค่าใช้จ่ายในครอบครัวหมด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แล้วพ่อก็เป็นคนติดบุหรี่ กับแอลกอฮอลล์ด้วยครับ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเป็นพ่อที่ดีมากๆเลย
รับผิดชอบครอบครัวตลอด

ยิ่งช่วง 2-3 ปีมานี้ (ไม่ได้เกี่ยวกับ Covid) ยอดขายบางเดือนไม่มี บางเดือนได้หลักร้อย   
มีบ้างบางเดือนได้หลักหมื่น
ก็อาศัยถูๆไถๆ เอา  ประกอบกับผมมีรายได้แล้ว  ในบ้านก็เลยมีเงินใช้ พอมีพอกินตลอดทั้งปี 
ตอนนี้แม่เสนอให้พ่อปิด หจก. เคลียร์ทุกอย่าง
เพราะต้องเสียค่าจ้างทำบัญชีทุกเดือน โดยที่ไม่มีรายได้เข้ามาเลย

คือพอผมเรียนจบ เริ่มทำงานอายุ 24  มีรายได้ 
ในส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านสมัยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ทั้งผม และพ่อ จะช่วยกัน  

แต่ตอนนี้ผมจะเป็นคนหลักเลยครับ
ผมทำงานเอกชน ปัจจุบันรายได้ต่อเดือน อยู่ที่ประมาณ  60,000 ต่อเดือน

หักภาษี  ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประมาณ 6,000 ต่อเดือน 
ค่าใช้จ่ายในบ้านค่อนข้างคงที่ 
จะเป็นค่าผ่อนบ้าน  23,000 (บ้านที่ภาคใต้ ที่ได้แจ้งไปแล้วในตอนต้น  เป็นบ้านที่กะว่าทำให้คนเช่า แต่ก็ยังไม่มีคนมาเช่าเลย)
ค่าประกันสุขภาพ ของตัวเอง พ่อแม่  ประกันรถ  ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าอยู่ค่ากิน  ตกเฉลี่ยต่อเดือน อีก 25,000

ก็จะเหลือประมาณ 6,000 ต่อเดือนครับ สำหรับเงินเก็บของ  3 ชีวิต

แต่ทีนี้
มีประเด็นให้ผมคิดมาก ผมไม่รู้จะจัดสรรค์เงินยังไง

แม่ก็อยากให้มีแฟนซักที 555555
หากมีแฟน มีครอบครัว มีลูก ก็เหมือนติดขัดไปหมด
ไม่รู้จะยังไงได้
ถ้ามีครอบครัวเอง ก็ต้องแยกบ้านมาอยู่
แต่รายได้ไม่พอที่จะซื้อแยกมาอยู่แล้ว    
ต้องอย่าลืม ว่าผมมีเงินเก็บแค่ 6,000 ต่อเดือน  
ต้องแบ่งเก็บไว้กินยามเกษียณของตัวเอง     แบ่งเก็บไว้เป็นค่ารักษาพ่อแม่ (ตอนนี้เริ่มมีเป็นนู่นเป็นนี่แล้ว)
แบ่งเก็บไว้เพื่อการมีครอบครัวในอนาคต

ผมรู้สึกมืดมนมากเลย
ตอนนี้ยิ่งเห็นแม่เข้าโรงพยาบาล  ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคย  ก็เลยรู้สึกว่าถึงเวลาที่ท่านแก่แล้ว  ก็รู้สึกหดหู่ครับ
ทั้งสุขภาพกาย และจิต

ใจลึกๆ ก็อยากให้ แฟนในอนาคต
มาอยู่ร่วมกับที่บ้าน ก็กลัวว่าเขาจะอึดอัด 
ซึ่งเราก็จะได้ดูแลพ่อแม่เราด้วย เพราะ คิดไปอนาคต ตอนแก 80  90 รู้สึกว่าเป็นห่วงท่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ความจริงเงินเดือนขนาดคุณ เลี้ยงพ่อแม่ได้อย่างไม่ลำบากแล้ว ถ้าบ้านที่อยู่อาศัยไม่ต้องผ่อนหมดหนี้แล้ว และสามารถมีแฟนหรือภรรยาช่วยกันหากินได้แบบไม่ขัดสน

   แต่ปัญหาอยู่ที่ ค่าผ่อนบ้าน  23,000 บาท (บ้านที่ภาคใต้ และไม่มีคนเช่า)  อย่างนี้คือ กู้เงินมา 4-5 ล้านบาทที่เดียว  ความคิดที่ทำลงไปแต่แรกนั้นไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกแล้วครับ แม้จะเห็นว่าคนอื่นหรือญาติ ในภาคใต้ทำได้ แต่เราชิอยู่กรุงเทพฯ และดูแล้วพ่อแม่เราก็ติดกับดักกรุงเทพฯ เสียแล้ว ไม่ควรตัดสินใจไปทำอย่างนั้น.  

      ตามเห็นผมที่คิดไว้ตั้งแต่ยังลำบากคือ  "อยู่ที่ใหนต้องสร้างทรัพย์สินที่นั้น   หรือ เมื่อเรายังตัวเล็ก ต้องสร้างรังและทรัพย์สินอยู่ที่นั้น ไม่ควรไปสร้างทรัพย์ในที่ไกลไปเสียก่อน"

      ดังนั้นหาวิธีปลดล็อกตรงนั้นที่มีปัญหาไปได้  ปัญหาก็จะคลายไปอย่างมาก
ความคิดเห็นที่ 13
พ่อแม่ยังแข็งแรง
ให้ท่านไปอยู่ที่ใต้ค่ะ
จะได้ดูแลบ้านได้ ไม่ต้องห่วงต่อไปคุณเอาบ้านทำ reverse mortgage
มีเงินเลี้ยงดูท่านค่ะ
คุณก็แต่งงานสร้างครอบครัวไปค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
คล้ายผมเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

ผมเริ่มดูแลพ่อแม่จริงจัง คือ รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งบ้านตอนอายุประมาณ 25 ปีครับ ตอนนั้นเงินเดือนผมประมาณ 20,000 บาท เลี้ยงทั้งบ้านและมีทั้งแฟน โชคดีได้แฟนจิตใจน่ารักครับ เธอเข้าใจ สนับสนุนให้ดูแลพ่อแม่ และไม่กดดันว่าจะต้องมีบ้านมีลูกแยกออกมา ฯลฯ

สาเหตุที่ผ่านมาได้หลัก ๆ คือ ไม่มีหนี้สินระยะยาวเช่นหนี้บ้านหนี้รถครับ แต่มีพวกหนี้บริโภคครับ แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นทางการเงินตลอดนะครับ แต่ขอข้ามแล้วกันมันซับซ้อนไป ข้ามช็อตไปตอนอายุ 33 เจอแนวธุรกิจที่ใช่ครับ

ปัจจุบันอายุ 41 ยังไม่คิดว่าตัวเองรวยนะครับ แต่ชีวิตสบายแล้ว ไม่เหนื่อย และมีเงินใช้สบาย ๆ ครับ

ถ้าจะแนะนำแนวคิดสั้น ๆ ก็จะแนะนำว่า

- ถ้าชีวิตยังมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เรื่องแฟนตัดทิ้งไปก่อนเลยครับ

- ผู้ชายเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว แม้จะอายุ 40+ ก็หาแฟนใหม่ได้ไม่ยากครับ ขอให้สบายใจได้
ความคิดเห็นที่ 18
รายได้ 60,000/เดือน ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยยังกังวล
ทำให้คิดถึงผู้ที่รับค่าแรงขั้นต่ำซึ่งมีหลายสิบล้านคนจะคิดอย่างไร
รายได้ผมไม่ถึงหกหมื่น จึงคิดไม่ออกว่าจะแนะนำคุณให้หายกังวลได้อย่างไรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่