ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มองเรื่ิองความรักเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับและทำให้อยู่ด้วยกันอย่างสบายใจทั้งสองฝ่าย ผมจึงคิดว่าอดีตที่ผ่านมาของทุกคนนั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คำว่า "เรา" คือสองคนและแค่สองคนเท่านั้น อดีตคืออดีต ผมมองแค่ปัจจุบันที่เราอยู่ด้วยกันและวางแผนอนาคตด้วยกัน ผมคิดแบบนี้ในด้านความรัก
และตอนนี้ผมมีแฟนที่คบหาดูใจกันมายาวนานพอสมควรจนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เนื่องด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ทุกอย่างมีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆภายหลัง ทุกการกระทำของเราสองคน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้และยินยอมให้การตัดสินใจของผม
แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องแฟนเก่าของแฟนผมซึ่งแฟนผมยังคงติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอเพราะแฟนผมมีลูกติดกับผู้ชายคนนั้นเธอจึงบอกผมว่า แฟนเก่าของเธอต้องรับผิดชอบเธอถึงต้องยังคุยกัน ซึ่งตัวผมเล็งเห็นว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่เธอบอกถึงแม้ผมจะบอกกับเธอว่า ผมเลี้ยงลูกและเธอได้ แต่เธอก็ยังยืนยันว่าตรงนี้ไม่ใช่ภาระของผม มันเป็นภาระของแฟนเก่าเธอที่ต้องรับผิดชอบ ผมจึงยอมรับในการตัดสินใจของเธอ และปล่อยให้เธอได้คุยกันราวๆปีกว่าๆแล้ว ผมเริ่มรู้สึกไม่โอเคนิดหน่อย ว่าทำไมพอผมใจกว้างไม่ปิดกันพ่อ-ลูกได้เจอกัน ทั้งสองคนทำเหมือนผมไม่มีตัวตน การพูดคุยกันต่อหน้าผมก็ปกติดี แต่เวลาที่อยู่กันสองคนมีการถึงเนื้อต้องตัวผมยอมรับได้แต่สิ่งที่ทำผมมองว่าไม่สมควรเพราะยังคงทำตัวเหมือนรักกันแบบเดิม แล้วผมเป็นใครเหมือนผมเป็นมือที่สาม ทุกอย่างที่เป็นงานในบ้านผมพยายามทำเองแทบไม่ให้เธอแตะอะไรเลยสักอย่างผมจะรู้ว่าอะไรอยู่ไหนตรงไหนแบบไหน พอมันวางผิดที่ไปผมก็แค่ถามเธอเฉยๆประมาณว่า เธอกวาดบ้านเหรอ? ทีหลังไม่ต้องทำนะ อะไรแบบนี้ เธอกลับโวยวายใส่ผมหาว่าผมจับผิดมั่งอะไรมั่ง และจะคอยปกป้องแฟนเก่าเสมอ ขนาดตอนที่แฟนเก่าเธอมาหาลูกที่บ้านแล้วเอาน้ำในตู้ไปกินแต่วางไว้ข้างนอกไม่เก็บเข้าบ้านผมก็แค่บอกให้เธอเก็บเข้ามาด้วยนะเผื่อลืมเดี๋ยวลมมันจะพัดปลิวไปเกะกะบ้านคนอื่น เธอกลับหาว่าผมหวงกินแม้กระทั่งน้ำและบอกว่าเธอเอาออกมากินเอง ทั้งๆที่ปกติเธอจะรินใส่แก้วกินหน้าตู้แล้วเก็บ บางทีผมก็คิดว่ามันมากเกินไปแต่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ผมดูเหมือนเป็นคนผิดทุกครั้งที่แฟนเก่าเธอมาหา แต่ผมจะเป็นคนดีในสายตาเธอเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมสับสนและไม่รู้จะเอายังไงต่อดีครับ ผมรักเธอมากจนยอมให้ทุกอย่างแล้วแต่เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ผมอยากขอความคิดเห็นทุกๆท่านหน่อยครับ
การที่เราเป็นคนใจกว้างเรื่องความรักเพื่อให้คนรักได้สบายใจมันมีประโยชน์อย่างไร?
และตอนนี้ผมมีแฟนที่คบหาดูใจกันมายาวนานพอสมควรจนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เนื่องด้วยปัญหาหลายๆอย่าง ทุกอย่างมีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆภายหลัง ทุกการกระทำของเราสองคน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้และยินยอมให้การตัดสินใจของผม
แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องแฟนเก่าของแฟนผมซึ่งแฟนผมยังคงติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอเพราะแฟนผมมีลูกติดกับผู้ชายคนนั้นเธอจึงบอกผมว่า แฟนเก่าของเธอต้องรับผิดชอบเธอถึงต้องยังคุยกัน ซึ่งตัวผมเล็งเห็นว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่เธอบอกถึงแม้ผมจะบอกกับเธอว่า ผมเลี้ยงลูกและเธอได้ แต่เธอก็ยังยืนยันว่าตรงนี้ไม่ใช่ภาระของผม มันเป็นภาระของแฟนเก่าเธอที่ต้องรับผิดชอบ ผมจึงยอมรับในการตัดสินใจของเธอ และปล่อยให้เธอได้คุยกันราวๆปีกว่าๆแล้ว ผมเริ่มรู้สึกไม่โอเคนิดหน่อย ว่าทำไมพอผมใจกว้างไม่ปิดกันพ่อ-ลูกได้เจอกัน ทั้งสองคนทำเหมือนผมไม่มีตัวตน การพูดคุยกันต่อหน้าผมก็ปกติดี แต่เวลาที่อยู่กันสองคนมีการถึงเนื้อต้องตัวผมยอมรับได้แต่สิ่งที่ทำผมมองว่าไม่สมควรเพราะยังคงทำตัวเหมือนรักกันแบบเดิม แล้วผมเป็นใครเหมือนผมเป็นมือที่สาม ทุกอย่างที่เป็นงานในบ้านผมพยายามทำเองแทบไม่ให้เธอแตะอะไรเลยสักอย่างผมจะรู้ว่าอะไรอยู่ไหนตรงไหนแบบไหน พอมันวางผิดที่ไปผมก็แค่ถามเธอเฉยๆประมาณว่า เธอกวาดบ้านเหรอ? ทีหลังไม่ต้องทำนะ อะไรแบบนี้ เธอกลับโวยวายใส่ผมหาว่าผมจับผิดมั่งอะไรมั่ง และจะคอยปกป้องแฟนเก่าเสมอ ขนาดตอนที่แฟนเก่าเธอมาหาลูกที่บ้านแล้วเอาน้ำในตู้ไปกินแต่วางไว้ข้างนอกไม่เก็บเข้าบ้านผมก็แค่บอกให้เธอเก็บเข้ามาด้วยนะเผื่อลืมเดี๋ยวลมมันจะพัดปลิวไปเกะกะบ้านคนอื่น เธอกลับหาว่าผมหวงกินแม้กระทั่งน้ำและบอกว่าเธอเอาออกมากินเอง ทั้งๆที่ปกติเธอจะรินใส่แก้วกินหน้าตู้แล้วเก็บ บางทีผมก็คิดว่ามันมากเกินไปแต่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ผมดูเหมือนเป็นคนผิดทุกครั้งที่แฟนเก่าเธอมาหา แต่ผมจะเป็นคนดีในสายตาเธอเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมสับสนและไม่รู้จะเอายังไงต่อดีครับ ผมรักเธอมากจนยอมให้ทุกอย่างแล้วแต่เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ผมอยากขอความคิดเห็นทุกๆท่านหน่อยครับ