กอล์ฟ ไดเจสต์ สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ ไทเกอร์ วูดส์ ถึงอนาคตกอล์ฟ ครั้งแรกและที่แรกหลังอุบัติเหตุรถยนต์

กระทู้สนทนา
^^ เมื่อคืนก่อนนอนเห็นข่าวไทเกอร์ล่าสุด โดยใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ไทเกอร์ได้ให้สัมภาษณ์สองครั้ง 
ครั้งแรกกับกอล์ฟ ไดเจสต์ และอีกครั้งที่งานแถลงข่าวทัวร์นาเมนต์ Hero World Challenge ที่เขาเป็น
เจ้าภาพ ครั้งนี้ผมถอดบทสัมภาษณ์ของกอล์ฟ ไดเจสต์ เพราะว่าค่อนข้างลงลึกในรายละเอียด หากมีโอ
กาสจะได้ถอดคำสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่ทัวร์นาเมนต์ Hero World Challenge อีกครั้ง ซึ่งก็น่าสนใจ
ไม่แพ้กัน ท่านที่สนใจอ่านต้นฉบับดูบทความของ Dan Rapaport ที่เว็บไซต์กอล์ฟ ไดเจสต์ได้ ^^


ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ กอล์ฟ ไดเจสต์ เป็นเวลา 30 นาที นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปี ไทเกอร์
เปิดใจถึงปีแห่งความเจ็บปวด โอกาสคัมแบคสู่กอล์ฟ และความก้าวหน้าของชาร์ลีในฐานะนักกอล์ฟ
 
“ผมคิดว่า สิ่งที่น่าจะเป็นจริงมากที่สุดคือ สักวันหนึ่งหวังว่าจะได้กลับไปเล่นในทัวร์ แต่ไม่ใช่แบบเต็มเวลา 
ไม่ใช่แน่นอน แต่เป็นการเลือกเล่นบางรายการ เหมือนอย่างที่เบน โฮแกนเคยทำ คือเลือกสักสองหรือสาม
รายการต่อปี คือเล่นประมาณนั้น” วูดส์บอกผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านซูมจากที่บ้านย่านเซาธ์ฟลอริดา กับ
เฮนนี โคแยค แห่ง กอล์ฟ ไดเจสต์ “ก็ต้องฝึกซ้อมตามช่วงเวลานั้นๆ และพยายามสปีดตัวเองให้พร้อมสำ
หรับแมทช์แข่งขัน ผมคิดว่านั่นเป็นแผนการของผมต่อจากเวลานี้ มันเป็นความจริงที่โชคร้ายหน่อย แต่มัน
ก็คือความจริง  และผมก็เข้าใจและยอมรับมันได้”
 
“ผมไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับเหล่านักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในโลกเพื่อจะได้มีชีวิตอันยิ่งใหญ่ หลังการผ่าตัดหลัง 
ผมเหมือนต้องคลานขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้ง แต่ผมต้องทำ และก็ทำสำเร็จ แต่สำหรับครั้งนี้ ผมไม่คิด
ว่าร่างกายผมจะพร้อมคลานขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ผมยังคงมีส่วนนร่วมกับเกมกอล์ฟ 
ผมยังทำได้หากขาของผมโอเค ผมยังสามารถไปที่ทัวร์นาเมนต์โน่นนี่ได้ แต่จะให้ปีนภูเขาสูงอีก ไปให้ถึง
ยอดสุดอีกครั้ง ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความคาดหวังที่เป็นจริงได้สำหรับผม”
 
วูดส์ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกเท้าแตกหลายส่วน ที่บริเวณเท้าขวาเลยถึงต้นเท้า จากอุบัติเหตุทางรถยนต์
นอกเมืองแอลเอ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ฮาร์เบอร์-ยูซีแอลเอ เมดิคัลเซ็นเตอร์ 
และส่งต่อไปยังซีดาร์-ไซไน เมดิคัลเซ็นเตอร์ในเวลาต่อมา ซึ่งเขารักษาตัวที่นั้นเป็นเวลาสามสัปดาห์และ
เกือบต้องตัดขา
 
“มีช่วงหนึ่ง ผมจะไม่พูดว่ามัน 50/50 แต่มันใกล้เคียงมาก ว่าผมจะออกจากโรงพยาบาลด้วยขาข้างเดียวหรือ
ไม่ และเมื่อผมรักษามันไว้ได้ ผมก็อยากทดสอบและดูว่าผมยังคงมีมืออยู่หรือไม่ ดังนั้นแม้จะอยู่ในโรงพยาบาล 
ผมยังต้องให้แฟนสาว เอริกา เฮอร์แมน และเพื่อนผมคือ ร็อบ แม็คนามารา โยนอะไรมาที่ผม โยนมา อะไรก็ได้”
 
หนึ่งในความทรงจำแรกของวูดส์หลังเกิดอุบัติเหตุ คือถามหาไม้กอล์ฟ เพื่อจะได้เอามาจับเล่นตอนที่ยังนอน
บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล การเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย ที่ต้องยกเตียงโรงพยาบาลมาไว้ที่บ้าน กิน
เวลาสามเดือน จากนั้นก็เป็นรถเข็นวีลแชร์ ต่อจากนั้นก็พัฒนามาเป็นไม้ค้ำยัน ซึ่งทำให้เขาสามารถย้ายตัวเอง
ไปที่โน่นนี้ได้ตามต้องการ
 
“การเพิ่มภาระเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผม มันได้ก่อให้ประโยขน์มากมาย เพราะว่า
ผมต้องติดแง็กอยู่กับบ้าน แต่จะว่าไป มันก็เป็นบ้านหลังสวยงามที่ผมสร้างให้ตัวเอง แต่ผมไม่สามารถทำสิ่ง
หนึ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด คือผมอยากออกไปนอกบ้าน แค่เพียงนอกตัวบ้าน บางครั้งผมเขยกพาตัวเองลง
ไปนอนบนลานหญ้านานเป็นชั่วโมง ด้วยความที่ผมอยากออกไปข้างนอก การคิดถึงเสียงการอิมแพคบอล
อย่างหนักแน่น เป็นความรู้สึกที่ดีมากอย่างหนึ่ง”
 
กระบวนการฟื้นฟูร่างกายของวูดส์เป็นเหมือนการขับรถขึ้นเขาลงห้วยที่น่าหัวเสีย เขาบอกว่าเขาคาดหวังว่า
มันต้องคืบหน้าอย่างรวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็นจริง ในวันที่มืดมนหลังอุบัติเหตุใหม่ๆ เขากล่าวว่า เขาต้องย้อน
ไปถึงเรื่องสภาพจิตใจที่เขาเคยเรียนรู้จากพ่อของเขา
 
“นี่คือจุดที่คำสอนของพ่อเข้ามาเกี่ยวข้อง จากการที่พ่อได้เข้าไปเป็นทหารและอยู่หน่วยรบพิเศษ ซึ่งพลรบ
พิเศษทุกคนต้องผ่านการทดสอบสภาพจิตใจที่หนักหนา เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่า การสู้รบจะยาวนานแค่ไหน 
มันอาจกินเวลาห้าวินาที หรือห้าชั่วโมง และบางครั้งก็อาจนานหลายวัน เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ คุณไม่มีทางรู้ว่ามัน
จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด คุณจะผ่านมันไปอย่างไร หนึ่งในวิธีของพ่อผมคือ 
การมีชีวิตรอดแบบมื้อต่อมื้อ
 
สิ่งที่ผมทำคือ ทำให้ช่วงเวลา(การรักษาตัว)มันสั้นลง จากที่มันจะเป็นเก้าเดือนแห่งนรก ทำให้เป็นเพียงแค่
วันละสองหรือสามชั่วโมง เพื่อให้มันค่อยสะสมเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน และมาจนถึงนาทีนี้ ที่ผมกำลังพูดคุย
กับคุณ”
 
เมื่อเขาเข้าสู่สภาพที่สามารถออกไปซ้อมพัตต์ได้ วูดส์ต้องเพิ่มความยาวก้านพัตเตอร์ Scotty Cameron 
Newport 2 ที่ช่วยให้เขาคว้าแชมป์ 14 จาก 15 เมเจอร์ เนื่องจากเขาไม่สามารถก้มตัวให้ต่ำเท่าเดิมได้ 
จากนั้นก็แข่งขันชิปกับชาร์ลี ลูกชาย จนที่สุดมาถึงการตีลูกเต็มวงอย่างจำกัด วูดส์ได้โพสต์คลิปที่เจ้าตัว
สวิงเหล็กสั้นลงโซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งก่อให้เกิดกระแสว่าเขากำลังจะคืนสังเวียน แต่วูดส์ยืน
ยันว่าเขายังคงห่างไกลความพร้อมที่กลับมาลงแข่งในพีจีเอ ทัวร์
 
“ผมยังห่างไกลอีกมาก ยังไม่ถึงแม้แค่ครึ่งทาง” เขากล่าว “ผมยังต้องสร้างการพัฒนาของทั้งกล้ามเนื้อ
และเส้นประสาทที่ส่วนขาอีกมาก ในขณะเดียวกัน อย่างที่คุณรู้ ผมผ่าตัดหลังมาห้าครั้ง ซึ่งมันได้รับผล
กระทบและผมจึงยังต้องรักษามันอีกด้วย ดังนั้นเมื่อขาเริ่มแข็งแรงขึ้นแผ่นหลังก็จะทำงานได้ดีขึ้น มันเป็น
หนทางที่เหนื่อยยาก แต่ผมก็มีความสุขที่สามารถออกไปข้างนอก ไปดูชาร์ลีเล่นกอล์ฟได้ หรือไปที่สวน
หลังบ้านสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงคนเดียวลำพัง ไม่มีเสียงพูด ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีอะไร ผมได้ยินแต่เพียง
เสียงนกร้อง นี่คือส่วนที่ผมโหยหา”
 
วูดส์บอกว่า ความคาดหวังที่จะได้ร่วมทีมกับลูกชายวัย 12 ขวบอีกครั้งเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีให้เขาสามารถ
ผ่านกระบวนการฟื้นฟู ภาพแรกๆของเขาที่ปรากฏหลังเกิดอุบัติเหตุ คือภาพที่วูดส์ไปดูชาร์ลีแข่งกอล์ฟใน
ย่านต่างๆของฟลอริดา
 
“ผมไปที่ทัวร์นาเมนต์ที่เขาแข่งเพื่อดูเขาเล่น ครั้งหนึ่งผมดูสกอร์ที่เขาทำแล้วผมพูดว่า ทำไมลูกถึงตีสกอร์
สูงขนาดนี้? เดี๋ยวพ่อจะต้องไปเช็ค” เขาบอกกับเฮนนี่ “ผมจึงไปเดินดูเขาเล่น ซึ่งครั้งนั้นเขาก็ทำได้ดีมาก 
แต่มีหลุมหนึ่งที่เขาตีไม่ดี อารมณ์เสีย แล้วก็เสียต่อไปถึงช็อตต่อไป และช็อตต่อไป แล้วมันก็ดินพอกหาง
หมู ผมบอกว่า ลูก พ่อไม่สนว่าลูกจะอารมณ์เสียหรือลูกจะหัวเสียขนาดไหน สิ่งที่พ่อแคร์คือ ลูกต้องคอมมิท
ร้อยเปอร์เซ็นต์กับช็อตต่อไป เพราะมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ช็อตต่อไปคือช็อตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูก 
มันต้องสำคัญกว่าการหายใจเสียอีก เมื่อลูกเข้าใจหลักการนี้ พ่อว่าลูกจะดีขึ้น” เมื่อเขาเล่นในแมทช์ต่อๆไป
ตลอดทั้งช่วงซัมเมอร์ ปรากฏว่าเขาดีขึ้นอย่างมาก”
 
มีข้อความให้กำลังใจหลั่งไหลเข้ามือถือและอินบ็อกซ์ของเขามากมายตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งโทรศัพท์
จากท่านประธานาธิบดี ซึ่งวูดส์อดขำไม่ได้เมื่อเขาได้ยินเสียงประกาศว่า “จากทำเนียบขาวที่สาย 1” เขาแสดง
ความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อชาวกอล์ฟที่แสดงความห่วงใยเขา นักกอล์ฟในพีจีเอทัวร์หลายคนได้ไปเยี่ยม
เขาตลอดช่วงต่างๆของการฟื้นฟู แต่ที่บ่อยที่สุดไม่มีใครเกิน จัสติน โธมัส
 
“ครอบครัวของโธมัสและครอบครัววูดส์เหมือนครอบครัวเดียวกัน” เขาบอก “เจทีเหมือนน้องชายที่ผมไม่เคย
มี และชาร์ลีก็เหมือนน้องชายที่จัสตินไม่เคยมีเช่นกัน” 
 
วูดส์จะปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกหลังอุบัติเหตุ ในสัปดาห์นี้ที่รายการ Hero World Challenge 
ทัวร์นาเมนต์ที่เชิญนักกอล์ฟมือต้นๆของโลกมา 20 คน จัดขึ้นที่บาฮามาสและนำรายได้สมทบมูลนิธิของ
เขา สิ่งที่เราได้เห็นเขาในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก แต่วูดส์รู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
 
“ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเผชิญ มีงานหนักอึ้งที่ต้องทำ ความอดทน และความคืบหน้าในอัตราที่ดุดันแต่
จะไม่บุ่มบ่าม แน่นอนว่า เมื่อผมเริ่มเข้ายิมและได้หลั่งสารเอนโดฟินอย่างต่อเนื่อง ผมก็จะเดินหน้าและ
เดินหน้าต่อไป” เขากล่าว 

“นี่คือวิธีที่ทำให้ผมเอาชนะทัวร์นาเมนต์กอล์ฟได้มากมาย แต่ก็อีกนั้นแหละ อย่างที่ทุกคนประจักษ์ดีว่า
มันกินต้นทุนผมไปเท่าไหร่ มองตัวเองสิ ก่อนอุบัติเหตุ ผมผ่านการผ่าตัดมาแล้วสิบครั้ง ด้วยกีฬาที่ผม
เล่น การผลักดันตัวเองเพื่อเอาชนะในทุกทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่ง ผมจึงต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ ร่างกาย
จึงมีแต่คำว่าสึกหรอและเสื่อมถอย มันเหมือนกับกีฬาอื่นซึ่งล้วนต้องมีต้นทุน การทำธุรกิจมันก็ต้องมีต้นทุน 
แต่ที่โชคร้ายกว่าสำหรับนักกีฬาทั้งชายและหญิง คือการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่